โลกสังเวยโควิด3.5หมื่นศพ หวั่นสหรัฐอาจตายถึง2แสน


เพิ่มเพื่อน    

  ทั่วโลกติดไวรัสโคโรนาเกิน 730,000 รายแล้ว สังเวยเกิน 35,000 ศพ สเปนยอดติดเชื้อแซงจีนขึ้นอันดับ 3 ของโลก กรุงมอสโกของรัสเซียเป็นมหานครล่าสุดที่สั่งล็อกดาวน์กักประชาชน 12 ล้านคน ผู้นำสหรัฐขยายมาตรการคุมการระบาดถึงสิ้นเดือนเมษายนหลังที่ปรึกษาเตือนอเมริกาอาจตายถึง 2 แสนคน 

     ข้อมูลอัพเดตแบบเรียลไทม์ของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ในสหรัฐเมื่อเวลา 20.00 น. วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563 ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พบแล้วในเกือบทุกประเทศทั่วโลก มียอดสะสมอยู่ที่ 737,929 ราย เสียชีวิต 35,019 ราย หายแล้ว 156,507 ราย ผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 ใน 3 อยู่ในยุโรป
     อิตาลีเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ข้อมูลที่ทางการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ จำนวนผู้เสียชีวิตในอิตาลีที่เริ่มนับศพแรกตั้งแต่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์จนถึงขณะนี้เพิ่มเป็น 10,779 ศพแล้ว โดยมีคนเสียชีวิตเพิ่ม 756 คน และเป็นยอดลดลงวันที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 97,689 ราย หายแล้ว 13,030 ราย 
     สเปนมีผู้เสียชีวิตมากสุดรองลงมา คำแถลงเมื่อวันจันทร์ระบุว่า ช่วง 24 ชั่วโมงสเปนมีคนเสียชีวิตเพิ่มอีก 812 คน ทำให้จำนวนรวมเป็น 7,340 คน ติดเชื้อ 85,195 คน แซงหน้าจีนซึ่งเป็นชาติแรกที่เริ่มมีการระบาดเมื่อเดือนธันวาคม โดยจีนมีผู้ติดเชื้อ 81,470 ราย นับแต่วันอาทิตย์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 31 ราย แต่เป็นการติดเชื้อภายในประเทศเพียง 1 ราย จีนมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย ยอดรวมเป็น 3,304 ศพ
     ประเทศอื่นที่มีผู้เสียชีวิตและติดเชื้อจำนวนมาก อาทิ อิหร่านเสียชีวิตเพิ่มเป็น 2,757 คน ติดเชื้อ 41,495 คน, เยอรมนีเสียชีวิต 541 ราย จากผู้ติดเชื้อ 62,435 ราย, ฝรั่งเศสเสียชีวิต 2,611 ราย จากผู้ติดเชื้อ 40,747 ราย ขณะที่เบลเยียมเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สถานการณ์รุนแรงขึ้น จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 513 คนเมื่อวันจันทร์ และติดเชื้อเกือบ 12,000 คนแล้ว
     สหรัฐอเมริกานับแต่มีผู้ติดเชื้อไวรัสมากแซงหน้าทุกประเทศ จำนวนผู้ติดเชื้อก็พุ่งทะยานไม่หยุด ถึงวันจันทร์ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อแล้ว 143,055 ราย ทั้งที่ 1 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ยอดผู้ติดเชื้อยังอยู่ที่ 41,511 ราย ส่วนผู้เสียชีวิต นับแต่ยืนยันพบศพแรกเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ภายใน 1 เดือนสหรัฐมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 1,000 ราย แต่ในช่วงไม่กี่วันที่่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเท่าตัว ถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2,513 ราย แค่นิวยอร์กซิตีเมืองเดียวมีคนเสียชีวิต 776 ราย
