3 เม.ย.63- คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เกลี่ยเงิน vs. กู้เงิน พล.อ.ประยุทธ์จะเลือกทำอย่างไหนก่อนคะ..?
การที่จะทำให้ประเทศผ่านวิกฤตครั้งนี้ ต้องใช้งบมหาศาล
ก่อนจะ”กู้เงิน”สร้างหนี้เพิ่ม
จึงควรตัดงบปี 63 ที่ไม่จำเป็น
เช่น ซื้อเรือดำน้ำ อาวุธ
ตึกใหม่ รถใหม่
ตัดได้อย่างน้อย 10-15%
จะได้งบ 300,000-500,000 ล้านบาท
มาช่วยประชาชน
ไม่ตัดงบก่อนกู้ เท่ากับทำร้ายประชาชน
ดิฉันและพรรคเพื่อไทยเล็งเห็นว่า วิกฤตโควิด-19 ในครั้งนี้ หนักหนาสาหัสมาก โดยที่รัฐบาลจะต้องใช้เม็ดเงินจากภาษีอากรของพี่น้องประชาชนจำนวนมหาศาล เพื่อดำเนินการในเรื่องของการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการแก้ปัญหาต่อเนื่อง ที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญในอนาคตอันใกล้
ดังนั้น หากผู้นำประเทศไม่รู้จักการประหยัด ด้วยการปรับแผนในการใช้เงินตั้งแต่ตอนนี้ เราจะโดน 2 เด้ง คือใช้เงินตามแผนเก่า(ปี 63)อย่างไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และรัฐบาลจะต้องไปกู้เงินอีกจำนวนมหาศาล เพื่อมาแก้ไขวิกฤตของประเทศ
รัฐบาลที่มีการบริหารจัดการอย่างชาญฉลาด ควรจะ “เกลี่ยเงิน” จากค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น, ไม่เร่งด่วน มาใช้แก้ปัญหาวิกฤต ก่อนที่จะตัดสินใจ “กู้เงิน” ค่ะ
ดิฉันได้เสนอไปหลายวัน และย้ำไปหลายครั้งแล้ว ให้นายกฯ ตัดงบประมาณปี 63 ที่ไม่จำเป็นของทุกกระทรวงลงโดยเฉลี่ย 10% เป็นอย่างน้อย เพื่อเกลี่ยเงินส่วนนี้มาช่วยแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น
บริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกและทั่วประเทศไทย ต่างก็ปรับการใช้งบประมาณใหม่กันหมดแล้ว หากรัฐบาลและกระทรวงต่างๆ ไม่รู้จักปรับตัว ท่านจะกลายเป็นตัวสร้างภาระให้ประเทศ จากการใช้งบประมาณที่สูงขึ้น ในขณะที่รายได้จากการเก็บภาษีอากรในปีหน้า เราน่าจะเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้าเยอะมาก ทำให้เราต้องกู้เงินมากขึ้น หนี้รายหัวของประชาชนก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว!!
ทำไมธุรกิจอื่นเลื่อนการจ่ายตังค์ หรือ Pending การจัดซื้อไว้ได้ แต่ระบบราชการไทยจึงทำไม่ได้?
สัญญาจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การจัดซื้อเรือดำน้ำ, อาวุธต่าง ๆ, การสร้างตึกใหม่, สั่งซื้อรถประจำตำแหน่งใหม่, การดูงาน, อบรมสัมมนา และเรื่องอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนน้อยกว่าการแก้ปัญหาโควิด-19 ควรจะถูกปรับเลื่อน-ลด-ยกเลิก ไปบ้าง หากนายกฯ มีความจริงใจที่จะทำเพื่อลดภาระงบประมาณของประเทศนั้น ควรจะตัดงบปี 63 ได้ถึง 15% ด้วยซ้ำ เพราะงบประมาณปี 63 ล่าช้า และเหลือเวลาใช้อีกเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น ทำไมจึงต้องเร่งใช้ให้เต็ม 3.3 ล้านล้านบาท
ถ้าตัดงบปี 63 ได้ 10% จากงบประมาณทั้งหมด 3.3 ล้านล้านบาท เราจะได้เงิน 300,000 ล้านบาท ถ้าตัด 15 % เราจะได้เงินเกือบ 500,000 ล้านบาท
เงินจำนวนครึ่งล้านล้านบาทนี้ รัฐบาลสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาวิกฤต แก้ปัญหาให้หมอและพยาบาลให้ดีกว่าที่ผ่านมา เชื่อว่าพี่น้องประชาชนตลอดจนพรรคฝ่ายค้าน. จะเห็นด้วยมากกว่าการหลับหูหลับตาใช้เงินเก่าให้หมด เพื่อจะกู้เงินใหม่มาใช้ค่ะ
ดิฉันขอเรียกร้องต่อพลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีอีกครั้งว่า
1) ต้องรีบสั่งการให้ตัดงบประมาณปี 63 ลงอย่างน้อย 10-15% เพื่อนำเงินก้อนนี้ที่จะได้ 300,000 ถึง 500,000 ล้านบาท มาเยียวยาประชาชนและธุรกิจขนาดเล็ก และกลาง SMEs ต่างๆ ให้ประคองตัวอยู่ได้ ในยามวิกฤตเช่นนี้
2) ต้องกระจายงบกลางที่อยู่ในมือนายกฯ เป็นแสนล้าน ไปยังโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค และจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้พอเพียงสักที อย่าให้ใครมาตั้งคำถามว่า #งบกลางหายไปไหน
3) การกู้เงินต้องทำหลังจากทำข้อ (1)ข้อ (2)ให้ครบถ้วนก่อน และการกู้เงินต้องเป็นการกู้เพื่อนำไปใช้ในมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศซึ่งต้องใช้เงินมหาศาล
วางแผนปรับเปลี่ยนงบประมาณ เร่งเกลี่ยเงินที่ไม่จำเป็นมาใช้ ก่อนการกู้เงินสร้างหนี้ให้ประชาชน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |