ซ้ำซาก!บัสขนต่างด้าว พระเพลิงเผาดับ20ศพ


เพิ่มเพื่อน    

 รถบัสก่อโศกนาฏกรรมซ้ำซ้อน รับแรงงานพม่าที่ไปต่อวีซ่ายังชายแดนตากเพื่อกลับกรุงเทพฯ ไม่ทันไรเกิดไฟไหม้ หนีตายออกมาได้ 27 คน ที่เหลืออีก 20 ถูกไฟคลอกเผาทั้งเป็น คนขับรถอ้างมีผู้แอบสูบบุหรี่แล้วโยนก้นบุหรี่ตกลงไปในช่องเก็บสัมภาระจนลุกไหม้ แต่ตำรวจยังไม่สรุป 

    กลางดึกย่างเข้าวันที่ 30 มีนาคมนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ท้อ อ.เมืองฯ จ.ตาก รอยต่อกับพื้นที่ของ สภ.พะวอ จ.ตาก รับแจ้งเหตุรถทัวร์โดยสารเกิดไฟไหม้ทั้งคัน ซึ่งเป็นรถทัวร์โดยสารหมายเลขทะเบียน 10-3824 นครสวรรค์ นำแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมามาทำบัตรต่อวีซ่าอายุทำงาน จาก 31 มีนาคม 2561 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 เหตุเกิดระหว่างที่รถทัวร์กำลังเดินทางจากชายแดนไทย-เมียนมา ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ไปยังนวนคร กรุงเทพฯ หลังมาทำหนังสือขอต่อวีซ่า เหตุเกิดที่ถนนสาย 12 เส้นทางแม่สอด-ตาก หลัก กม.60 บริเวณปากทางเข้าอุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช ที่มีต้นกระบากใหญ่ 
    หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยกู้ชีพกู้ภัยในพื้นที่เดินทางไปตรวจสอบ พบว่ารถทัวร์ถูกไฟไหม้ทั้งคันแล้ว จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ามีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยทราบว่ามีแรงงานชาวเมียนมาโดยสารมาทั้งสิ้น 45 คน คนขับรถและภรรยา รวมทั้งสิ้น 47 คน จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีผู้หนีออกมาจากรถทัวร์ได้ 27 คน ส่วนที่เหลืออีก 20 คน ติดภายในรถทัวร์เสียชีวิตทั้งหมด 
    มีรายงานต่อมาหลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เดินทางไปตรวจสอบรถคันเกิดเหตุ ขณะที่คนขับรถและเป็นเจ้าของรถคือ นายบัณฑูร วิฑูรณ์ หลังเกิดเหตุได้เข้ามอบตัวกับตำรวจเพื่อรอให้ปากคำ ทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.แม่ท้อ จ.ตาก 
    ทั้งนี้ นายบัณฑูรให้การว่า รถบัสคันเกิดเหตุเป็นรถบัสพัดลม ขณะขับรถมาตามปกติ จู่ๆ ก็มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกจากตัวรถบัส จึงได้พยายามนำรถจอดเข้าข้างทาง และเปิดประตูให้ผู้โดยสารหนีออกมา แต่เนื่องจากไฟเกิดขึ้นบริเวณกลางตัวรถ และเป็นกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ ขณะที่ตนเองได้เปิดประตูให้ผู้โดยสารลงแล้ว แต่ผู้โดยสารกำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนก เกิดความโกลาหล บางคนพยายามเปิดกระจกหรือใช้เท้าถีบ เพื่อแย่งกันหนีตายออกจากรถ ขณะที่บางส่วนได้ไปยืนออกันที่ด้านหลัง ทั้งนี้ การที่มีผู้โดยสารบางคนออกมาระบุว่าตนไม่เปิดประตูให้คนในรถหนีนั้น ไม่เป็นความจริง เหตุที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก มาจากความโกลาหล และเพลิงที่เกิดขึ้นบริเวณกลางตัวรถ จึงทำให้บางส่วนไปออกันที่ด้านหลังหนีออกมาไม่ได้ อีกทั้งผู้ที่ติดอยู่ในรถก็ยังเปิดประตูฉุกเฉินไม่เป็น 
    นายบัณฑูรยังให้การอีกว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้นั้น น่าจะมาจากการที่มีผู้แอบสูบบุหรี่บนรถ เพราะตนได้กลิ่นบุหรี่ และพยายามถามหาต้นตอที่มาของกลิ่น จนอาจทำให้แรงงานเมียนมาซึ่งเป็นผู้แอบสูบรีบทิ้งก้นบุหรี่ จนก้นบุหรี่ตกลงไปยังห้องเก็บสัมภาระด้านล่างตัวรถ แล้วเกิดเพลิงไหม้ขึ้น 
    อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ที่ทิ้งก้นบุหรี่จนทำให้เกิดไฟไหม้ เนื่องจากไม่ทราบว่าผู้สูบยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หรือเสียชีวิตไปแล้ว หลังการสอบปากคำคนขับรถ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหาใดๆ
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. นายอุทูหลุ่ย ผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดี ประเทศพม่า พร้อมด้วยนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้เดินทางมายัง รพ.พระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเยี่ยมอาการผู้บาดเจ็บ และให้กำลังใจแก่ญาติผู้เสียชีวิต
