เต๋า ภูศิลป์ นักร้องหมอลำหน้าหล่อ ที่วันนี้จะมาเปิดเผยเส้นทางการเป็นนักร้องหมอลำลูกทุ่ง สู่นักแสดงมืออาชีพ พร้อมเปิดประสบการณ์ปังเพราะมูเตลู แถมยังเจอแฟนคลับเปย์ของแบรนด์เนมหลักล้าน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW
“สถานการณ์โควิดก็มีผลกระทบ คอนเสิร์ตที่เคยมี เคยรับไว้ก็เลื่อนไปก่อนแบบไม่มีกำหนด ที่มีมัดจำไว้ก็เลื่อนไป โดยที่ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นตอนไหนแล้วค่อยไปร้องเพลงชดเชยให้เขา ตอนนี้แคนเซิลไปทั้งหมด 30-40 งาน จริงๆ เดือนเมษายนเป็นเดือนที่นักร้องลูกทุ่งกอบโกยเลย เพราะมีงานบุญบ้านต่างๆ มีสงกรานต์ ก่อนที่จะหน้าฝน มูลค่าก็เยอะอยู่ครับ แต่ก็เป็นกันทุกคน
โควิดทำให้เอยากกลับบ้านไปทำมาหากินที่อุบลเลย จริงๆ มันเป็นเหมือนการรีเซตระบบความคิดของคนเรา จากที่เคยทำแต่งานไม่เคยสนใจสิ่งแวดล้อมคนรอบข้าง ทุกวันนี้เราได้กลับมาอยู่กับตัวเอง โฟกัสสิ่งที่สำคัญในชีวิตเรา ควรจะมีภาระมากน้อยแค่ไหนชีวิตถึงจะอยู่ต่อไปได้ แล้วก็นึกถึงคนที่อยู่ที่บ้าน อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว แต่ตอนนี้กลับไปก็ไม่ได้ ก็กลัวจะเอาเชื้อไปติดเขา เป็นลูกชายคนเดียวด้วย แต่ตอนนี้โชคดีได้เข้ามาทำงานในวงการ ได้ร้องเพลง ก็ทำมาหากินตรงนี้ไปก่อน
ก่อนที่ผมจะได้ออกอัลบั้ลชุดแรกในชีวิต ผมก็คิดว่าเป็นแค่นักร้องคนหนึ่งไม่คิดว่าจะได้ออกอัลบั้ม จนมาได้รู้จักกับแม่นาง ศิริพร แม่นางก็ให้โอกาสพาผมไปเรียนร้องเพลงที่บ้านแม่นาง ก็เรียน กินข้าว อยู่กับแม่เลย แล้วก็แม่ก็มาพูดกับนายให้ ถ้าเจอแม่นาง จะต้องมีสายมูมาเกี่ยว ต้องบอกว่าเราก็เป็นคนที่นับถือพุทธศาสนา นับถือในกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เราก็หมั่นทำดีตลอด ที่ไหนดี ที่ไหนเด็ดเราก็ไป ส่วนใหญ่แม่พาไปวัด สถานที่ปฏิบัติธรรม แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็จะมีความคิดที่ว่าถ้าเราทำบุญไปเยอะๆ หมดเงินเป็นแสน เป็นล้าน แต่เราไม่เป็นคนดี มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราอยู่แล้ว เราจะไปหวังผลในขณะที่เรายังทำชั่วอยู่ มันก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้น เราต้องคิดดี ทำดี แล้วเราจะมีสิ่งดีๆ ตามมา
เรื่องแฟนคลับสายเปย์ ก็มีแฟนคลับเอ็นดูเรา ก็เป็นสิ่งที่ดี ก็ต้องขอบคุณมากๆ ผมจะอยู่ไม่ได้เลยถ้าไม่มีกำลังใจจากแฟนเพลง แฟนคลับ เขาก็ต้องมาดูแลเรา เอ็นดูเรา มีบางรายซื้อของเป็นนาฬิกา เสื้อผ้า เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมให้ เป็นหลักล้านเลย คือมีคนซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์ให้เป็นแฟนครับคนจีน เขามาเมนต์ในไอจีของเราว่าอยากจะซื้ออัลบั้มของเธอซื้อได้ที่ไหน ผมก็ตอบเขาไปว่าสามารถซื้อได้ที่ตึกแกรมมี่นะ เขาก็แบบไม่เคยมีศิลปินคนไหนตอบเขาเลย เขาก็ปลื้มเรามาก แล้วหลังจากนั้น 14 กุมภาพันธ์ เขาบินมาจากจีน ผมก็ร้องเพลงบนเวที เขาก็ให้กล่องมากล่องหนึ่งเป็นกล่องเขียวๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่พอลงเวทีมาเปิดดูเห้ย เป็นนาฬิกา มีใบรับประกันก็ไปสืบราคาดูก็เยอะอยู่เหมือนกัน และหลังจากนั้นมาเขาก็มาเรื่อยๆ วันต่อมาผมมีงานที่หนองคาย เดือนนั้นไม่มีงานในกรุงเทพฯ เขาก็บินมาจากจีนมากรุงเทพฯ กรุงเทพฯไปอุดรฯ นั่งรถจากอุดรฯก็นั่งรถไปหนองคายเพื่อที่จะเอากระเป๋าแบรนด์เนมไปให้เรา
จริงๆ ผมบอกคนที่จะเอาเงินมาให้ผมทุกคน ผมเป็นคนขี้เกรงใจ ขอบคุณนะที่มาหากัน มาหากันก็เกรงใจมากแล้ว แต่นี้เขาเสียทั้งค่ารถ ค่าตั๋วเครื่องบิน เอาเงิน เอาทองมาให้เราอีก เรารู้สึกว่าเราเกรงใจเขา”