30 มี.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มว่าราคาผลปาล์มดิบได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงสัปดาห์เดียว ตั้งแต่วันที่ 20-27 มี.ค.2563 ราคารับซื้อผลปาล์มดิบได้ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาลดลงมาต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาทแล้ว จากราคาก่อนหน้านี้ เกินกก. ละ 4 บาท และสูงสุดกก.ละ 6 บาท ในช่วงต้นเดือนมี.ค. ทำให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มได้รับความเดือดร้อน เพราะขายผลผลิตได้ไม่คุ้มกันต้นทุนการผลิต
ก่อนหน้านี้ กรมการค้าภายในได้มีการติดตามสถานการณ์ผลปาล์มน้ำมัน พบว่า ผลผลิตได้เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค.2563 เป็นต้นไป และประเมินว่าราคาน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่กก.ละ 5 บาท และทรงตัวอยู่ในระดับนี้ เพราะรัฐบาลมีมาตรการหลายมาตรการในการดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากระบบ ทั้งการนำไปใช้ผลิตน้ำมันบี 10 ที่ปัจจุบันเป็นน้ำมันภาคบังคับ และนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะที่สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ ก็มีอยู่แค่ 2.3 แสนตัน ณ สิ้นเดือนก.พ.2563 ซี่งต่ำกว่าเซฟตี้สต๊อกที่ควรจะมีประมาณ 3 แสนตัน
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่า ราคากลับปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะหากสามารถดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากระบบได้จริง ราคาก็ไม่ควรตกต่ำ ซึ่งทำให้มีข้อสงสัยว่า จะมีการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเข้ามาหรือไม่ เพราะขณะนี้ราคาในประเทศเพื่อนบ้านยังต่ำกว่าไทย แม้ว่าราคาในไทยจะลดลงมาเหลือกก.ละ 23.23.50 บาทแล้วก็ตาม จากที่ก่อนหน้านี้เกินกก.ละ 30 บาท จึงขอให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบด้วย เนื่องจากอาจจะมีเล็ดลอดได้ แม้จะมีการกำหนดด่านน้ำเข้าได้ 3 ด่าน คือ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และนำผ่านขาเข้าได้ 1 ด่าน คือ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และนำผ่านขาออกได้ 3 ด่าน คือ ด่านศุลกากรจันทบุรี ด่านศุลกากรหนองคาย และด่านศุลกากรแม่สอด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะนี้กรมการค้าภายในกำลังพิจารณาจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ในโครงการประกันรายได้ เพราะเดิมกำหนดจ่ายชดเชยส่วนต่างไว้ทั้งสิ้น 8 งวด หรือทุก 45 วัน หลังจากจ่ายส่วนต่างรอบแรกวันที่ 1 ต.ค.2562 และงวดที่ 2 วันที่ 15 พ.ย.2562 โดยหลังจากนั้น ไม่ได้มีการจ่ายชดเชยส่วนต่าง เพราะราคาตลาดปรับตัวสูงขึ้นเกินไปกว่าราคาประกันรายได้ที่กก.ละ 4 บาท แต่น่าจะกลับมาจ่าย เพราะราคาตอนนี้ต่ำกว่าราคาประกันรายได้แล้ว ส่วนจะจ่ายในอัตราใด ต้องรอคำนวณราคาเฉลี่ยก่อน
ทั้งนี้ หากคิดจากราคาปัจจุบันที่กก.ละประมาณ 3 บาท รัฐบาลจะต้องจ่ายส่วนต่างที่กก.ละ 1 บาท โดยเกษตรกรจะได้รับเงินชดเชย ดังนี้ คือ ราคาส่วนต่าง 1 บาท คูณด้วย 25 ไร่ คูณ 363.25 กก. เท่ากับจะได้รับเงินส่วนต่าง 9,081.25 บาท แต่ถ้าราคาลดต่ำกว่านี้ การชดเชยรายได้ก็จะเพิ่มขึ้น โดยตัวเลข 363.25 กก. หารมาจากจำนวนผลผลิตต่อไร่ที่กำหนดไว้ที่ 2,906 กก.ต่อไร่ และหารทั้งสิ้น 8 งวด
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |