'ก้าวไกล' เย้ยพรก.ฉุกเฉินไม่ได้ชี้ชัดจะคุมโควิด-19 อยู่ ปัญหาไม่ใช่เรื่องอำนาจตามกฎหมาย แต่อยู่ที่การบริหารงานของรัฐบาลไม่มีประสิทธิภาพ


เพิ่มเพื่อน    

เพจเฟซบุ๊ก “พรรคก้าวไกล - Move Forward Party” ได้โพสต์คลิปนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมข้อความหัวข้อ “ข้อเสนอเช็คลิสต์มาตรการที่รัฐต้องทำทันทีเพื่อแก้ไขวิกฤตโควิด-19” โดยมีเนื้อหาดังนี้

ข้อเสนอเช็คลิสต์มาตรการที่รัฐต้องทำทันทีเพื่อแก้ไขวิกฤตโควิด-19

วิกฤตโควิด-19 ล่าสุดแพร่ระบาดไปยังกว่า 190 เขตแดนทั่วโลก และมีผู้ติดเชื้อหลายแสนคน พร้อมกับเสียชีวิตอีกอีกนับหมื่น โดยตัวเลขเหล่านี้ยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็ว ยังไม่มีแนวโน้มชะลอตัวลงแต่อย่างใดในเร็ววันนี้

ในไทยเองก็เริ่มมีตัวเลขที่ทำให้เราเริ่มไม่สบายใจเช่นกัน และหลังจากตรวจสอบและคำนวนความเป็นไปได้ในทุกทางแล้ว พรรคก้าวไกลเชื่อว่ามาตรการในการปิดประเทศและจำกัดการพบปะผู้คนคงจะเป็นมาตรการที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป

แต่แน่นอนว่าลำพังเพียงการปิดประเทศและจำกัดการพบปะของผู้คนนั้นไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้น การมีมาตรการเช่นนี้ ต้องทำอย่างชาญฉลาดและได้ผลดีมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ลดผลกระทบด้านลบให้มากที่สุดเช่นกัน เราจึงเสนอเป็นแพ็คเกจมาตรการ โดยทำเป็นเช็คลิสต์ที่สำคัญๆ แบ่งเป็น 3 ด้านใหญ่ๆ ที่ต้องทำทั้งก่อนและระหว่างการล็อกดาวน์ ได้แก่

1.มาตรการควบคุมโรค ปิดประเทศห้ามผู้ใดเดินทางเข้าออก ยกเว้นคนไทยเดินทางกลับประเทศที่ต้องมีการกักกันและคัดครอง

ในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง ให้ใช้มาตรการ Strict Lockdown กักตัวในบ้านเข้มงวด ส่วนพื้นที่อื่นๆ ให้ปิดสถานที่เสี่ยงเหลือเพียงร้านของชำ ร้านขายอาหารและร้านยา

หยุดระบบขนส่งมวลชนทั่วประเทศ ยกเว้นการเดินทางส่งสินค้าจำเป็น อาหาร ยา และกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

2.มาตรการด้านสาธารณสุข เร่งตรวจเชิงรุกมากขึ้น เพิ่มจำนวนการตรวจหาผู้ติดเชื้อให้ได้มากที่สุด

เพิ่มเตียง เพิ่มอุปกรณ์ เตรียมโรงพยาบาลสนาม ระดมบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้เพียงพอต่อสถานการณ์ที่อาจเลวร้ายที่สุด

ซึ่งแน่นอน ที่กล่าวมาข้างต้นย่อมส่งผลกระทบมหาศาลต่อชีวิตความเป็นอยู่และปากท้องของประชาชน ดังนั้นเราเสนอมาตรการทางกฎหมายและเศรษฐกิจที่ต้องทำควบคู่กันไปด้วย ได้แก่

3.มาตรการทางเศรษฐกิจ ล็อกดาวน์หนี้ ล็อกดาวน์ดอกเบี้ย ล็อกดาวน์ภาษี พยุงรายได้ และเสริมสภาพคล่อง

มาตรการการดูแลและเยียวยาผลกระทบที่กระทรวงการคลังเพิ่งออกมา เป็นไปเพื่อการเยียวยาย้อนหลังจากการปิดสถานประกอบการต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา โดยจะได้รับเงินเยียวยาประมาณต้นเดือนเม.ย. ซึ่งก็ถือว่าล่าช้าไปมากแล้ว แต่ถ้าเราจะล็อกดาวน์ที่จะกระทบคนในวงกว้างกว่านั้น การชดเชยแรงงานนอกระบบ 3 ล้านคนคงไม่เพียงพอ เพราะแรงงานนอกระบบทั้งประเทศนั้นมีถึง 9 ล้านคน (ที่ไม่นับรวมเกษตรกร) เราคงต้องเตรียมมาตรการชุดใหญ่ให้ครอบคลุม และทันต่อเหตุการณ์ รวมไปถึงการเตรียมการขนส่งอาหาร และของใช้จำเป็น ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อเรามีงบประมาณเพียงพอ

แต่เนื่องจากงบกลางที่สำหรับใช้ในเหตุฉุกเฉินหรือภัยพิบัตินั้นก็เหลือน้อยเต็มทีเพราะนำไปใช้แจกกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้าวิกฤตโควิดไปเกือบหมดแล้ว ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า พรรคก้าวไกลเสนอให้ออก พ.ร.บ.โอนงบฯ ย้ายงบลงทุน งบเมกะโปรเจกต์ของกระทรวงต่างๆ มาเพื่อรับมือและแก้ไขวิกฤตโควิด-19 และ พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉิน ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเสียก่อน

และแม้ว่าปัจจุบัน จะมีการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินไปแล้ว แต่การกระทำเช่นนี้ไม่ได้ชี้ชัดว่ารัฐบาลจะคุมการแพร่ระบาดของโรคและช่วยเหลือประชาชนได้สำเร็จ เพราะประเด็นปัญหาหลักไม่ใช่เรื่องอำนาจตามกฎหมาย แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการบริหารงานของรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ขาดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน ไม่เปิดเผยข้อเท็จจริง และไม่มีการวางแผนรับมือที่ดีพอ

สุดท้าย หวังว่ามาตรการที่เราเสนอจะถูกนำไปใช้ช่วยเหลือประชาชน และหวังว่าเราทุกคนจะร่วมมือกันฟันฝ่าผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"