    ข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ลงตรวจเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นในการตรวจสอบร่องรอยการเกิดไฟ เกิดจากวัตถุมีความร้อน ตกหล่นใส่วัตถุที่เป็นเชื้อเพลิงภายในรถ จึงทำให้เกิดการลุกไหม้ ซึ่งต้องใช้เวลาสะสมความร้อน จนกระทั่งถึงจุดเกิดเหตุ ไฟได้โหมไหม้จากห้องเก็บของใกล้กับห้องเครื่อง ทำให้ผู้โดยสารไม่สามารถหนีลงมาทางประตูทางออกด้านล่างได้ ต้องออกทางหน้าต่าง และแย่งกันออกตรงประตูฉุกเฉิน จนบางคนลำลักควันไฟ หมดสติและถูกไฟคลอกเสียชีวิต 
    สรุปผู้ตายเป็นผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 18 คน รวม 20 คน ผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ 27 คน บาดเจ็บสาหัส เป็นหญิง 1 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 1 คน เป็นหญิงเช่นกัน ทำการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่อมาได้ส่งต่อผู้บาดเจ็บหญิงที่มีอาการสาหัสไปยังโรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก
     สำหรับแรงงานเมียนมาทั้งหมด มีบริษัทบูมบูม อ.แม่สอด เป็นเอเยนต์ เพิ่งทำเอ็มโอยู เข้ามาทำงานในประเทศไทยเป็นครั้งแรกจำนวน 186 คน มาด้วยกัน 4 คันรถ โดยคันเกิดเหตุเป็นคันที่ 4 เป็นรถบัสโดยสาร หมายเลข ทะเบียน 10-3824 จังหวัดนครสวรรค์ ของบริษัท ลาดยาวบริการฯ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ เป็นรถแบบพัดลม ชั้นเดียว ด้านล่าง เป็นห้องเก็บของ มีนายบัณฑูร วิฑูรณ์ อายุ 48 ปี เป็นคนขับรถ สภาพรถถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายทั้งคัน ที่ประตูกลางรถ ทั้งฝั่งซ้ายฝั่งขวา รวมทั้งประตูฉุกเฉิน ถูกเปิดออก ซากศพผู้เสียชีวิตกองรวมกันภายในรถ ใกล้กับบริเวณประตูทั้งหมด 20 ศพ
    นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า
ได้รับรายงานจาก นพ.จรัล วิวัฒน์คุณูปการ ผู้อำนวยการ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก ว่ามีแรงงานชาวเมียนมาเสียชีวิต 20 ราย และได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ในจำนวนนี้ 1 รายอาการสาหัส มีแผลไฟไหม้รุนแรงที่บริเวณใบหน้าและลำตัว สำลักควันไฟ ส่งตัวไปรักษาที่หน่วยไฟไหม้น้ำร้อนลวก (Burn Unit) โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก, รายที่ 2 กระดูกข้อเท้าหัก ใส่เฝือกที่ข้อเท้า กลับบ้านได้ และรายที่ 3 สูดดมควันไฟ รับตัวไว้นอนสังเกตอาการที่ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่ง นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กำชับให้ทีมแพทย์ดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด
    พ.ต.อ.กฤชกนก ด่านอุดม ผกก.สภ.แม่ท้อ จ.ตาก เปิดเผยว่า สาเหตุเพลิงไหม้รถบัสยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ส่วนร่างผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่นำไปพิสูจน์เบื้องต้นที่ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อ.เมืองตาก สำหรับสาเหตุของไฟไหม้รถบัสครั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ รอรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องก่อน ขณะที่ผู้ประสบเหตุพูดภาษาไทยไม่ได้ จึงต้องอาศัยล่าม 
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เหตุไฟไหม้รถบัสเกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 30 มี.ค. ขณะนี้ตรวจสอบแล้วทราบว่ามีผู้เสียชีวิต 20 ศพ รอดชีวิต 27 คน ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 3 คน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อนายจ้างให้ทราบแล้ว และส่งศพผู้เสียชีวิตไปไว้ที่ รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดแยกศพและระบุตัวตนผู้เสียชีวิต สาเหตุเบื้องต้นขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งไป จะได้นำตัวคนขับมาสอบสวนปากคำ ตรวจสารเสพติด และสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุเพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากความประมาทของผู้ใด ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ในเรื่องการพิสูจน์ทราบบุคคลกำลังตรวจสอบเอกสารจากนายจ้าง ขณะนี้ทาง ตม.จังหวัดตากได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปในที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อเตรียมประสานงานกับเจ้าหน้าที่กงสุลเมียนมา ในการพิสูจน์ทราบตัวบุคคลต่อไป
