นักโทษบุรีรัมย์แหกคุกอ้างโควิด


เพิ่มเพื่อน    

 

นักโทษผวาโควิด! 100 คนฮือก่อหวอดเผาเรือนจำบุรีรัมย์ อธิบดีราชทัณฑ์ลงพื้นที่บัญชาการเองร่วมกับ ตร.-ทหาร ปราบจลาจลสำเร็จล่าแหกคุกได้ 7 ราย นายกฯ สั่งสอบเหตุจูงใจ เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อพรวดวันเดียว 10 ราย ยะลาตายรายแรกชายวัย 54 ป่วยหลังกลับจากมาเลย์ "ภูเก็ต" ประกาศปิดเมือง 1 เดือนแล้ว

     เมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก สภ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ ว่าเวลาประมาณ 11.30 น. ได้รับแจ้งจากเรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์ ว่ามีเหตุนักโทษก่อเหตุจลาจลภายในเรือนจำ และมีเพลิงไหม้ภายในเรือนจำ พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและร่วมกันควบคุมเพลิงไหม้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมเพลิง อีกทั้งได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปรามเข้ามาตรวจสอบและควบคุมสถานการณ์
    จากการซักถามพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ภายในเรือนจำมีนักโทษทั้งหมดประมาณ 2,100 คน โดยมีนักโทษประมาณ 100 คน ได้ปลุกระดมก่อความวุ่นวายและจุดไฟเผาภายในเรือนจำ ซึ่งมีนักโทษส่วนหนึ่งได้ลักลอบหลบหนีออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างไล่กล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนี และเร่งไล่ล่านักโทษที่หลบหนีกลับมารับโทษต่อไป
    ทั้งนี้ ขอฝากเตือนไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลบหนี หรือให้การสนับสนุนในการหลบหนีหรือให้ที่พักอาศัย จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน จึงขอความร่วมมือจากญาติและบุคคลใกล้ชิดของผู้ต้องขังเกลี้ยกล่อมขอให้เข้ามอบตัว และหากผู้ใดพบเห็นสามารถแจ้งเบาะแสได้ สำหรับพี่น้องประชาชนคนใดทราบเบาะแสหรือมีข้อมูลของคนร้าย สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โทร.1599 หรือ สภ.เมืองบุรีรัมย์ โทร. 0-3461-2240 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
    พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) เปิดเผยว่า สาเหตุเกิดจากความกดดันของนักโทษ ประกอบกับมีคนปล่อยข่าวลือว่ามีนักโทษติดเชื้อโควิด-19 ทำให้นักโทษพยายามแหกคุกเพื่อเอาชีวิตรอด เบื้องต้นควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และกำลังติดตามนักโทษที่หลบหนี
    ต่อมาเวลา 13.45 น. กรมราชทัณฑ์ชี้แจงกรณีที่มีเหตุจลาจลในเรือนจำ จ.บุรีรัมย์ ว่ากรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการคลี่คลายสถานการณ์อย่างเร่งด่วน โดย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้เดินทางเพื่อบริหารสถานการณ์ด้วยตนเอง คาดว่าอีกไม่นานจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก และจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบโดยทั่วกันอย่างรวดเร็วต่อไป
จับนักโทษแหกคุก 7 คน
    นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ได้รับรายงานในเบื้องต้นแล้ว และขณะนี้ พ.ต.อ.ณรัชต์ได้ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้รับรายงานว่า เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์มีผู้ต้องขังกว่า 2,000 คน แต่กลุ่มผู้ต้องขังที่ก่อเหตุมีเพียงประมาณ 100 คน ซึ่งได้เริ่มพังห้องเยี่ยมญาติ โดยได้ทุบทำลายประตูและกระจกภายในห้องเยี่ยมญาติจนได้รับความเสียหายแตกกระจัดกระจาย รวมถึงพื้นห้องที่เป็นกระเบื้อง ก็แตกพังเสียหาย นอกจากนี้ยังทำลายสิ่งของอื่นๆ?  ภายในห้องด้วย
     ทั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุขึ้นทางเรือนจำได้ประสานขอกำลังสนับสนุน ทั้งตำรวจ ทหาร พร้อมประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ช่วยกันระงับเหตุ รวมถึงตั้งด่านสกัดจับบริเวณโดยรอบทั้งหมด ซึ่งจากข้อมูลผู้ต้องขังสามารถหลบหนีออกจากเรือนจำไปได้จำนวนหนึ่ง แต่เวลานี้จับได้แล้วจำนวน 7 คน
     "เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ต้องขังอาศัยใช้จังหวะที่ผู้คุมเรือนจำกำลังปรับปรุงห้องกักโรค โดยได้เผาทำลายโรงเลี้ยงอาหาร ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานผู้เสียชีวิต ทั้งนี้คาดว่าการก่อเหตุน่าจะมาจากกลุ่มผู้ต้องขังก่อหวอดในเรื่องของโควิด-19 และกลุ่มผู้ต้องขังนี้ยังถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มนักโทษหนัก นอกจากนี้ยังได้รับรายงานล่าสุดว่าภายหลังเกิดเหตุทางเรือนจำได้กันผู้ต้องขังที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นเรือนนอนทั้งหมดแล้ว" รมว.ยุติธรรมระบุ
     นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ซึ่งขณะนี้จับกุมนักโทษที่หลบหนีออกมาได้แล้ว 7 นาย และนำส่งนักโทษที่ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล 2 คน ส่งกลับเรือนจำ 5 คน และติดตามจับกุมนักโทษที่หลบหนีต่อไป ทั้งนี้ ก?รม?ราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จะเร่งสอบสวนเพื่อชี้แจงถึงมูลเหตุแรงจูงใจการก่อความวุ่นวายในครั้งนี้ต่อไป
    ล่าสุด เวลา 19.30 น. พ.ต.อ.ณรัชต์พร้อมคณะได้แถลงความคืบหน้าของเหตุการณ์ว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ ได้แล้ว โดยเจ้าหน้าที่มีการคัดแยกผู้ต้องขังที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ออกมาได้ประมาณ 1,000 คน ไปฝากขังตามเรือนจำใกล้เคียง และควบคุมตัวไว้ก่อนบางส่วน โดยยังมีผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำอีกประมาณ 500 คน ซึ่งขณะเข้าควบคุมไม่มีการต่อสู้ขัดขวางแต่อย่างใด และจากการตรวจสอบพบว่าอาคารภายในถูกเพลิงไหม้ และทำลายได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด ไม่สามารถใช้การได้ ส่วนกลุ่มผู้ต้องขังบางส่วนมีการใช้มีด และวัสดุดัดแปลงเป็นอาวุธ ไม่มีอาวุธปืน โดยจำนวนผู้หลบหนีจะมีการสอบสวนให้แน่ชัดก่อน แต่เบื้องต้นไม่มีเจ้าหน้าที่ ผู้ต้องขังเสียชีวิต หรือบาดเจ็บสาหัส 
     ที่ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้เชื้อไวรัสโควิด-19 จังหวัดนครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา แถลงว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 1 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 14 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายล่าสุดเป็นหญิงอายุ 66 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านท่าอ่าง หมู่ 3 ตำบลท่าอ่าง อำเภอโชคชัย และเป็นบุคคลกลุ่มเสี่ยงมีความใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อรายที่ 7, 8 และ 9 ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมาจึงมีมติปิดหมู่บ้านในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตำบลท่าอ่าง รัศมี 150 เมตร เป็นเวลา 14 วัน
     ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่? นพ.วรเชษฐ? เต๋ชะรัก? ผอ.รพ.นครพิงค์ ?โฆษกศูนย์?ข้อมูล?ฯ แถลงว่า จังหวัดเชียงใหม่?มีผู้ติดเชื้อยืนยันเพิ่มรายใหม่อีก 10 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มครอบครัวที่กลับจากประเทศอังกฤษ  1 ราย และ 2.กลุ่มที่สัมผัสกับผู้ป่วยซึ่งเป็นดีเจในสถานบันเทิงผับ 9 ราย ทำให้มียอดสะสมผู้ติดเชื้อโควิด?-19? รวม? 30? ราย? หายกลับบ้านไปแล้ว 1 ราย และค่ำวันนี้จะมีผู้ป่วยที่หายกลับบ้านอีก? 4? ราย รวมหาย? 5? ราย? แต่มี? 1? รายอาการหนัก เพราะมีโรคประจำตัวเป็นไตวาย?
