‘จ๊อด’ขอบวช อุทิศ‘ตาจรูญ’ ตร.เพิ่มข้อหา


เพิ่มเพื่อน    

  ตร.เพิ่มข้อหาหนัก "จ๊อด" เตะ "ตาซาเล้ง"   หลัง "ตาจรูญ" วัย 82 ปีเสียชีวิต "แพทย์" ชี้เหตุติดเชื้อในกระแสเลือด ไม่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่ได้รับ "หนุ่มเลือดร้อน" ขอบวชหน้าไฟให้ "ทนาย" ยันรับผิดชอบเต็มที่  "อัยการ" เตือนสติสังคมเรียนรู้ผลเสียการใช้อารมณ์ชั่ววูบ

    ความคืบหน้าการเสียชีวิตของนายจรูญ มณีพันธ์ หรือตาซาเล้ง อายุ 82 ปี ซึ่งถูกนายนราธร หรือจ๊อด โสดติยัง อายุ 21 ปี เตะต่อยเพราะไม่พอใจอีกฝ่ายที่ปั่นซาเล้งสวนทางผ่านจนเกี่ยวรถจักรยานยนต์ล้มลง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2561 บริเวณซอยชานเมืองแยก 2 ประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ จนตาซาเล้งอาการสาหัส พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ก่อนจะกลับไปพักรักษาตัวที่บ้านและอาการทรุดหนักถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชวิถี และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา
    เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผอ.รพ.ราชวิถี กล่าวว่า นายจรูญได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งพบได้ในผู้สูงอายุทั่วไป ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่ได้รับ เนื่องจากผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในสมองไม่พบเลือดออก ประกอบกับคุณลุงมีโรคประจำตัวและเข้า-ออก รพ.อยู่แล้ว 
    "ก่อนหน้านั้นทาง รพ.ได้ส่งทีมแพทย์ติดตามภาวะแผลกดทับ ซึ่งเมื่อไปถึงก็พบมีอาการไข้สูง จึงนำตัวมารักษาที่ รพ. พบว่านายจรูญภาวะไข้สูง และอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว" ผอ.รพ.ราชวิถีกล่าว
    ทั้งนี้ รพ.ราชวิถีได้มีการออกประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุการเสียชีวิตของนายจรูญ โดยระบุว่า ทาง รพ.ได้ส่งทีมแพทย์ไปเยี่ยมนายจรูญที่บ้านพักเมื่อวันที่ 29 มี.ค. พบว่าผู้ป่วยมาไข้ ซึม และอ่อนแรง จึงส่งตัวเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน และได้รับการตรวจวินิจฉัยด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง พบว่าเป็นปกติ จึงให้การรักษาภาวะติดเชื้อด้วยการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ แต่ก็เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 22.57 น. โดยสาเหตุเบื้องต้นคาดว่ามาจากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
    ขณะที่ พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะเปลี่ยนข้อหาแก่นายนราธร เป็นข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 290 ของประมวลกฎหมายอาญา 
     ต่อมานายนราธร หรือจ๊อด พร้อมทนายความ เดินทางมาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย กรณีทำร้ายนายจรูญ โดยระหว่างการสอบปากคำ นายนราธรมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด เบื้องต้นได้ให้การปฏิเสธ 
    จากนั้น ร.ต.อ.รุ่งศักดิ์ นันตะเวช พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ควบคุมตัวนายนราธรเดินทางมาที่
ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.-10 เม.ย.นี้ เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหา ประวัติการต้องโทษ และอื่นๆ 
    พนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลากลางคืน ขณะที่ผู้ต้องหาขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สวนทางมาและเกิดเฉี่ยวชนกับรถสามล้อซาเล้ง ที่นายจรูญ มณีพันธ์ อายุ 82 ปี อาชีพเก็บของเก่า เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ที่ผู้ต้องหาขี่มาล้มลง ขณะที่นายจรูญมาดูรถซาเล้ง ซึ่งไม่เสียหาย จึงขี่รถซาเล้งช้าๆ ต่อไป นายนราธรรู้สึกโกรธแค้นจึงเดินตามมาเตะนายจรูญบริเวณหน้าอกอย่างแรง 1 ครั้ง และชกที่ใบหน้าอีก 1 ครั้ง จนนายจรูญตกจากรถลงไปนอนบนถนน มีแผลแตกบริเวณหางคิ้วขวา แล้วจะเข้ามาทำร้ายซ้ำอีก แต่มีพลเมืองดีมาห้ามไว้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูจะนำร่างนายจรูญไปรักษาที่ รพ.ราชวิถี ส่วนผู้ต้องหาถูกพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ดำเนินคดีข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจ นำตัวไปผัดฟ้องฝากขังต่อศาลแขวงพระนครเหนือ และได้รับการปล่อยชั่วคราว  
