1 เม.ย.63-นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมเร่งรัดและติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2563 ในส่วนของงบฯ ปกติของรัฐบาล ร่วมกับ 13 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า กระทรวงคมนาคมได้รับงบประมาณประจำปี 2563 วงเงิน 208,317 ล้านบาท แยกเป็น รายจ่ายประจำ 37,7 92 ล้านบาท หรือ 18% ของงบประมาณทั้งหมดและรายจ่ายการลงทุน 170,525 ล้านบาท หรือ 82% โดยงบประมาณดังกล่าวนั้น แบ่งเป็น รายการปีเดียว 100,442 ล้านบาท รายการผูกพันเดิม 52,122 ล้านบาท และรายการผูกพันใหม่ 17,961 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากปัญหาที่กระทรวงคมนาคม และประเทศไทยได้เผชิญอยู่ในขณะนี้ ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และปัญหาเรื่องภัยแล้ง ซึ่งไม่รวมถึงการเกิดภาวะสงครามทางเศรษฐกิจของประเทศขนาดใหญ่เมื่อปีที่แล้วนั้น กระทรวงคมนาคมจึงจำเป็นที่ต้องบริหารงบประมาณปี 2563 ให้เป็นไปตามเป้าหมายตามที่รัฐบาลต้องการ เป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ คือ มี.ค. 2563 รัฐบาลกำหนดเป้าหมายการเบิกจ่ายไว้ที่ 40%, เม.ย. 48%, พ.ค. 57%, มิ.ย. 65%, ก.ค. 77%, ต.ค. 88% และ ก.ย. 100% โดยให้ปรับแผนว่า เม.ย. จะต้องดำเนินการประกาศเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อหาตัวผู้รับจ้าง จากนั้นต้น พ.ค. จะเรียกลงนามในสัญญา ตนจึงได้สั่งการให้ทั้ง 13 หน่วยงานไปจัดทำแผนการดำเนินงานโครงการและเร่งรัดให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมาย
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า สำหรับเป้าหมายที่กระทรวงคมนาคมกำหนดนั้น คือ พ.ค. ต้องเบิกจ่ายงบประมาณภาพรวมให้ได้ 42% คิดเป็นวงเงิน 87,493 ล้านบาท, มิ.ย. จะต้องเบิกจ่ายให้ได้ 66% หรือวงเงิน 137,487 ล้านบาท, ก.ค. ต้องเบิกจ่ายให้ได้ 8% หรือวงเงิน 170,819 ล้านบาท, ส.ค. ต้องเบิกจ่ายให้ได้ 92% หรือวงเงิน 1 91,650 ล้านบาท ซึ่งจะตรงกับเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด และ ก.ย. จะสามารถเบิกจ่ายให้ได้ครบ 100% ทั้งนี้ ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดการเบิกจ่ายให้เป็นไปตามเป้าหมายและทันตามที่กำหนดไว้ ขณะเดียวกันในวันที่ 3 เม.ย.นี้ จะมีการประชุมการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนประจำปี 2563 ของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้วย
“หลังจากที่ได้คุยและกำหนดเป้าหมายนั้น ทุกหน่วยยืนยันว่า สามารถดำเนินการได้ตามที่กำหนดไว้ ซึ่งผมจะนำเรื่องนี้เป็นตัวชี้วัด (KPI) ที่จะพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในช่วงปลายปี และผมได้มีการกำชับว่า เป้าหมายที่กำหนดรายเดือน ขอให้แต่ละส่วนราชการได้กำกับดูแลเป็นรายสัปดาห์ เพื่อที่จะสามารถเห็นว่ามีการดำเนินการได้ดำเนินการตามเป้าหมายหรือไม่ โดยทั้งหมดผมเชื่อว่าสามารถดำเนินการได้ หลังจากนี้จะมีการติดตามทุกเดือน และถ้ามีปัญหาอุปสรรคอะไร ต้องรีบแจ้งประสานงานโครงการใดดำเนินการไม่ได้ ให้ปรับแผนและไปตกลงกับสำนักงบประมาณให้เร็วที่สุด เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณ สามารถไปช้วยกระตุ้นเศรษฐกิจและทำโครงการแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ตามที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล” นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในเรื่องสุขภาพของประชาชนคนไทยเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุด จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณ เพื่อนำแก้ปัญหานั้น ได้สั่งการให้ทุกหน่วยราชการประสานงานกับสำนักงบประมาณในการปรับแผนการดำเนินการ โดยไม่ได้ปรับลดโครงการ แต่จะเป็นการปรับแผนผูกพันงบประมาณเพื่อเข้าสู่ปี 2564 ซึ่งจะทำให้สามารถทำงานได้ตามปกติ ทั้งนี้ ยืนยันว่าทุกหน่วยพร้อมที่จะปฏิบัติตามเป้าหมาย
สำหรับ 13 หน่วยงานที่ได้ประชุมในวันนี้นั้น ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม (สปค.), กรมเจ้าท่า (จท.), กรมการขนส่งทางบก (ขบ.), กรมท่าอากาศยาน (ทย.), กรมทางหลวง (ทล.), กรมทางหลวงชนบท (ทช.), สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.), กรมการขนส่งทางราง (ขร.), การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.), การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.), องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |