อือมม์ม์ม์...ค่อนข้างเป็นอะไรที่น่าเห็นด้วย กับ คุณพี่ดี้-นิติพงษ์ อยู่พอสมควรเหมือนกัน ที่ได้เสนอไว้ใน เฟซบุ๊ก ของท่านเมื่อสองวันก่อน ว่าการใช้คำเรียกต่อ บุคลากรทางการแพทย์ ที่ต้องถือว่าทรงคุณค่าเอามากๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าข้าว-หน้าเหล้า หรือช่วงที่ Covid-19 เขากำลังออกฤทธิ์ ออกเดช อย่างศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่า หมอยง นั้น มันออกจะ รู้สึกยังไงก็ไม่รู้ เอาจริงๆ นั่นแหละ...
------------------------------------------
คือถ้าเป็น ภาษาพูด ยังไม่ถึงกับอะไรซักเท่าไหร่ จะเรียกว่า หมอ-ยง ก็คงไม่ถึงกับระคายเคืองประสาทสัมผัสจนเกินไป แต่ถ้าเป็น ภาษาเขียน ยิ่งประเภทชอบไปพาดหัวตัวเบ้อเร่อเท่อเท่าหม้อแกงว่า หมอยง แบบต่อเนื่องกันไป เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ หมอยง ท่านเกิดอาการผิดหวัง ระดับ อกหัก หรือ อกแตก ตามมาด้วยแล้ว อันนี้...น่าจะยุ่งยิ่งขึ้นไปใหญ่ ยิ่งถ้าอ่านแบบหวัดๆ อ่านแบบ คนรุ่นใหม่ ประเภทอ่านหัว อ่านท้าย แล้วรีบรวบรัด ตัดความ แทนที่จะ ได้เรื่อง ก็อาจกลาย เป็นเรื่อง ขึ้นมาจนได้ สู้หันไปใช้คำว่า นายแพทย์ยง น่าจะเข้าท่ากว่า หรือน่าจะเป็นการส่งเสริม สนับสนุน ให้กับผู้ซึ่งอุตส่าห์ทุ่มเท เสียสละ ไม่ว่าแรงกาย แรงใจ เพื่อปกป้องทั้งชีวิต และทั้งอารมณ์ความรู้สึก ของผู้คนที่กำลัง หูแหก-ตาแหก ในทุกวันนี้ ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจ เอามากๆ...
-------------------------------------------
สำหรับ นายแพทย์ยง ท่านนี้...ดูๆ ท่านน่าจะออกไปทางประเภท ผู้ที่คนควรชมนิยมกัน-ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา อะไรประมาณนั้น หรือไม่ได้เป็นประเภทขี้ตื่น ขี้ตกใจ ไม่ได้สวิงมา-สวิงไป ไม่ได้คิดจะปิดบ้าน-ปิดเมืองซะท่าเดียว ตรงกันข้าม...ท่านกลับแสดงออกถึง สติ แถมยังมี อารมณ์ขัน ติดปลายนวมเอาไว้ซะอีกต่างหาก อย่างที่ใครต่อใครหยิบเอา คำถาม-คำตอบ ที่ใครก็ไม่รู้??? ดันไปถามท่านว่า โรคนี้ (Covid-19) สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้หรือไม่? มาโพสต์ มาแชร์ ไว้ตามเว็บไซต์ต่างๆ ชนิดพรืดกันไปหมด เพราะแทนที่ท่านจะยัวะ หรือหันไป ถีบ ผู้ตั้งคำถาม (ที่สมควรถูกถีบเป็นอย่างยิ่ง) ท่านกลับพร้อมที่จะให้คำตอบไว้แบบนิ่มๆ น่ารัก น่าประทับใจ เอามากๆ คือตอบว่า ถ้าหากเพศสัมพันธ์โดยห่างกันประมาณ 2 เมตร คงไม่ติดเชื้อแน่นอน ส่วนจะใช้วิธีเอาไม้เขี่ย หรือจะใช้วิธีแบบไหน นั่นคงต้องไปคิดกันเอาเอง...
-----------------------------------------------
และโดยสิ่งที่เรียกว่า อารมณ์ขัน นี่แหละ...ที่นักปราชญ์ระดับปรมาจารย์ อย่างท่านอาจารย์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านเคยให้คำนิยามไว้ว่า ถือเป็น พื้นฐานแห่งความเมตตา คือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่อยากเห็นผู้อื่นเป็นสุข ไม่ต้องการให้ใครเคร่งๆ เครียดๆ จมอยู่กับความทุกข์ ความประสาทแ-ก หรือความหูแหก-ตาแหก จนอาจขาดสติ หรือไร้สติ กันจนได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ หมอ หรือ นายแพทย์ จะมีอยู่ติดตัวไปถ้วนทั่วทุกตัวคนก็หาไม่ เพราะหมอบางราย หรือนายแพทย์บางราย ก็อาจ เอาเรื่อง อยู่พอสมควรเหมือนกัน คือออกจะ สวิง แบบสุดลิ่มทิ่มกระดานเอาเลยก็มี แม้จะปรารถนาดี จะห่วงใย ต่อผู้คนแบบจริงใจและบริสุทธิ์ใจก็ตาม...