 กรุงมอสโกของรัสเซีย ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของยุโรป มีประชากร 12 ล้านคน เข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์นาน 21 วันแล้ว    เมื่อวันจันทร์ ตามคำสั่งของนายกเทศมนตรีเซอร์เกย์ ซ็อบยานิน ที่ประกาศใช้มาตรการนี้อย่างปุบปับเมื่อคืนวันอาทิตย์ ให้สอดคล้องกับคำประกาศของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่สั่งหยุดราชการทั่วประเทศ 1 สัปดาห์เริ่มแต่วันจันทร์ คำสั่งนี้ให้ปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็น รวมถึงร้านอาหาร และห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานถ้าไม่จำเป็น โดยยกเว้นให้การเดินทางไปทำงานที่จำเป็นและออกไปซื้ออาหารและยา คนเลี้ยงสุนัขสามารถพาสุนัขเดินเล่นได้ในรัศมี 100 เมตรจากบ้าน
     เมื่อวันจันทร์ รัสเซียแถลงว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 302 ราย มากที่สุดใน 1 วัน ยอดรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,835 ราย เสียชีวิต 9 ราย
     ถึงขณะนี้รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการล็อกดาวน์จำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชนที่ส่งผลต่อประชากรโลกแล้วมากกว่า 3,380 ล้านคน และหลายประเทศที่ใช้มาตรการนี้อยู่แล้วกำลังพิจารณาขยายเวลาต่ออีก เช่นอังกฤษและอิตาลีที่อาจลากยาวไปอีกหลายเดือน
     เมืองลากอสของไนจีเรีย ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกาโดยมีประชากร 20 ล้านคน เริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์นาน 2 สัปดาห์ในวันจันทร์ ตามคำสั่งของประธานาธิบดีมูฮัมมาดู บูฮารี ซึ่งจะครอบคลุมถึงกรุงอาบูจาเมืองหลวงด้วย ไนจีเรียมีประชากรทั้งประเทศ 190 ล้านคน มากที่สุดในแอฟริกา แต่ถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้อเพียง 97 ราย เสียชีวิต 1 ราย อย่างไรก็ดี การตรวจเชื้อในประเทศยังทำได้จำกัด
     ประเทศเพื่อนบ้านร่วมทวีปอย่างซิมบับเวก็เริ่มมาตรการล็อกดาวน์นาน 3 สัปดาห์แล้วในวันเดียวกัน โดยสั่งปิดร้านค้าเกือบทั้งหมดและยกเลิกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกประเทศ
     ในภูมิภาคอาเซียน อินโดนีเซียซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก ยังไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อวันจันทร์อินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 129 คน ยอดรวมเป็น 1,414 คน แต่มีผู้เสียชีวิตมากถึง 122 คนแล้ว 
    ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด กล่าวว่า เขามีแผนจะเพิ่มความเข้มงวดในการจำกัดการเคลื่อนย้ายและเว้นระยะห่างทางสังคม แต่ยังไม่กล่าวถึงการล็อกดาวน์เหมือนประเทศเพื่อนบ้าน แม้ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยอินโดนีเซียที่เสนอต่อรัฐบาลจะเตือนว่า หากรัฐบาลไม่ใช้มาตรการขั้นรุนแรง ก็เสี่ยงที่จะมีคนตายกว่า 140,000 คน จากผู้ติดเชื้อ 1.5 ล้านคนภายในเดือนพฤษภาคม
     สหรัฐอเมริกาก็มีคำเตือนลักษณะคล้ายกัน แต่ออกมาจาก ดร.แอนโธนี เฟาซี นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำแห่งสถาบันสุขภาพแห่งชาติซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของทำเนียบขาว เฟาซี เตือนว่าอาจมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐ เสียชีวิต 100,000-200,000 คน แต่ไม่ถึงหลักล้านเหมือนที่มีผู้ทำนายไว้ และน่าจะมีผู้ติดเชื้อหลายล้านคน
     ประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งถูกวิจารณ์ในช่วงแรกว่าดูเบาสถานการณ์ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ไม่มีอะไรเลวร้ายกว่าการประกาศชัยชนะก่อนที่จะชนะจริงๆ และเขาตัดสินใจขยายเวลาแนวปฏิบัติของรัฐบาลกลางในการควบคุมการแพร่ระบาดออกไปถึงวันที่ 30 เมษายน เป็นอย่างน้อย โดยยอมรับว่าอัตราการเสียชีวิตในสหรัฐอาจถึงจุดสูงสุดใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"