ต้องเอาจริงพวก 'แก้มตุ่ย'


เพิ่มเพื่อน    

     ดูท่าจะออกอาการน่าเป็นห่วงซะแล้ว ฮีโร่ของตำรวจชั้นผู้น้อย จ่าโอ๋-จ.ส.ต.เลอศักดิ์ นนท์ขุนทด  ผู้บังคับหมู่งานสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ที่หาญกล้าลุกขึ้นมา ขัดขืน ผู้บังคับบัญชา 
    ไม่ยอมรับการถูก หักเงินเบี้ยเลี้ยง ไปเป็นค่าซื้อแอร์เครื่องใหม่ ติดตั้งภายในห้องสืบสวนของโรงพัก
    แถมยังยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. กระทรวงยุติธรรม ให้ตรวจสอบ พ.ต.ต.ชลากร  ปานแดง สว.สส.สน.พหลโยธิน และ พ.ต.ต.เอกราช โอมาก สว.สส.สน.พหลโยธิน ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบสั่งการขอหักเงินเบี้ยเลี้ยงจากตำรวจชั้นผู้น้อย 11 นาย เพื่อใช้จัดซื้อเครื่องปรับอากาศติดตั้งในห้องสืบสวน สน.พหลโยธิน 
    เพราะฟังผลสอบจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ต้นสังกัดที่ พล.ต.ต.เอกชัย บุญวิสุทธิ์ ผบก.น.2 แถลงชี้แจงบอกสอบปากคำตำรวจฝ่ายสืบสวนทั้ง 10 นายที่ถูกหักเงินเป็นค่าซื้อแอร์ ต่างให้การสอดคล้องกัน
    "ให้หักเงินด้วยความสมัครใจ"!!!
     ยกเว้น จ.ส.ต.เลอศักดิ์ ที่ไม่สมัครใจและไม่เห็นด้วย 
    พร้อมกับบอกกรณีนี้เป็นเรื่องภายในที่เกิดจากความเข้าใจผิดกัน รวมทั้งผู้บังคับบัญชาจะคืนเงินให้แก่ผู้ที่ไม่สมัครใจ 
    พอมาฟัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เจ้านายใหญ่ตำรวจ ติติงในมุมการไปยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานอื่น
    "สิ่งเหล่านี้พูดจากันได้ในโรงพัก โดยเฉพาะฝ่ายสืบสวนก็มีไม่กี่คนสามารถพูดจากันได้ ไม่ควรที่จะไปร้องหน่วยอื่น แต่ก็แล้วแต่ ผมไม่ได้มาปกป้องใคร"
    ยิ่งชัดงานนี้ จ่าโอ๋ เหนื่อยแน่!
    แม้ผู้การนครบาล 2 จะบอกไม่กระทบการทำงานภายใน และจะไม่มีการดำเนินการทางวินัยต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เช่นเดียวกับ ผบ.ตร.ที่บอกเรื่องนี้จะว่าเป็นเรื่องเล็กก็ไม่เล็ก จะใหญ่ก็ไม่ใหญ่ เป็นเรื่องการปกครองภายใน ต้องดูเจตนาดีหรือไม่ดีของผู้บังคับบัญชาระดับสารวัตร 
    แต่ในทางปฏิบัติ ในข้อเท็จจริงเรื่องราวการร้องเรียนจะจบลง แต่ความรู้สึกในใจระหว่างเจ้านายกับลูกน้องจบลงหรือเปล่า ทั้งสารวัตร ทั้งผู้กำกับการ ทั้งผู้บังคับการรู้อยู่แก่ใจ
    โดยเฉพาะ จ่าโอ๋ น่าจะรู้ดีต่อจากนี้จะต้องเจออะไรบ้าง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีคำพูดในทำนอง
    "ชีวิตการทำงานหลังจากนี้ยอมรับกังวลใจในบรรยากาศการทำงาน และกำลังพิจารณาขอโยกย้ายปรับเปลี่ยนการทำงาน หรืออาจลาออกจากอาชีพข้าราชการตำรวจ"
    เฮ้อ...เชื่อว่าความรู้สึกอึดอัดของตำรวจชั้นผู้น้อยที่โดนลักษณะแบบนี้ คงไม่มีแค่ จ่าโอ๋ คนเดียว เพียงแต่คนอื่นๆ ไม่กล้า ไม่บ้าดีเดือดแบบ จ่าโอ๋ เพราะต่างก็รู้ว่าถ้าโผล่หัวออกมาร้อง โผล่หัวมาเรียกร้องความยุติธรรม 
    ผลจะออกมาแบบไหน และจะต้องเจออะไร!!!
    เลยเลือกอยู่ในกระดอง ไปด่า ไปนินทากันในวงเหล้า วงซุบซิบ แบบเงียบๆ ดีกว่า
    แต่นั่นเป็นสิ่งที่น่ากังวล น่าเป็นห่วง และเป็นเครื่องบั่นทอนภาพพจน์องค์กรตำรวจ เพราะหากตำรวจชั้นผู้น้อยเลือกที่จะยอมให้นาย หักเงิน แล้วค่อยไปหาเงินอื่นทดแทน ไปเบียดบัง ไปรีดไถ แล้วใครจะเดือดร้อนล่ะ ถ้าไม่ใช่    
    "ชาวบ้าน"!!! 
    ยิ่งตอนนี้ของเทาๆ ของดำๆ ที่เคยถูกจับตา ถูกเบรกด้วยนโยบาย วิธีหารายได้ของหัวหน้าก็ต้องมาตอดเอาจากรายได้ถูกกฎหมาย ถูกระเบียบของลูกน้อง ทั้ง อม-เบียดบัง-เงินทอน สารพัดรูปแบบ  ซึ่งเชื่อว่านักสืบระดับซือแป๋อย่าง ผบ.จักรทิพย์ รู้เล่ห์ รู้เหลี่ยมพวกเดียวกันดี จะทำอย่างไรให้ทุกอย่างอยู่กับร่องกับรอย ไม่ทำให้ภาพพจน์องค์กรดำดิ่ง
    นี่คือสิ่งที่ลูกน้องตำรวจผู้น้อยต่างรอ "ผู้นำ" จัดการพวกแก้มตุ่ยเสียที.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"