ไทยติดเชื้อเพิ่มอีก120รายทำยอดสะสมอยู่ที่1,771รายตายเพิ่มอีก2คน


เพิ่มเพื่อน    

1 เม.ย.2563 -  นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงถึงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก ว่ามียอดสะสม 856,910 เสียชีวิต 42,107 ราย โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยมากที่สุด สำหรับประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 120 ราย ยอดสะสม 1,771  ราย เสียชีวิต 2 ราย รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสม 12 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายที่ 11 เป็นเพศชายอายุ 79 ปี อาศัยอยู่ในสามจังหวัดจังหวัดชายแดนภาคใต้มีโรคประจำตัว เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง มีประวัติเดินทางไปร่วมงานแต่งงานที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 7 มี.ค. มีอาการป่วยวันที่ 20 มี.ค. เข้ารักษาวันที่ 23 มี.ค. อาการไม่ดีขึ้นและมารักษาอีกครั้งในวันที่ 28 มี.ค. และเสียชีวิตวันที่ 31 มี.ค. ส่วนรายที่ 12 เป็นชายอายุ 58 อาชีพนักธุรกิจ กลับมาจากประเทศอังกฤษ กลับไทยวันที่ 15 มี.ค. เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน และเสียชีวิตวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะประสานกับโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวเพื่อขอข้อมูลและหาสาเหตุต่อไป

 นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยใหม่ 120 รายนั้น แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก 51 ราย มาจากสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน กลุ่มที่สอง 39 ราย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยยืนยัน และกลุ่มที่สาม 30 รายอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ จะเห็นว่าปริมาณยังพุ่งขึ้น แม้จะดีกว่าเมื่อวันที่ 30-31 มี.ค. แต่ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะตัวเลขยังเป็นระดับร้อยกว่า ทั้งนี้ผู้ป่วยใหม่วันนี้อยู่ใน กทม.43 ราย สมุทรปราการ 23 ราย และภูเก็ต 11 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสมอยู่ใน กทม. 850 ราย และนนทบุรี 104 ราย ถือว่ายังกระจุกตัวอยู่ จากการประเมินผู้ป่วยใน กทม.จะแพร่เชื้อไปยังแวดล้อมได้ 1 ต่อ 3 คน ซึ่งน่ากังวลมากๆ ถ้าไม่อยากให้ตัวเลขทวีคูณทุกคนต้องช่วยกัน

 นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขที่น่ากังวลคือ แม้ประชาชนจะหยุดเชื้อ เพื่อชาติ ด้วยการอยู่บ้าน แต่ตัวเลขจำนนวนการติดเชื้อในบ้านไม่ลดลง จึงต้องเพิ่มมาตรการต่อตัวเอง บ้านไหนมีสมาชิกมากกว่า 1 คนถือว่าเสี่ยง จึงต้องยึดหลักกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างต่อบุคคลในบ้าน 2 เมตร ซึ่งต้องทำทุกวัน อย่างไรก็ตาม 1 เดือนที่ผ่านมา เรามีการแพร่ระบาดไปยังจังหวัดต่างๆ อยู่ในภาวะวิกฤติจนต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้ประกาศใช้มาได้ยังไม่ถึงสัปดาห์ ตัวเลขยังไม่สะท้อนมาตรการดังกล่าว สิ่งที่จะสะท้อนคือตัวเลขในปลายสัปดาห์นี้ถึงต้นสัปดาห์หน้า เชื่อว่ามันน่าจะลดลง แต่ตอนนี้ยังไม่เป็นเช่นนั้น จึงต้องเข้มข้นยิ่งกว่านี้ เป้าหมายความร่วมมือจากประชาชนต้องมากกว่า 90%

เมื่อถามว่า กระแสข่าวต่างๆ ที่ออกมา เหมือนประชาชนรู้สึกตัวเลขของ สธ.อาจจะน้อยกว่าความเป็นจริง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขที่เรารายงานยืนยันว่าเป็นตัวเลขที่แท้จริง เกิดขึ้นจริง โดยยอมรับว่าช่วงแรกๆ เครื่องมือไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ยังไม่มีความเชี่ยวชาญ ต้องใช้ถึงสองแล็ปยืนยันผลตรวจ แต่ขณะนี้มีความเชี่ยวชาญพอสมควร กทม. ปริมณฑล รวมถึงบางจังหวัด ตรวจได้วันละหมื่นราย ส่วนใหญ่ที่มาตรวจคือ คนปกติที่ตื่นตระหนก ผลตรวจเป็นลบ เจอผู้ป่วยยืนยันจริงแค่ 400 กว่าคน ตรงนี้สะท้อนจากผลสำรวจที่บอกว่าประชาชนมีความเครียดมากขึ้น จึงกังวลใจแล้วมาตรวจ แต่ทรัพยากรเรามีจำกัด ถ้าแข็งแรงดีขอไม่ต้องมาตรวจ แต่หากใครมีอาการไอ ทางเดินหายใจส่วนหน้าติดขัด รวมถึงมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยขอให้มาตรวจ อย่างไรก็ตาม พบว่าประชาชนติดตามข่าวสารเกี่ยวกับโควิด-19 มากขึ้น บางรายรับฟังข่าวสารวันละ 5 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ประชาชนระมัดระวังมากขึ้น
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"