---------------------------------------------
แต่สำหรับหมอยง...(ประทานโทษ) สำหรับ ศาสตราจารย์นายแพทย์-ยง แล้ว ท่านคงไม่อยากให้ใครหูแหก-ตาแหก แตกตื่น ตกใจ จน ขาดสติ นอกจากท่านพยายามชี้ให้เห็นว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ สามารถรักษาให้หายขาดได้ แค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ต้องดูแล รักษา เยียวยา อย่างเป็นพิเศษ และมีเพียง 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ที่ถึงขั้นต้องเสียชีวิตไปตามอายุ สังขาร หรือตามการแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ ท่านยังอุตส่าห์สอดแทรก อารมณ์ขัน ให้กับผู้ที่สมควรถูกถีบ เพราะดันไปตั้งคำถาม แบบกวนอวัยวะเบื้องต่ำเป็นอันมาก โดยไม่ได้คิดถือสา หาความ แต่อย่างใด...
-------------------------------------------------
เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว...สิ่งที่เรียกว่า สติ นี่แหละ ถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ ในการรับมือกับอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะหนัก หรือเบา ไม่ว่าจะสาหัส รุนแรง ซักเพียงไหน ยิ่งโดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหาร จัดการ ผู้ที่มีหน้าที่ตัดสินใจว่าอะไรเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร เมื่อไหร่ ตอนไหน และอย่างไร ยิ่งต้องอาศัย สติ เอามากๆ จะไปสวิงไป-สวิงมา ไปตามความแตกตื่น ความหูแหก-ตาแหก ของผู้คนธรรมดาโดยทั่วไปไม่ได้เป็นอันขาด แม้ว่าจะทำให้ตัวเองดูเก๋ หรือดูดี เพียงใดก็ตาม ยิ่งเมื่อสิ่งที่เรียกว่า หน้าที่ มันเป็นสิ่งที่ต้องควบคู่ไปกับ ความรับผิดชอบ ด้วยแล้ว มีแต่ต้องอาศัย สติ เท่านั้น ที่อาจช่วยให้อะไรที่หนักๆ มันพอทุเลา เบาบาง ลงไปได้บ้าง...
----------------------------------------------
อีกทั้ง สติ นั้น...ยังเป็นตัวช่วยไม่ให้เกิดการ ปรุงแต่ง อารมณ์ ความรู้สึก ไปในทางลบ หรือในทางที่ไม่เหมาะ ไม่ควร อย่างเช่นแค่เห็นรัฐมนตรีบางราย ท่านเกิดอาการ สะอึก ระหว่างที่กำลังแถลงข่าว เพื่อยืนยันถึงความทุ่มเท เสียสละ ของบรรดาผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งหลาย ซึ่งต้องถือเป็นสิ่งที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกของ คนทำงาน จริงๆ แต่ด้วยเหตุเพราะความ ไร้สติ นั่นเอง ที่ทำให้ ความกลัว ถูกแปรสภาพกลายไปเป็น ความเกลียด ความโกรธ ความหงุดหงิด งุ่นง่าน หรืออะไรก็แล้วแต่ หลายต่อหลายราย เลยกลับหันไปด่า ไปเยาะเย้ยเสียดสี แทนที่จะให้ กำลังใจ แม้แต่นิดๆ ก็ยังดี ด้วยเหตุนี้...เอาเป็นว่า ไม่ว่าเชื้อโรค Covid-19 มันจะน่าเกลียด น่ากลัว ซักเพียงไหน แต่อย่าปล่อยให้ เชื้อโรคทางความรู้สึก ที่เกิดจากปรุงแต่งอะไรต่อมิอะไรไปตามความไร้สติ ต้องทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งหนักหนาสาหัสเกินไปกว่านี้อีกเลย พ่อเจ้าประคุณรุนช่องทั้งหลาย...
-------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Al Batt...“It is easy to sit up and take notice. What is difficult is getting up and taking action. นั่งดูและคอยตั้งข้อสังเกตนั้นง่าย ลุกขึ้นมาแล้วลงมือทำสิยาก...”
-----------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |