ฮึ่มการเมืองรุมสกรัม ‘ประยุทธ์’ข้องใจถูกโจมตีผู้ตรวจหักคสช.ยื่นตีความป้อมเมินแม้วโอ่‘พท.’ชนะ


เพิ่มเพื่อน    

 

  "บิ๊กตู่" ลั่นโรดแมปเลือกตั้งชัดเจนแล้ว  อย่าบิดเบือนต่อต้านอีก แนะจับตาพรรคการเมืองใหม่ต้องมีความคิดไม่ล้มล้างจารีตประเพณีและวัฒนธรรมไทย ผู้ตรวจฯ มีมติยื่นศาล รธน.วินิจฉัยคำสั่ง คสช. 53/60 เข้าข่ายลิดรอนสิทธิ วันสุดท้ายยื่นจัดตั้งพรรคใหม่ยอดทะลุ 97 พรรค "สมคิด” ยอมรับไปกินข้าวบ้าน“สุชาติ” อาทิตย์นี้ พลิ้วใครเชิญไปไหนก็ไป ไม่มีอะไรไม่ดี ขณะที่ "ทักษิณ" ควง "น้องปู" โผล่ญี่ปุ่น หวังไทยกลับคืนสู่ ปชต. ฟุ้งเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแน่ "ป้อม" โต้กลับไม่เชื่อจะได้ถึง 230 ที่นั่ง 

    เมื่อวันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่กำลังเป็นประเด็นในขณะนี้ก็คือการเมืองและประชาธิปไตย  ตลอดเวลารัฐบาลและ คสช.ก็ไม่เคยเข้าไปทำให้เกิดความวุ่นวายหรือไปจำกัดสิทธิเสรีภาพมากจนเกินไป แม้กระทั่งโรดแมป ก็พยายามจะต้องทำให้ได้อย่างนั้น ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะมาโจมตีเร่งรัดกดดันกันมากเกินไปเพื่ออะไร อาจจะมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ ขอให้สังคมช่วยกันพิจารณาด้วย
    พล.อ.ประยุทธ์ตั้งข้อสังเกตทางการเมืองว่า 1.ทำไมเราถึงต้องใช้คำว่า “เล่นการเมือง” ตนว่าต้องเลิกใช้คำว่าเล่นการเมือง ทุกคนก็รู้ว่าการเมืองไม่ใช่ของเล่น ไม่ใช่การทำธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องอำนาจหรือผลประโยชน์ แต่เป็นการบริหารบ้านเมือง เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน เพราะทุกคนใช้คำว่าอาสาสมัครเข้ามา 2.ทำไมจึงมีการรังเกียจ การเป็น “นักการเมือง” อยู่พอสมควรทั้งในอดีตและในปัจจุบัน เพราะในเมื่อเราเลือกระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยมาแล้ว ทำไมไม่มีใครอยากเข้ามาทำงานการเมือง นอกจากคนเดิมๆ กลุ่มเดิมๆ เราก็ไม่สามารถจะได้อะไรใหม่ๆ ดีขึ้นหรือ ส่วนพรรคการเมืองใหม่นั้นก็คงต้องพิจารณากันอีกทีว่าน่าจะต้องมีความคิดไม่ล้มล้างจารีตประเพณีไทยและวัฒนธรรมไทยที่มีมายาวนานด้วย ก็ขอให้ติดตามพฤติกรรมด้วย 3.เราเข้าใจ และใส่ใจ ในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินกันมากน้อยเพียงใด ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเราทุกคน ตนอยากให้เชื่อกระบวนการยุติธรรมเป็นหลัก และระเบียบระบบการทำงานของราชการด้วย    
    นายกฯ ยังย้ำว่า การเดินตามโรดแมปไปสู่การเลือกตั้งนั้น วันนี้ก็ชัดเจนพอสมควรแล้ว อย่าบิดเบือน อย่าต่อต้านกันไปอีกเลยนะ คำสั่ง ข้อห้ามของ คสช. ที่เราจำเป็นต้องมีไว้บ้างนะครับ เพราะเราเคยมีบทเรียนมาบ้างแล้ว ไม่อยากให้มองว่าไปคุกคามใคร ไปรังแกใคร ไปเอาเปรียบ เอาประโยชน์จากใคร ใครไม่ผิด ไม่พยายามทำความผิด ฝ่าฝืนกฎหมาย จะต้องเดือดร้อนทำไมล่ะครับ เว้นแต่คนมีเจตนาไม่บริสุทธิ์เท่านั้น 
    "หลายพรรคการเมืองก็ไม่มีปัญหา มีอยู่ไม่กี่พรรคนะครับ ที่ผ่านมาก็มีส่วนในการทำให้เกิดความขัดแย้งทั้งสิ้น ทำไมไม่มีการแปลงแปลงตัวเองบ้าง สมัยอยู่มาก่อนนั้นทำอะไรไว้แล้วบ้าง ประชาชนต้องช่วยกันติดตาม ช่วยกันคิดทบทวนด้วย รัฐบาลและ คสช.ไม่อาจไปตอบได้ ผมไม่อยากจะไปขัดแย้งกับท่านอีก แต่ท่านก็พยายามหาเรื่องโจมตี คสช.หรือรัฐบาลมาทุกเรื่องไป  กลายเป็นว่ารุมสกรัมรัฐบาล ผมว่าไม่ถูกต้องนะ ผมพยายามไม่ไปก้าวล่วงใครอยู่แล้ว เพราะว่าเรามุ่งหวังไปสู่การเลือกตั้งที่สงบสันติ ถ้าสันติไม่ได้ สงบไม่ได้ เลือกตั้งจะได้ไหม เลือกตั้งแล้วจะอยู่ได้กันหรือเปล่า"
    ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงภายหลังการประชุมผู้ตรวจฯ ว่า ที่ประชุมมีมติให้เสนอเรื่องพร้อมความเห็นไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามที่พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยยื่นคำร้อง เนื่องจากหลังผู้ตรวจฯ ได้รับคำร้อง และมี 2 หน่วยงานคือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำชี้แจงมา โดยหัวหน้า คสช.ไม่ได้ส่งคำชี้แจงมา ซึ่งเมื่อพิจารณาคำชี้แจงประเด็นที่มีการร้องเห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสียหายและได้รับความเดือดร้อนโดยตรง คสช.มีอำนาจในการออกคำสั่ง คสช.ดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมาย แต่เนื้อหาของคำสั่งที่ 53/2560 ที่มีการแก้ไขแนวปฏิบัติของพรรคการเมืองตามมาตรา 140 และมาตรา 141 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยมาตรา 140 เกี่ยวกับการให้สมาชิกพรรคที่ประสงค์จะยังคงเป็นสมาชิกพรรคต่อไป ยืนยันตนเองพร้อมแสดงหลักฐานมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามต่อหัวหน้าพรรคภายใน 30 หากพ้นกำหนดไม่มีการยืนยัน ให้ถือว่าพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคนั้น เป็นการรอนสิทธิของสมาชิกพรรค และเพิ่มภาระให้กับสมาชิก และมีระยะเวลาดำเนินการกระชั้นชิด 
ยื่นตีความคำสั่ง 53/60
     และที่แก้ไขมาตรา 141 (4) ซึ่งเกี่ยวกับการจัดประชุมใหญ่เพื่อแก้ไขข้อบังคับ จัดทำคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง เลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค (5) เกี่ยวกับการจัดตั้งสาขาพรรคและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ให้ครบถ้วนตามที่พ.ร.ป.พรรคการเมืองกำหนดภายใน 90 วัน และ กกต.สามารถขยายได้ครั้งหนึ่ง แต่หากครบเวลาแล้วพรรคไม่สามารถดำเนินการได้ ให้พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพไป โดยการดำเนินการดังกล่าวให้ทำเมื่อมีคำสั่งยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 57/2557 และคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 แล้วก็เป็นการสร้างภาระให้แก่พรรคการเมืองเกินสมควร จึงเห็นทั้ง 2 ประเด็นเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 25,  26, 27 ประกอบมาตรา 45 ซึ่งทางผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะยื่นคำร้องและหลักฐานต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในวันนี้ 
    นายรักษเกชากล่าวว่า แม้ผู้ตรวจฯ จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้ายังไม่มีคำวินิจฉัยออกมา ในวันที่ 1 เม.ย. พรรคการเมืองก็ยังคงต้องปฏิบัติตามคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ไปก่อน เพราะการออกคำสั่งดังกล่าวมีกฎหมายรองรับถูกต้อง และเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เมื่อยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ต้องปฏิบัติตาม 
    "เราปฏิบัติไปตามหน้าที่ที่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเราก็เห็นว่าคำสั่ง คสช.ออกโดยชอบด้วยกฎหมาย เพียงแต่มีปัญหาในเนื้อหาที่ขัดรัฐธรรมนูญกระทบต่อการปฏิบัติเท่านั้น ส่วนหลังจากนี้ถ้า คสช.มีการแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ก็เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้วินิจฉัย นายรักษเกชากล่าวเมื่อถามว่าการที่ผู้ตรวจมีมติเช่นนี้จะทำให้มีปัญหากับ คสช.หรือไม่ 
    ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าผลของคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับดังกล่าว ทำให้สมาชิกและพรรคการเมืองถูกละเมิดสิทธิ์ ก็น่าจะสรุปความเห็นส่งไปยัง คสช.ที่เป็นผู้ออกคำสั่งด้วย นอกเหนือไปจากการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะเป็นอำนาจที่ผู้ตรวจการแผ่นดินจะเสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งหาก คสช.แก้ไขเนื้อหาคำสั่งให้หมดปัญหาการขัดรัฐธรรมนูญ เรื่องก็จบ โดยไม่จำเป็นต้องไปศาลรัฐธรรมนูญ
    นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวขอบคุณที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เพราะถือว่าคำสั่ง คสช.ที่ 53 สร้างภาระเกินจำเป็นต่อพรรคการเมืองและสมาชิกพรรคการเมือง โดยตนเองจะยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมในประเด็นที่เห็นว่าอาจเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ เช่น มาตรา 26 และมาตรา 27
    นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ภายใต้คำสั่ง คสช.ที่ 53/60 คาดว่าภายใต้คำสั่งนี้จะทำให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เหลือประมาณแค่ 1 แสนคน จากที่เคยมีถึง 2.5 ล้านคน
ปลุกสมาชิกยืนยันตัวตน
    ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สมาชิกพรรคคือหัวใจสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของพรรคการเมือง 1-30 เม.ย. ร่วมกันยืนยันความเป็นสมาชิกพรรค ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย สำนักงานใหญ่ หรือประสานผ่านอดีต ส.ส./ผู้แทนพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้งสำหรับผู้ประสงค์เป็นสมาชิกใหม่ จะกระทำได้ต่อเมื่อพรรคสามารถทำกิจกรรมการเมืองได้ก่อนร่วมกันแสดงความเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยเพื่อสร้างและผลักดันอุดมการณ์ประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในสังคมของเรา 
    นอกจากนี้ ในเว็บไซต์พรรคไทยรักไทยยังได้เตรียมความพร้อมแก่สมาชิกเก่า โดยจัดทำภาพกราฟฟิกให้ความรู้ 1-30 เม.ย.61 ยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคเดิมต้องทำอย่างไร เพื่อให้สมาชิกพรรคได้ศึกษาด้วย 
      นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 4 เม.ย. อดีต ส.ส.จะเดินทางไปแจ้งความจำนงเป็นสมาชิกครบหรือไม่ ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะบางคนอาจติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ ยังมีเวลาอยู่ แต่วันที่ 4 เม.ย. ถือเป็นวันเริ่มต้นที่ให้สมาชิกได้ยืนยันการเป็นสมาชิก ก็จะได้เป็นตัวอย่างให้สมาชิกต่างประเทศได้ยืนยันการเป็นสมาชิก เพราะเราไม่สามารถประชาสัมพันธ์อะไรได้มาก ส่วนอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยในภาคเหนือนั้น ไม่มีปัญหาใครจะไปไหนแน่นอน มีแต่ปัญหาผู้สมัครล้น เพราะบางจังหวัดเขตเลือกตั้งน้อยลง
    นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต. กล่าวถึงกรณี สนช.เตรียมยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า การยื่นดังกล่าวไม่ได้กระทบอะไรกับการทำงานของ กกต. เพราะ กกต.เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งแล้ว กกต.ถึงจะเข้าไปทำงานได้เต็มที่ ซึ่งตนเห็นด้วยกับการยื่นตีความตั้งแต่แรกแล้ว เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องจัดการเลือกตั้งและได้ลงงบประมาณไปมาก ถ้ามันมีปัญหาในการตีความก็จะเป็นปัญหาทันที เราไม่อยากให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะในครั้งที่สอง ซึ่งเชื่อมั่นว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาในทิศทางที่ดี และการยื่นคงใช้เวลาไม่นานนัก เพราะเป็นเพียงประเด็นข้อกฎหมายสั้นๆ ว่าทำได้หรือไม่ได้ 
    เมื่อถามว่า การยื่นดังกล่าวจะกระทบโรดแมปการเลือกตั้ง จึงจะเสนอให้ กกต.ใช้กรอบเวลา 150 วันให้น้อยลง นายบุญส่งกล่าวว่า ต้องดูความพร้อมของทุกอย่าง ทั้งพรรคการเมืองที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ตามคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 เรียบร้อยหรือไม่ ถ้าไม่มีผลมากในเรื่องไพรมารีโหวตก็ดีแล้ว จะเปิดช่องให้เมื่อไหร่อย่างไรแล้วเราก็ไม่อยากให้มันไปกระทบการเลือกตั้ง เชื่อว่าประชาชนมุ่งหวังว่าเดือน ก.พ.2562 จะมีการเลือกตั้ง และมองว่าคงไม่กระทบโรดแมปการเลือกตั้ง เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยได้เร็ว
    ที่สำนักงาน กกต. ซึ่งเป็นวันทำการสุดท้ายในการเปิดให้กลุ่มการเมืองยื่นคำขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยในวันนี้มีกลุ่มพรรคการเมืองยื่นคำขอจดแจ้งจัดตั้งพรรคเพิ่มรวม 6 กลุ่ม เมื่อนับจากวันที่ 1 มี.ค.ที่เริ่มเปิดรับจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ รวมแล้วมีกลุ่มการเมืองที่ยื่นจดแจ้งจัดตั้งรวม 97 พรรค       
สมคิดรับกินข้าวบ้านสุชาติ
    ส่วนกรณีมีกระแสข่าวกลุ่มบ้านริมน้ำของนายสุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร นัดอดีต ส.ส.กลุ่มบ้านริมน้ำ และนักการเมืองในกลุ่ม 16 บางคน มารับประทานอาหารกลางวันที่บ้านริมน้ำย่านนนทบุรี ในวันที่ 1 เม.ย. และมีการเชิญนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไปด้วยนั้น นายสมคิดกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ส่วนตัวได้รับทราบข่าวนี้จากหน้าหนังสือพิมพ์เช่นกัน แต่นายสุชาติถือว่าเป็นเพื่อนกัน
    “โดยส่วนตัวใครเชิญไปไหนก็ไปทั้งนั้น ทั้งวงมหาวิทยาลัย ธุรกิจ การเมือง ซึ่งที่ไปพบแต่ละกลุ่มคือ ไปให้ข้อมูลว่ารัฐบาลทำอะไร เรื่องนี้ผมไม่ได้ทราบเรื่องโดยตรง แต่กลุ่มนี้ก็เพื่อนฝูงกัน ไม่ได้มีอะไรไม่ดี ไม่มีอะไรตื่นเต้น" นายสมคิดกล่าว
    ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีคนทาบทามไปเป็นหัวหน้าพรรคจะตอบอย่างไร นายสมคิดตอบว่า เลิกคิดไปเลย ตนเองช่วยทุกพรรคอยู่แล้ว ขอแค่ให้บ้านเมืองเจริญ
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ Suthichai Live กรณีถูกพาดพิงว่าใช้อิทธิพลความเป็นนักการเมืองต่อประเด็นการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ มีกระบวนการรับงานจากบิ๊กทหารและเสี่ยนักธุกิจ เพื่อตั้งเป้าหาเงินหมื่นล้านตั้งพรรคการเมืองสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ อีกว่า คำพูดนี้มาจากอดีตนักการเมืองคนหนึ่ง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คนพูดก็บ้า คนเชื่อก็โง่ งานหมื่นล้านจะยัดเงินอีกหมื่นล้าน เรียกว่าควายยังฉลาดกว่าเลย ปากก็พูดไปไม่มีความรับผิดชอบอะไร คนพูดอาจจะถนัดกับการตบทรัพย์ สมัยก่อนถ้าพูดแบบนี้ก็จะมีคนวิ่งมาเคลียร์ แต่สมัยนี้คนฉลาดเขาทำมาหากินได้โดยสุจริต ผู้ประกอบการต่างๆ ระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์โดยไม่ต้องไปวิ่งเต้น โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาที่คนประเภทชอบตบทรัพย์ รีดไถเงินจะหมดไป  
