28 มี.ค.63 - นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยมีเนื้อหาดังนี้

#เราไม่ลืม10เมษา53เด็ดขาด

ผมจะเกาะติดเรื่อง "กองกำลังติดอาวุธชายชุดดำไปตลอดชีวิตครับ"

ดังนั้นกราบเรียนเพื่อนๆนะครับว่าผมจะแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ในแง่มุมที่ผมเห็นออกมาเป็นระยะนะครับเพราะ10ปีแล้วครับ ฝ่ายรัฐบาลอภิสิทธิ์-สุเทพและศอฉ.ยังไม่สามารถพิสูจน์การมีอยู่ของ "กองกำลังติดอาวุูชายชุดดำ"ได้เลย

มีแต่มั่วจับคนไปทั่วแล้วตั้ง "ข้อหา"มั่วมั่วเพื่อให้สื่อไป "พาดหัวข่าว"ว่าจับชายชุดดำได้แล้ว แล้วก็ขยายผลเป็นการตอกย้ำความเข้าใจผิดของประชาชนให้หยั่งรากลึกลงไปมากยิ่งขึ้นว่ามีชายชุดดำจริง

ครั้งล่าสุดก็สมัย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ตำรวจจับคนมาห้าคนแล้ว แถลงใหญ่ ว่าจับชายชุดดำได้ บรรยายในการแถลงข่าวว่า
พวกนี้ขับรถมาลงทางด่วนยมราชแล้วเปลี่ยนเป็นรถโฟล์คตู้ขับเข้าไปแถวสี่แยกคอกวัว ลงจากรถแล้วพากันไปยิง พล.อ.ร่มเกล้าที่ถนนดินสอแล้ววิ่งกลับมาขึ้นรถ สวนกับรถทหาร ก็ไขกระจกรถโฟล์คตู้(รถโฟล์คตู้ด้านข้างไม่มีกระจกไขนะครับ)มาด่าทหารด้วยคำหยาบคายแล้วก็บอกว่าทหารที่โดนด่าจำหน้าได้(ภายในช่วงที่รถสวนกันและก็เวลาค่ำแล้วด้วย)ซึ่งในการให้การหลายครั้งทหารคนนี้ก็ให้การไม่ตรงกัน บางครั้งก็บอกว่าจำหน้าไม่ได้ บางครั้งก็บอกว่าจำได้

ห้าคนที่ถูกจับมาตั้งข้อหานั้นสามคนศาลท่านได้ยกฟ้องทั้งศาลต้นศาลอุทธรณ์กำลังรอศาลฏีกาครับเหลือสองคนที่ศาลท่านพิพากษาว่ามีความผิดเพราะครอบครองอาวุธที่กฏหมายไม่อนุญาตและพกพาอาวุธร้ายแรงเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายต้องรอคำพิพากษาศาลฎีกา

ไม่ได้มีคำพิพากษาว่า "เป็นกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ"ครับ

แต่ก็ยังต้องรอคำพิพากษาฏีกาต่อไปครับ

ในวันนั้นเอง ผมอ.ธิดา ถาวรเศรษฐ และจตุพร พรหมพันธ์ไปขอพบ พล.ต.อ.สมยศเพื่อขอรายละเอียดท่านก็ยืนยันว่า ตั้งข้อหา มีอาวุธร้ายแรง และพกพาอาวุธร้ายแรงเท่านั้น

ดังนั้นห้าคนหลังสุดนี้ก็ไม่ใช่กรณี "กองกำลังติดอาวุธชายชุดดำ"

ที่ขบขันระดับโลกเลยก็คือ

ภายหลังจากที่เหตุการณ์ยุติลงไม่นานได้มีการเอาภาพถ่ายแล้วมากล่าวหา คนเสื้อแดงหนึ่งท่านที่ทำหน้าที่อาสา ซื้อหาอาหารเช้าและหนังสือพิมพ์มาให้แกนนำอ่านในตอนเช้า ว่าเป็นชายชุดดำ

พอเจาะลงไปในรายละเอียดท่านผู้นี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องชายชุดดำหรือกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำเลย ท่านมีอาชีพขายของเก่าอยู่บ้านที่พอประทังชีพได้แต่มีจิตใจประชาธิปไตยจึงเข้าร่วมและมาอาสาซื้ออาหารและหนังสือพิมพ์เช้าให้แกนนำดังกล่าวเรื่องก็เลยซาเงียบหายไป

จนถึงวันนี้ "การสืบหากองกำลังชายชุดดำซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายตรงข้ามประชาธิปไตยไม่สามารถมีความคืบหน้าใดๆเลย พูดง่ายๆคือ สิบปีแล้วหากองกำลังติดอาวุธชายชุดดำไม่เจอ"

และเอาเข้าจริงที่เรียกว่าชายชุดดำติดอาวุธ ก็มาจากการแพร่ภาพของสำนักข่าวอัลจาชีเราะห์ภายหลังจากวันที่10เมษายน53สอง-สามวัน(กว่า48ชั่วโมง)

ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติเพราะหากเป็นเรืองจริง นักข่าวที่บันทึกภาพต้องออนแอร์แทบจะทันทีเพราะนี้เป็นภาพและข่าวระดับโลกระดับรางวัลพูลิตเซอร์เลย แต่นี่กลับไปแพร่ภาพหลังจากเหตุการณ์กว่าสองวัน และก็ผ่านอัลจาซีเราะห์

ผมได้เรียนถามนักข่าวอัลจากซีเราะห์ในระหว่างนั้นเขาก็บอกผมว่า เป็นคลิปที่ซื้อมาจาก นักข่าวอิสระ(ฟรีแลนด์) ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่าฟรีแลนด์ไปเอามาจากไหน

ภายหลังต่อมา ธาริต เพ็งดิษฐ์อธิบดีอีเอสไอก็ได้สนทนากับนักข่าวอัลจาชีเราะห์ เขาก็ให้คำตอบคล้ายกัน

แม้หนังสือของศปช.ที่วิจัยเหตุการณ์ที่บอกว่า "มีชายชุดดำ"(ซึ่งเห็นต่างจากผมที่ผมยืนยันว่าไม่มีกองกำลังชายชุดดำ)ก็ยืนยันว่า "ชายชุดดำที่ปรากฏออกมานั้นภายหลังจากเหตุการณ์ยุติลงแล้ว ทั้งทหารและประชาชนได้ลำเลียงเอาผู้ตายและผู้บาดเจ็บออกไปจากสถานที่เกิดเหตุและเหตุการณ์สงบลงแล้ว

ผมยืนยันของผมครับว่า"ในเหตุการณ์เมษา-พฤษภา53ไม่มีกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำเรื่องกองกำลังติดอาวุธชายชุดดำเป็นเรื่องไอโอเป็นนิทานโกหกปั้นแต่งขึ้นของศอฉ.รัฐบาลอภิสิทธิ์-สุเทพเพื่อใช้เป็นเหตุผลและความขอบธรรมในการสังหารประชาชนสองมือเปล่าที่มาเรียกร้องอย่างสันติให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยกองทัพที่ใช้ทหารเอาอาวุธสงครามติดกล้องเล็งยิงสังหารประชาชน"