ภาพจากกล้องวงจรปิดสังเกตุอาการคนไข้โควิดส่งตรงมาที่ห้องควบคุม มีแพทย์ติดตามอาการทุกระยะ
30 มี.ค.63-ระยะเวลา 48 ชั่วโมงเป็นเงื่อนเวลาในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อรับมือกับสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ล้นโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ซึ่งนำไปสู่การปรับอาคารดีลักซ์(DLUXX) อาคารหอพักเอเชี่ยนเกมส์เดิม ความสูง 14 ชั้น มีห้องพักจำนวน 308 ห้อง ให้เป็นโรงพยาบาลสนาม 308 เตียง สำเร็จเป็นสถานที่ปลอดเชื้อร้อยเปอร์เซ็นต์ ตามมาตรฐานสากลทางการแพทย์ และเริ่มดำเนินการในการรับผู้ป่วยโควิดรายแรกเช้าวันที่ 26 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา
รพ.สนามธรรมศาสตร์
การนำร่องของโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ เกิดจากการร่วมมือระหว่าง 5 โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ประกอบด้วยจุฬาฯศิริราช รามาฯ วชิรพยาบาล และธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ร่วมกันวางแผน และตัดสินใจสร้างโมเดลรูปแบบดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ให้มีศักยภาพ เพื่อเป็นต้นแบบ กับโรงพยาบาลอื่นๆ โดยมีโรงพยาบาลธรรมศาสต ร์เป็นแม่งานขับเคลื่อน
ผศ.นพ.ฉัตรชัย มิ่งมาลัยลักษณ์ ผอ.รพ.สนามธรรมศาสตร์
ผศ.นพ.ฉัตรชัย มิ่งมาลัยลักษณ์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ กล่าวถึงแนวคิดในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ใน ม. ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตว่า ถือเป็นการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อรับมือการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 แม้จะมีตัวอย่างโรงพยาบาลฉุกเฉินอู่ฮั่นโมเดลจากประเทศจีน แต่ที่นี่แตกต่างจากอู่ฮั่นเพราะมีอาคารอยู่แล้ว ซึ่งทางมหาวิทยาลัย ได้รับโจทย์ ต้องจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ให้เสร็จภายในเวลา 48 ชม. สิ่งแรกที่ดำเนินการ คือ การสำรวจความพร้อมการเป็นโรงพยาบาลสนาม สำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 หลังสำรวจพบว่า ห้องพักมีความเหมาะสม เพราะมีโซนที่แยกออกจากส่วนอื่น มีระบบปรับอากาศที่ดี มีโซนซักล้างในห้อง พื้นที่ทางเดินโปร่งโล่ง อากาศไหลเวียนดี ทำความสะอาดได้ง่าย จากนั้น มีการปรับปรุงแยกโซนสะอาดและโซนติดเชื้อให้ชัดเจน มีระบบรองรับป้องกันการปนเปื้อน รวมถึงระบบบำบัดน้ำเสียตามมาตรฐานโรงพยาบาล