    วันเดียวกัน ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี ร่วมกับตำรวจและ ตม.กาญจนบุรี เข้าตรวจสอบป่าละเมาะบ้านห้วยน้ำขาว ซอย 3 หมู่ 2 ต.บ้านเก่า อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี พบแรงงานต่างด้าวเก็นชายรวม 20 คน ตรวจสอบไม่พบเอกสารแสดงตนใดๆ จึงควบคุมตัวไว้ สอบสวนทราบว่า แรงงานทั้งหมดหลบหนีเข้าประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ โดยมีนายไส้เป็นผู้ช่วยเหลือพาหลบหนีเข้าประเทศไทย และให้ทุกคนหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าบริเวณนี้ เพื่อรอนายไส้เอารถกระบะมารับเข้าตัวเมืองชั้นในต่อไป แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเสียก่อน
    นายจาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ระบุถึงปัญหาแรงงานต่างด้าว โดยกล่าวว่า
สองวันก่อน เห็นข่าวกรมการจัดหางานกำลังเร่งให้นายจ้างมาทำทะเบียนประวัติ-ขอใบอนุญาตทำงานแรงงานต่างด้าว “กัมพูชา-เมียนมา-ลาว” ให้แล้วเสร็จ ภายใน 31 มี.ค.นี้ โดยมั่นใจว่าจะไม่ขยายเวลาแล้ว มีการชี้แจงด้วยว่าหากไม่มาดำเนินการ แรงงานต่างด้าวจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ทั้งยังมีการชี้แจงด้วยว่า หลังจากเปิดดำเนินการทั่วประเทศมาตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.2561 ในกลุ่มประมงทะเล แปรรูปสัตว์น้ำ กลุ่มผ่านการคัดกรองความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง และกลุ่มบัตรสีชมพู มียอดมาดำเนินการกว่า 5 แสนคน แต่ตอนนี้ยังเหลือ 1.1 ล้านคน
    วันนี้วันที่ 30 มีนาคม และเป็นวันทำงานวันสุดท้ายของเดือนนี้แล้ว อย่างไรเสียก็คงทำไม่ทันแน่ๆ จึงน่าสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับแรงงานต่างด้าวที่จดทะเบียน-ขออนุญาตไม่ทัน
    ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นกับการอาศัยแรงงานต่างด้าวทั้งระบบ ซึ่งมีการดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้วอย่างลุกลี้ลุกลนและสับสนอลหม่านมาตลอด เริ่มจากการออก พ.ร.ก. ซึ่งเป็นการออกกฎหมายอย่างเร่งด่วน ประกาศแล้วก็มีผลบังคับใช้ได้เลย ซึ่งน่าจะมีการเตรียมการล่วงหน้ามาอย่างดีแล้ว แต่ก็เปล่า พอประกาศ พ.ร.ก.ออกมาก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ไปหมด จนต้องมีการใช้คำสั่ง คสช.ออกมาแก้ พ.ร.ก.ในทางผ่อนผันกฎระเบียบมาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อมาก็มีการแก้ไขอีก แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังพบปัญหาของระบบที่ใช้ดูแลแรงงานต่างด้าวอย่างมากมาตลอด
    "ผมเคยเสนอความเห็นไว้แล้วว่า ระบบที่ใช้ในการดูแลแรงงานต่างด้าวตามที่ได้มีการออก พ.ร.ก.มานั้นเป็นระบบที่มุ่งหากินเอากับแรงงานต่างด้าวและสร้างปัญหาแก่นายจ้างมากกว่าที่จะเอื้ออำนวยให้เกิดการอาศัยแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นธรรมกับเขา และจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจหรือเศรษฐกิจของประเทศ หรือแม้แต่การช่วยแก้ปัญหาของครัวเรือนต่างๆ ระบบนี้ให้อำนาจกรมการจัดหางานอย่างล้นเหลือและเน้นบทบาทของบริษัทจัดหางานที่ทั้งสองส่วนนี้จะถ้อยทีถ้อยอาศัยกันในการหาประโยชน์จากการจ้างแรงงานต่างด้าว ประโยชน์ที่ได้นี้ โดยหลักๆ จะตกกับ 3 ฝ่ายคือ รัฐ บริษัทจัดหางาน และเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจใช้ดุลพินิจ"
    นายจาตุรนต์สรุปในตอนท้ายว่า เรื่องปัญหาแรงงานต่างด้าวนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรื้อใหม่ทั้งระบบ.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"