    ส่วนนายจรูญ หลังออกจาก รพ.ราชวิถีก็กลับมาพักฟื้นรักษาตัวต่อที่บ้าน แต่อาการกลับทรุดหนัก มีอาการไข้ แผลกดทับ ไม่สามารถลุกเดินได้ตามปกติ กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ญาติต้องนำตัวไปรักษาอีกครั้งที่ รพ.ราชวิถี และเสียชีวิตเมื่อเวลา 21.30 น. คืนวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมา 
    พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อหาดำเนินคดีเพิ่ม ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 โดยผู้ต้องหาได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา เหตุเกิดภายใน ซ.ชานเมือง 2 ถ.ประชาสงเคราะห์ แขวง-เขตดินแดง กทม. ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเฉพาะข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กายและจิตใจเท่านั้น และปฏิเสธข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย 
    ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
    ต่อมา น.ส.ศรีสมร หรือเมย์ คนกล้า ภรรยาของนายนราธร ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการสอบสวน ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์แล้วมีคำสั่งอนุญาตให้นายนราธรมีประกันตัวไป โดยตีราคาประกัน 180,000 บาท โดยมิได้กำหนดเงื่อนไขใด 
    ด้านทนายความของนายนราธรระบุว่า จากข้อหาที่ถูกแจ้งเพิ่มเติม ถ้าหากข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีความผิดก็ต้องรับผิดชอบ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากอารมณ์ชั่ววูบ แต่ทำไปแล้วก็ต้องรับผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาผู้ต้องหาได้ตกลงเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียหายแล้ว แต่เมื่อมีกรณีเสียชีวิตก็ต้องเยียวยามากขึ้น จากนี้ก็จะอธิบายข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายให้นายนราธรได้เข้าใจ 
    "ทุกอย่างจากนี้ถือเป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ เมื่อมีการกระทำผิดก็ต้องรับผิดไม่ว่าข้อกฎหมายจะเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตจะมาจากการถูกทำร้ายร่างกายหรือไม่นั้น เราคงไปมองเฉพาะในข้อกฎหมายว่า จะมีหนทางสู้คดีอย่างเดียวก็ไม่ได้ ยืนยันว่าจะต้องรับผิดชอบ ส่วนการเยียวยาต่างๆ ข้อเท็จจริงก็จะปรากฏในชั้นศาล คนเสียชีวิตทั้งคนเราต้องดูแลอยู่แล้ว" ทนายความนายนราธรระบุ
    ที่วัดสุนทราราม ต.ห่อหมก อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา นางฉลอง จริตเอก อายุ 71 ปี ภรรยา และนางวนิดา มณีพันธ์ อายุ 38 ปี บุตรสาวนายจรูญ จัดพิธีรดน้ำศพนายจรูญ โดยมีนายวิรัตน์ สินสาย นายอำเภอบางไทร นำพวงหรีดและเงินช่วยเบื้องต้น 3,000 บาท มามอบให้กับครอบครัวลุงซาเล้ง
    นางฉลองกล่าวว่า ได้อโหสิกรรมให้กับนายนราธร โสดติยัง แต่เรื่องคดีปล่อยให้ทางตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย
    เช่นเดียวกับนางวนิดา กล่าวว่า อยากจะให้เป็นอุทาหรณ์กับวัยรุ่นคนอื่น เวลาจะทำอะไรควรมีสติ ใจเย็น ครอบครัวจะเดือดร้อน ซึ่งศพคุณพ่อจะตั้งสวดพระอภิธรรมบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 4 วัน ก่อนฌาปนกิจ และได้รับแจ้งว่านายนราธรจะมาบวชให้กับพ่อด้วย
    ขณะที่นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า เรื่องของลุงจรูญนี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สังคมควรจะเรียนรู้ อารมณ์ชั่ววูบ แต่เวลาต้องคดีทุกข์ระยะยาว จึงมีสติและให้อภัยกันอย่าใช้ความรุนแรงกันเลย.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"