ยะลาตายรายแรก
    ที่ จ.ยะลา นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา เปิดเผยสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดยะลา ว่าผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย รวมสะสม 35 ราย เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งนับเป็นรายแรกของจังหวัดยะลา โดยผู้เสียชีวิตเป็นเพศชาย อายุ 54 ปี อาชีพค้าขาย สัญชาติไทย นับถือศาสนาอิสลาม มีประวัติเดินทางไปประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 12 มี.ค. เพื่อส่งบุตรสาวที่เมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน และเดินทางกลับวันที่ 13 มี.ค. เริ่มป่วยวันที่ 15 มี.ค. และไปพบแพทย์ในวันที่ 16 มี.ค. โดยผู้ป่วยมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง โดยผลตรวจยืนยันเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 18 มี.ค. ทีมแพทย์ให้การรักษาอย่างเต็มที่ แต่อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิต สำหรับผู้สัมผัสร่วมบ้าน มีจำนวน 5 คน พบ 2 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยันนอนพักรักษาตัวใน รพ.อีก 3 รายไม่พบเชื้อและแยกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน
    ผู้สื่อข่าวปัตตานีรายงานว่า จังหวัดปัตตานียังพยายามควบคุมสถานการณ์การแพร่เชื้อ เพราะเป็นจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 7 ราย รวมมีผู้ป่วย 41 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อจากทำกิจกรรมเผยแผ่ศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย และมาจากการสัมผัสกลุ่มนี้ นอกจากนี้ กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในพื้นที่ยังคงมีการติดตามกลุ่มแรงงานที่กลับจากมาเลเซียและที่กลับจาก กทม.อย่างต่อเนื่อง หลังจากทราบข่าวว่าไม่กักตัวเอง 14 วันตามคำสั่งของรัฐ ซึ่งอีกจำนวนกว่า 100 คน
         ทางจังหวัดปัตตานีจึงออกมาตรการเข้มข้นขึ้น โดยมีหนังสือแจ้งนายอำเภอทุกอำเภอ ชุมชนทุกชุมชน และผู้นำในพื้นที่ ยกระดับความเข้มงวดในการผ่านด่านทั้งคนและยานพาหนะ อาทิ ด่านขาออกทั้งหมดห้ามผ่านยกเว้นตามคำสั่ง และหรือที่หัวหน้าด่านตรวจพิจารณาว่าจำเป็น ห้ามรถโดยสารประจำทาง รถโดยสารรับจ้าง หรือยานพาหนะอื่นใดที่มีผู้โดยสารผ่านเข้า-ออก หากมีความจำเป็นให้ควบคุมรถโดยสารดังกล่าวไปรายงานตัวที่โรงยิม สนามกีฬา อบจ.ปัตตานี เพื่อทำการคัดกรอง และสั่งให้อำเภอท้องที่มารับตัวไปกักกันต่อไป
     ที่ จ.ภูเก็ต ในช่วงค่ำ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ได้ประชุมผู้เกี่ยวข้องก่อนออกประกาศฉบับที่ 11/2563 เรื่องปิดช่องทางเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ต ซึ่งสาระสำคัญของประกาศดังกล่าว คือ กำหนดปิดช่องทางเข้า-ออกพื้นที่จังหวัดภูเก็ตทั้งทางน้ำและทางบก ยกเว้นช่องทางเดินอากาศ ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ.2563 ถึงวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2563
    "การปิดทางบก ทางน้ำสามารถทำได้ทันที แต่ทางอากาศ ต้องประสานให้ทุกหน่วยเตรียมตัวล่วงหน้า ซึ่งกำหนดปิดทางอากาศ ในวันที่ 10 เม.ย.นี้" นายภัคพงศ์กล่าว
     ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ การเฝ้าระวังคนไทยกรณี COVID-19 พื้นที่สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กองทัพเรือ และกระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS จำนวน 83 คนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 15 มี.ค.63 ซึ่งครบกำหนด 14 วันในการเฝ้าดูอาการแล้ว และทั้งหมดตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 โดยบรรยากาศในวันนี้เป็นไปอย่างชื่นมื่น ทุกคนดีใจที่ได้พบหน้าผู้ปกครอง ก่อนทั้งหมดจะแยกย้ายกันเดินทางกลับ บางส่วนครอบครัวไม่ได้เดินทางมารับ ทางกองทัพเรือได้จัดรถบัส 1 คัน และรถตู้ 1 คัน นำทั้งหมดไปส่งยังสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สถานีขนส่งหมอชิต สถานีขนส่งเอกมัย และสถานีขนส่งสายใต้ เพื่อเดินทางต่อกลับไปยังภูมิลำเนาของแต่ละคน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"