“ ถ้าเป็นโรงพยาบาลสนามในจีนรักษาคนอาการหนักยันเบา ทางโรงเรียนแพทย์จึงช่วยกันคิดโมเดลการรักษาโรคติดเชื้อโควิดเราทราบว่า 80% คือ คนไข้อาการเบา มีอาการเพียงเล้กน้อย มีเพียง20% ที่หนัก เมื่อมีคนไข้อีก โรงพยาบาลเริ่มเต็ม เกิดเป็นโมเดลแยกเป็นกลุ่มคนไข้ ตัวโรงพยาบาลมีความพร้อมดูแลคนไข้หนักอยู่แล้ว ดังนั้น คนไข้ที่มีอการเบา ควรแยกออกมาจึงทำโรงพยาบาลสนามนี้ขึ้น คนไข้โควิด จะเข้าโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเพื่อประเมินอาการอย่างน้อย 5-7วัน ถ้าพบว่า มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มี ช่วยเหลือตัวเองได้ ก็จะส่งมาที่โรงพยาบาลสนามเพื่อกักตัว ดูแลต่อ และสังเกตอาการ จนผลตรวจ หาเชื้อออกมาเป็นลบจึงให้กลับบ้าน แต่หากอาการเปลี่ยนแปลงแย่ลง สามารถส่งกลับโรงพยาบาลหลักได้ทันที เราไม่รักษาผู้ป่วยอาการรุนแรงที่นี่“ ผศ.นพ.มิ่งฉัตร กล่าว
ผอ.รพ.สนามธรรมศาสตร์ อธิบายถึงส่วนต่างๆของโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ว่า แยกโซนสะอาดและโซนติดเชื้อทางเข้าออกของบุคคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยคนละประตู หากจะเข้าโซนติดเชื้อผู้ปฏิบัติงานที่ต้องเข้าไปในโซนผู้ป่วยจะต้องมีการแต่งตัวด้วยชุด PPE และการป้องกันตามมาตรฐาน มีการกำกับควบคุมทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกตึก การดูแลผู้ป่วยโดยลดการสัมผัส และแยกคนไข้กับบุคลากรทางการแพทย์ ทุกห้องจะมีระบบกล้องวงจรปิดสังเกตุอาการ มีการพูดคุยผ่านระบบวิดีโอคอลล์ แต่กล้องวงจรปิดไม่ได้เปิดตลอดเวลาเพื่อความเป็นส่วนตัวของคนไข้ยกเว้นคนไข้ที่ต้องดูแลใกล้ชิด ภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดจะส่งมาที่ห้องควบคุม ซึ่งแพทย์และพยาบาลมองเห็นได้ นอกจากนี้มีห้องเตรียมยา มีอุปกรณ์ฉุกเฉินช่วยชีวิต
มดงานอาสาสมัคร ที่เสียสละทำงานในโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์
“ โรงพยาบาลสนามเปิดวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา มีการทดสอบระบบ การแต่งตัวของเจ้าหน้าที่ รับผู้ป่วยโควิด 2 คน การดูแลราบรื่นดี และรับเพิ่มอีก 4 คนในวันที่ 27 มีนาคม มาจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ แต่เราจะรับจากจุฬาฯ ศิริราช รามาฯ วชิรพยาบาลและโรงพยาบาลในจังหวัดปทุมธานี หากประเมินอาการดีขึ้นจะส่งมาที่นี่ เราวางแผนจะรับวันละ 10 คน และเพิ่มจำนวนขึ้นได้ เพราะขณะนี้โรงพยาบาลเริ่มทยอยรับผู้ป่วยที่ล้นจากโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ มาสังเกตุอาการที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และจะส่งต่อมายังโรงพยาบาลสนาม หากที่นี่คนไข้เต็ม 300 เตียง สิ่งที่น่าห่วงจริงๆ คือ ที่โรงพยาบาลหลัก แสดงว่า สัดส่วนคนไข้หนักเยอะมาก ที่น่ากังวลใจคือถ้าระบบดูแลคนไข้หนักรองรับไม่ได้ อัตราการเสียชีวิตจะสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลสนามแห่งนี้มีการพูดคุยวางแผนสองแผนสาม อาจเปิดตึกใหม่ในกรณีที่มีคนไข้จำนวนมาก “ผศ.นพ.ฉัตรชัย กล่าว
