พูดเรื่องเงิน ที่รัฐบาลต้องใช้ สู้กับโควิด-๑๙ กันสักหน่อย

                เพราะมีความสับสนเหลือเกิน ตามแต่ใจใครอยากให้เป็นแบบไหน

                รัฐบาลจะขอกู้ไอเอ็มเอฟหรือเปล่า?

                สองสามวันที่ผ่านมามีการพูดเรื่องนี้กันเยอะ โดยเฉพาะนักการเมืองซีกฝ่ายค้าน

                "พิชัย นริพทะพันธุ์" อดีตรัฐมนตรีพลังงาน ยุครัฐบาลหนูไม่รู้บอกว่า

                "...รู้สึกตกใจที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พูดถึงเศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่ และประกาศว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ยินดีช่วยไทย ซึ่งน่าจะแสดงความไม่เข้าใจอย่างรุนแรง และอยากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้พิจารณาปลดนายสมคิดออกจากตำแหน่งรองนายกฯ..."

                แล้ว "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ไปพูดอีท่าไหน

                มาดูกัน...

                "ยอมรับว่าการเกลี่ยงบประมาณปี ๒๕๖๓ เพื่อนำงบประมาณของหลายกระทรวงมาใช้แก้ปัญหาประเทศครั้งนี้ต้องแก้ไขกฎหมาย เพราะเป็น พ.ร.บ.งบประมาณ การโอนเงินงบประมาณดำเนินการได้ยาก จึงขอให้ทุกกระทรวงปรับงบนำมาแก้ปัญหาด้วยการเกลี่ยงบมาใช้ ด้านปัญหาโควิดตามภารกิจของหน่วยงาน ส่วนกระทรวงการคลังกำลังศึกษาว่าเงินกู้แก้ปัญหาใหญ่ครั้งนี้ต้องใช้ฟื้นฟูช่วยเหลือเยียวยาทุกกลุ่มอย่างไร ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) พร้อมให้ทุกประเทศทั่วโลกที่มีปัญหาใช้เงินกู้ดังกล่าวฟื้นฟูประเทศด้วยเช่นกัน ยอมรับว่าต้องใช้เงินก้อนใหญ่ฟื้นฟูประเทศครั้งนี้  เพราะเศรษฐกิจทั้งโลกชะลอตัว"

                ก็ยังไม่ชัดว่าจะขอกู้ไอเอ็มเอฟ

                ตอนนี้อิหร่านขอกู้ไอเอ็มเอฟไปแล้ว วงเงิน ๕ พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

                ขณะที่รัฐบาลไทย มีแนวคิดออก พ.ร.ก.กู้เงิน ๒ แสนล้านและกู้ในประเทศมากกว่า

                แต่หากจำเป็นต้องกู้ไอเอ็มเอฟก็ต้องทำ อย่ามาเหนียมอาย ก็ไม่เข้าใจทำไมต้องตามไล่ตามล้างให้ปลดออก

                ใครที่ประเมินโควิด-๑๙ ต่ำเกินไปก็ขอให้ประเมินใหม่

                ก่อนนี้ฝ่ายค้านเองประเมินต่ำไปเยอะ เช่นเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นเดือนมีนาคม ส้มหวาน-ก้าวไกล ยังจะเดินสายเรียกคนมาชุมนุมกันอยู่เลย

                ยังปลุกเด็กๆ ตามโรงเรียน มหาวิทยาลัย รวมตัวแฟลชม็อบกันอยู่ แถมยังบอกว่าไม่กลัวโควิดซะด้วย

                มาถึงวันนี้หูตาแหกปรับตัวกันแทบไม่ทัน ห้อยโหนมาแนะนำวิธีปราบโควิดกันสลอน

                ฉะนั้นเมื่อมองไกลไปอีก ๒-๓ เดือน อาจจะถึงปลายปี มีใครเห็นอนาคตกันบ้างหรือยัง

                เศรษฐกิจโลกพัง จะต้องมีการฟื้นฟูกันขนานใหญ่

                แล้วจะเอาเงินมาจากไหน

                ลำพังงบประมาณตามกรอบปี ๒๕๖๓ ไม่พอแน่

                ยิ่งมาเจอเสียงเรียกร้องให้ปรับงบประมาณเสียใหม่ ตัด หั่น โยก มาใช้ตอนนี้ก่อน ก็ลองคิดในมุมกลับ ถึงเวลาต้องฟื้นฟูเรามีกำลังพอที่จะทำหรือไม่

                ที่รัฐบาลยืนกรานใช้กรอบวงเงินเดิม แต่กู้เงินเพิ่ม อาจเป็นวิธีที่ถูกที่สุด เพราะเราจะมีเม็ดเงินไหลตลอดระยะเวลาการต่อสู้กับโควิด-๑๙

                ระยะ ๑-๒ เดือนนี้ ใช้เงินกองทุนประกันสังคม งบกลาง งบปกติของกระทรวงต่างๆ สู้กันไป 

                ถ้าลงมาทีเดียวหมดระวัง เมื่อสุดสายป่าน จะล้มกันทั้งประเทศ

                ถึงวันนั้นก็ต้องกู้ไอเอ็มเอฟอยู่ดี และอาจต้องกู้มากกว่าที่คิด

                แต่เราจะไม่ไปถึงขั้นนั้นครับ เพราะเรามีประชาชนเป็นฮีโร่

                "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ ช่วยชาติ".