ยอดสังเวยโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งทะยานเกิน 15,000 คน ติดเชื้อแตะ 350,000 ราย อิตาลี-สเปนยังอ่วม มากกว่า 50 ประเทศและดินแดนใช้มาตรการล็อกดาวน์กักประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคนทั้งโดยสมัครใจและเชิงบังคับ 

     จำนวนผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มเป็นมากกว่า 15,000 รายแล้ว ตามการรวบรวมของสำนักข่าวเอเอฟพีและมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ของสหรัฐเมื่อวันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563 โดยมีผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 350,000 ราย อิตาลีเป็นประเทศที่มีคนเสียชีวิตมากที่สุด 
    ข้อมูลถึงวันอาทิตย์มีคนเสียชีวิตแล้ว 5,476 ราย จากผู้ติดเชื้อ 59,138 ราย ตามด้วยจีน มีผู้เสียชีวิต 3,270 ราย จากผู้ติดเชื้อ 81,093 ราย จีนไม่มีผู้ติดเชื้อจากการแพร่ระบาดในประเทศเมื่อวันจันทร์ แต่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 39 คน ซึ่งติดเชื้อมาจากต่างประเทศ
     เว็บไซต์ของจอห์นฮอปกินส์รายงานว่า ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาในสหรัฐเพิ่มเป็น 35,225 รายแล้วในวันจันทร์ เท่ากับมากเป็นอันดับ 3 ของโลกแซงหน้าสเปน แต่สหรัฐมีผู้เสียชีวิต 471 ราย ขณะที่สเปนเสียชีวิต 2,182 ราย จากผู้ติดเชื้อ 33,089 ราย, เยอรมนีติดเชื้อเพิ่มเป็น 26,220 ราย เสียชีวิต 111 ราย, 
    อิหร่านติดเชื้อ 23,049 ราย เสียชีวิต 2,182 ราย และฝรั่งเศส ติดเชื้อ 16,720 ราย เสียชีวิต 676 ราย ข้อมูลนับแต่ 02.00 น.ของวันจันทร์ ประเทศที่เพิ่งพบการติดเชื้อรายแรกได้แก่ปาปัวนิวกินีและซีเรีย ส่วนสาธารณรัฐเช็ก, ไนจีเรีย และมอนเตเนโกร มีผู้เสียชีวิตรายแรกในประเทศ
     หลายประเทศได้เพิ่มมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวดขึ้น โดยมีประชากรโลกมากกว่า 1,000 ล้านคน ในมากกว่า 50 ประเทศและดินแดน ถูกขอให้อยู่ภายในเคหสถานทั้งโดยสมัครใจหรือบังคับ โดยกรีซเป็นประเทศล่าสุดที่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ ตามแบบอิตาลี, สเปน และฝรั่งเศส 
     นายกรัฐมนตรีอิตาลีได้เพิ่มคำสั่งห้ามการเดินทางภายในประเทศและเริ่มปิดโรงงานอุตสาหกรรมและธุรกิจที่ไม่จำเป็นเมื่อวันจันทร์ ส่วนนายกรัฐมนตรีสเปนเตรียมขอให้รัฐสภาขยายภาวะฉุกเฉิน 15 วันออกไปถึงวันที่ 11 เมษายน เพื่อห้ามไม่ให้ประชาชนออกนอกเคหสถาน ฝรั่งเศสก็เตรียมขยายคำสั่งพ้นจากกำหนดเดิมสิ้นเดือนนี้ 
     ส่วนอังกฤษแม้จะยังไม่ใช้มาตรการเด็ดขาด แต่นายกฯ บอริส จอห์นสัน เตือนว่าในไม่กี่สัปดาห์อังกฤษอาจมีผู้ติดเชื้อเทียบเท่ากับอิตาลี และรัฐบาลอาจใช้มาตรการเข้มงวดขึ้นหลังจากประชาชนจำนวนมากยังละเลยคำแนะนำให้รักษาระยะห่างป้องกันการติดเชื้อ และพากันไปพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวและชายหาดช่วงสุดสัปดาห์
     นายกฯ จาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า จะล็อกดาวน์ประเทศนาน 4 สัปดาห์เพื่อป้องกันการเกิดวิกฤติแบบยุโรป เริ่มตั้งแต่วันพุธนี้ นิวซีแลนด์มีผู้ติดเชื้อในประเทศแล้ว 102 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต
     ประธานาธิบดีอีวาน ดูเก ของโคลอมเบีย สั่งการให้ล็อกดาวน์ประเทศและให้ประชาชนอยู่ในเคหสถานนาน 19 วัน เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนวันอังคาร โคลอมเบียมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 รายจากผู้ติดเชื้อ 231 รายนับถึงวันอาทิตย์ ความหวาดกลัวไวรัสก่อความตึงเครียดในเรือนจำจนเกิดการก่อจลาจลที่เรือนจำลาโมเดโลของกรุงโบโกตาเมื่อคืนวันเสาร์ มีนักโทษเสียชีวิต 23 คน
     รัฐบาลฮ่องกงประกาศใช้มาตรการเพิ่มเติมอีกเมื่อวันจันทร์ โดยห้ามบุคคลที่ไม่ได้มีถิ่นพำนักประจำในฮ่องกงทุกรายเดินทางเข้าเขตปกครองพิเศษของจีนแห่งนี้ นอกจากนั้นยังสั่งห้ามร้านอาหารและบาร์ที่มีกว่า 8,600 แห่ง ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากมีภาพที่ชาวต่างชาติพากันมั่วสุมในบาร์หลายแห่ง
     เยอรมนีก็เพิ่มมาตรการป้องกันประชาชนรวมตัวกัน โดยนายกฯ อังเกลา แมร์เคิล ประกาศห้ามการชุมนุมเกิน 2 คน ผู้นำหญิงรายนี้ออกคำสั่งระหว่างที่เธอก็กำลังกักกันตัวเองเพราะเคยพบกับแพทย์ผู้หนึ่งซึ่งภายหลังตรวจพบว่าติดเชื้อ
     ในสหรัฐ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า สหรัฐกำลังอยู่ในภาวะสงคราม และสั่งการให้จัดส่งสถานรักษาพยาบาลขนาด 4,000 เตียงไปยังแคลิฟอร์เนียและพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดหนัก แต่วันเดียวกันนั้น แผนช่วยเหลือทางเศรษฐกิจมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์กลับไม่ผ่านมติของวุฒิสภา เนื่องจากไม่มี ส.ว.เดโมแครตเห็นชอบแม้แต่รายเดียว ส่วน ส.ว.รีพับลิกัน 5 รายอยู่ระหว่างกักกันโรค ทำให้มีเสียงไม่ถึง 60 เสียง มติที่ออกมาส่งผลสะเทือนถึงตลาดหุ้นเอเชียและยุโรปเมื่อวันจันทร์
     ความคืบหน้าด้านการพัฒนาวัคซีนนั้น จีนได้เริ่มการทดลองทางคลินิกเฟสแรกแล้ว ส่วนรัสเซียก็เริ่มการทดลองวัคซีนกับสัตว์ นอกจากนี้ยังมีประเทศยุโรปอย่างน้อย 7 ประเทศที่เริ่มการทดลองทางคลินิกเมื่อวันอาทิตย์ โดยทดลองการรักษา 4 ชนิด กับผู้ป่วย 3,200 คน.