     วันเดียวกัน พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ นายทหารปฏิบัติการประจำกองบัญชาการกองทัพบก ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมายส่วนงาน คสช. เข้าพบ พ.ต.อ.จักรกริศน์ โฉสูงเนิน ผกก.สน.ชนะสงคราม และ พ.ต.ท.ประจักษ์ ทรงปรีชา รอง ผกก.สอบสวน สน.ชนะสงคราม และ ร.ต.ท.โนวิทก์ สีเนหะ รองสารวัตรสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อร้องทุกกล่าวโทษนายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ กับพวก รวม 57 คน ทั้งนี้ เพื่อดำเนินคดีกับนายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์, นายรังสิมันต์ โรม, นางสาวณัฏฐา มหัทธนา, นายธนวัฒน์ พรหมจักร, นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, นายอานนท์ นำภา, นายปกรณ์ อารีกุล และนางศรีไพ นนทรี ในความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใด อันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนและเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน 
    การแจ้งความดังกล่าวสืบเนื่องกลุ่มคนดังกล่าว เป็นแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นำผู้ชุมนุมร่วมเดินขบวนจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มายังบริเวณด้านหน้ากองบัญชาการกองทัพบก และระหว่างทางได้ฝ่าด่านแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ห้ามมิให้กลุ่มชุมนุมเคลื่อนย้ายกีดขวางการจราจร เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา 
    ด้านนายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊กว่า "คดีนี้จะเป็นคดีที่ 8 ของผมครับ รวมกับคดีอื่นๆ หากศาลตัดสินว่ามีความผิดโทษสูงสุดจะอยู่ที่ 39 ปี นักร้องก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือบุรินทร์ ทองประไพ ที่คอยตามร้องตามสถานีตำรวจต่างๆ ที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจัดกิจกรรม เอาเป็นว่า ผมอยากขอเชิญชวน #ช่วยตั้งชื่อย่อ ให้กลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่กำลังจะโดนคดีนี้"
"แม้ว"ฟุ้ง พท.ชนะเลือกตั้ง
    เมื่อวันที่ 29 มี.ค.เว็บไซต์ Asahi สื่อชื่อดังของญี่ปุ่น ได้รายงานข่าวโดยมีรายละเอียดภาพและบรรยากาศของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ สองพี่น้องของไทย ได้เดินทางมาที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมงานเปิดตัวหนังสือของนายอิชิอิ ฮาจิเมะ อดีต รมว.กิจการภายในญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นการปรากฏตัวของทั้งคู่ครั้งแรกหลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
    ช่วงหนึ่งนายทักษิณให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า “หวังว่าประเทศจะกลับคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นระบอบที่เปิดให้มีเสรีภาพในการพูด ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับประเทศไทย และเป็นเครื่องรับประกันสิทธิของประชาชนประชาธิปไตยจำเป็นสำหรับเศรษฐกิจในยุคสมัยนี้ เพื่อเปิดทางให้การคิดสร้างสรรค์มีมากขึ้น”
    ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการเลือกตั้งทั่วประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า นายทักษิณตอบว่า “ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคแล้ว ความจริงคือพรรคเขาไม่ต้องการให้ผมเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่ผมเชื่อว่าในพรรคเพื่อไทยมีนักการเมืองที่มีคุณสมบัติที่ดีหลายคน และพวกเขาก็จะสามารถนำพาพรรคไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งได้”
    ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ขอโทษด้วยค่ะ”
    นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายทักษิณทำนายพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งว่า แม้นายทักษิณจะไม่ใช่สมาชิกพรรค แต่ก็เป็นผู้ก่อตั้งและจัดทำนโยบายมาตั้งแต่ต้นในสมัยพรรคไทยรักไทยนายทักษิณเข้าใจดีว่านโยบายที่ทำในช่วงที่บริหารราชการแผ่นดินประชาชนได้ประโยชน์จนถึงทุกวันนี้ ท่านคงวิเคราะห์จากสิ่งที่ได้ทำมา คงเห็นว่าประชาชนซึ่งเป็นโหวตเตอร์สำคัญ ยังคงเหนียวแน่นต่อนโยบายและพรรคเพื่อไทย ดังนั้นการเลือกตั้งในภาวะที่บ้านเมืองยังมีปัญหา เชื่อว่าประชาชนจะยังคงสนับสนุนในนโยบายของพรรคเพื่อไทยเหมือนที่เคยเป็นมา รอเพียงแค่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใดเท่านั้น
    พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่สื่อต่างประเทศนำเสนอภาพนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกงานคู่กันครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น ว่า เรื่องดังกล่าวได้รับรายงานจากกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าภาพดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มี.ค. และคาดว่าน่าจะเป็นภาพจริง แต่เบื้องต้นอยู่ระหว่างให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ในส่วนของ สตช.ได้ประสานไปทางอัยการสูงสุดและกองการต่างประเทศทราบแล้วโดยยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของผู้ที่เกี่ยวข้อง
    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทางเจ้าหน้าที่ต้องติดตามต่อไป เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทาง คสช.ประเมินการปรากฏตัวครั้งนี้อย่างไร พล.อ.ประวิตรย้อนถามว่า แล้วจะให้ประเมินอย่างไร และไม่ทราบว่านายทักษิณต้องการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ ถามว่าการปรากฏตัวครั้งนี้เป็นตอกย้ำหรือไม่ว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ที่เขามองว่าเราจับเขาไม่ได้นั้น ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการ
     เมื่อถามว่า จะทำการขอตัวนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกันหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ที่เขาไปเป็นการดำเนินการเรื่องการเมืองของเขา เพราะเคยเป็นผู้นำประเทศ แต่เราต้องชี้แจงให้ประเทศญี่ปุ่นทราบว่าคดีของนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เกี่ยวกับการเมือง 
    ส่วนที่นายทักษิณแสดงความมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ว่าไป จะพูดอย่างไรก็พูดได้ ต่อข้อถามว่านายทักษิณประเมินว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส. 230 ที่นั่ง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “หากสื่อจะเชื่อเขาก็เชื่อไป จะมาถามผมทำไม แต่ผมไม่เชื่อ”
    ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์และคณะออกเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS Summit) ที่กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"