เมื่อถามถึงบุคลากรที่จะต่อสู้กับโควิด ผู้อำนวยการคนเดิม บอกว่ามีอาจารย์แพทย์และแพทย์มาประจำวันละ 2 คน ซึ่งแพทย์สนามที่ทำงานให้โรงพยาบาลจะเป็นบุคลากรกลุ่มรองจิตอาสา เช่น อาจารย์แพทย์สาขาอื่นๆ รวมถึงพยาบาลในสาขาที่ไม่ใช่อายุรกรรมหรือวิกฤต เช่น พยาบาลจากสาขาศัลกรรมมาดูแลเพราะงานตอนนี้ลดลงจากการงดเลื่อนผ่าตัดผู้ป่วยปกติลดลง เราจะให้บุคคลากรหลักที่สำคัญ เช่น อายุรแพทย์ กุมารแพทย์ดูแลคนไข้ในโรงพยาบาลหลัก ที่นี่จะมีพยาบาลประจำ 24 ชั่วโมง ด้านจิตใจมีทีมภาควิชาจิตเวชมาดูแล รวมถึงทีมสังคมสงเคราะห์ เพราะผู้ป่วยต้องมาถูกกักตัวเป็นเวลานานอาจมีผลต่อจิตใจเรียกว่า มีการดูแลผู้ป่วยโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ
“ เราพยายามสร้างโมเดล แต่โมเดลเราไม่เหมือนจีน เพราะไม่มีทรัพยากรมากขนาดนั้น เป็นการทดลองปรับรูปแบบเลือกใช้ทรัพยากร ทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศมีระบบเพิ่มมากขึ้น ตรงนี้เป็นต้นแบบให้ดำเนินการจะมีการประเมินผลวันต่อวัน อาการคนไข้ดีขึ้นมั้ย โรงพยาบาลต้นทางดีขึ้นหรือไม่รับคนไข้ได้มากขึ้นมั้ย แม้งานจะหนักและดูน่ากลัวสำหรับคนทั่วไป แต่ขณะนี้มีอาจารย์แพทย์สมัครมาเป็นแพทย์สนามจำนวนมากทุกคนเสียสละมาร่วมกันดูแลผู้ป่วย รวมถึงพยาบาลมาร่วมด้วยเราพยายามสร้างระบบที่ดีขึ้นเพื่อประชาชนที่ยากลำบากฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปด้วยกัน“ ผศ.นพ.ฉัตรชัย กล่าว
ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
ด้าน ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้จัดการโรงพยาบาลสนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต กล่าวว่า สังคมเกิดวิกฤตแบบนี้ มหาวิทยาลัยมีบุคคลากร มีอาคารสถานที่ เครื่องไม้เครื่องมือจะมีบทบาทช่วยเหลือสังคมอย่างไรได้บ้าง นี่คือแนวคิดธรรมศาสตร์ ย้อนไปปี2547 จากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิรัฐบาลร้องขอให้เราจัดตั้งศูนย์พักพิงนักท่องเที่ยวต่างประเทศเราจัดที่พักพิง และประสานสถานทูตประเทศต่างๆ มาออกเอกสารเดินทางเพื่อให้เขาได้กลับบ้าน ปี 2554 น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ จัดตั้งศูนย์พักพิงที่ธรรมศาสตร์ ปี2559 คนไทยเศร้าโศกในหลวง ร.9 สวรรคตเดินทางมากราบพระบรมศพวันละเป็นหมื่นเป็นแสนคน ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทน์ก็ตั้งศูนย์อาสาสมัครจัดการขยะที่สนามหลวงร่วมกับ กทม. ปีนี้เกิดการแพร่ระบาดโควิด เป็นที่มาการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์
ห้องพักที่เตรียมรองรับผู้ป่วยโควิด ที่อาการไม่รุนแรง
“ แม้ขณะนี้โรงพยาบาลยังไม่เต็มแต่การติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ช้าโรงพยาบาลจะเต็ม ผู้ป่วยโควิดแม้อาการดีขึ้นยังกลับบ้านไม่ได้ เพราะต้องกักกันต่อขณะที่รายใหม่ก็เติมเข้ามา โมเดลจะต้องตั้ง รพ.สนามดูแลผู้ป่วยที่อาการดีขึ้น โรงพยาบาลสนามแห่งนี้ปลอดภัยและไม่มีการแพร่เชื้อออกมาภายนอก เป็นทางออกให้ระบบสาธารณสุขและโรงพยาบาลของเราสามารถทำหน้าที่รักษาผู้ป่วยโควิดและควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ไม่กลายเป็นอิตาลี ต้องตั้งโรงพยาบาลสนามรอรับไม่ใช่เกิดปัญหาแล้วมาตามแก้ “ ผศ.ดร.ปริญญา กล่าว.