การเคลื่อนไหวของอดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ที่โดนยุบพรรค กับจังหวะก้าวการเปิดตัว "คณะก้าวหน้า-Progressive Movement" จากเดิมที่จะใช้ชื่อ คณะอนาคตใหม่ เมื่อวันเสาร์ที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา แน่นอนว่าด้วยวิกฤติโควิด-19 ที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ จึงทำให้การเปิดตัวดังกล่าวถูกพูดถึงไม่มากนัก แต่ก็เป็นการเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อวิกฤติโควิด-19 คลี่คลายลง
ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่-หัวหอกคณะก้าวหน้า ย้ำเป้าหมายของ คณะก้าวหน้า ภายใต้การนำของ 3 หัวหอก ปิยบุตร-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-พรรณิการ์ วานิช ว่ามีเป้าหมายหลักๆ คือ 1.การทำให้ความต้องการของผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องยุบพรรคไม่สำเร็จ 2.ขับเคลื่อนองค์กรสร้างความคิดก้าวหน้า
"เพื่อมิให้การยุบพรรคสำเร็จตามที่ผู้กำกับต้องการ จำเป็นต้องตั้งคณะก้าวหน้า เมื่อเขาอยากตัดบทบาท ต่อไปนี้จะเห็นพวกเราร่วมกันรณรงค์ต่อเนื่องในชื่อคณะก้าวหน้า พวกเขาอยากทำลาย แต่ต่อไปเขาจะเห็นความคิดแบบอนาคตใหม่อยู่ในคณะก้าวหน้าทุกอณู รณรงค์ต่อเนื่องทั่วประเทศ"
ปิยบุตร ย้ำไว้ว่า แนวทางการเคลื่อนไหวของคณะก้าวหน้าคือ ปักธงความคิดก้าวหน้าให้สังคมไทย มีภารกิจหลักคือ 1.สร้างเครือข่ายทั่วประเทศ 2.รณรงค์ทางความคิดทั่วประเทศ 3.รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับทั่วประเทศ โดยจะขับเคลื่อนกับเครือข่ายต่างๆ เช่น เครือข่ายผู้ใช้แรงงาน กลุ่มชาติพันธุ์ ติดต่อทางความคิดกับข้าราชการรุ่นใหม่ นักธุรกิจรุ่นใหม่ และเยาวชน ภายใต้รูปแบบเช่น สร้างโรงเรียนของผู้ไม่ยอมจำนน ต้องเอาชนะทางความคิด มีหลักสูตรสำหรับเยาวชน บุคคลทั่วไป เทรนนิงผู้นำก้าวหน้า สร้างแคมเปญรณรงค์สร้างสรรค์ จัดเสวนาวิชาการออกแบบนโยบายก้าวหน้า จะสร้างเครือข่ายเอ็นจีโอ ภาคประชาสังคม นักวิชาการ เป็นต้น
"เป็นอีกครั้งที่เราชาวอนาคตใหม่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า แม้ถูกทำลายจะคืนชีพกลับมาให้ได้อีกครั้งดั่งนกฟีนิกซ์ การเมืองคือเอาชนะทางความคิด ทางกายภาพไม่พอ การเอาชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดต้องชนะทางความคิด ช่วงเวลานี้เป็นวิกฤตการณ์แห่งอำนาจนำ ไม่มีช่วงไหนเหมาะสมอีกแล้ว จะหลอมรวมประชาชนต่อสู้กับอำนาจอยุติธรรม ปลุกคนส่วนใหญ่ของประเทศให้กลายเป็นผู้ทรงอำนาจ นี่คือการเดินทางบทใหม่ ขอเชิญมาเดินทางไปด้วยกัน ให้เห็นว่าการยุบพรรค นิติสงคราม ไม่สามารถหยุดยั้งการก้าวหน้าได้"
ส่วน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ บอกทิศทางของคณะก้าวหน้า-Progressive Movement ว่า เป็นการเปิดตัวท่ามกลางวิกฤติประเทศ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ความศรัทธาผู้นำ ความขัดแย้งทางการเมือง ไวรัสโควิด มีความรุนแรงสาหัสมากกว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 หนักหนากว่าวิกฤติการเงินโลกปี 2551 โดยคณะก้าวหน้าจะขับเคลื่อนภายใต้อุดมการณ์เดิมของพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบ
หากจับท่าที ความเห็นทางการเมืองของแกนนำพรรคก้าวไกล ภายใต้การนำของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและคีย์แมนพรรคคนอื่นๆ และท่าทีของคณะก้าวหน้า จะพบว่าทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็คือ กลุ่ม ส.ส.-แกนนำพรรคอนาคตใหม่เดิม พยายามจะรักษาระยะห่างของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้เป็น "เงาของกันและกันทางการเมือง" เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาทั้งเรื่องของข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ที่ห้ามไม่ให้ผู้โดนตัดสิทธิ์การเมืองจากคดียุบพรรคการเมืองของศาล รธน.เข้าไปเกี่ยวข้องใดๆ กับพรรคการเมือง-การตั้งพรรค ทำให้คีย์แมนสองฝั่งทั้งพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า จึงต้องรักษาระยะห่างของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้ถูกร้องเรียนเอาผิดได้
ที่สำคัญมากกว่านั้น มีการมองกันว่า แกนนำพรรคก้าวไกลบางส่วน รวมถึงตัว "พิธา" เองก็ตาม ก็มีการวิเคราะห์กันว่า เขาก็คงไม่อยากใหัตัวเองถูกมองว่าเป็น "เงา-นอมินีทางการเมือง" ของธนาธร เพราะหากสังคมมองไปในทางนั้นกันหมด ก็จะทำให้พิธาไม่สามารถเติบโตทางการเมือง และสร้างการยอมรับจากกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่เดิมได้ว่า เขาคือผู้นำพรรคก้าวไกลจริงๆ ไม่ใช่เงาของธนาธร-ปิยบุตร
ที่ก็ต้องดูว่า หากพิธาต้องการสลัดเงาดังกล่าวออกไปแล้ว ธนาธรกับกลุ่มก้าวหน้าจะยอมรับได้แค่ไหน แม้จะมีการแยกบทบาทกันแล้ว ให้พรรคก้าวไกลเดินในสภา ส่วนคณะก้าวหน้า เดินนอกสภา ทำงานมวลชนก็ตาม.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |