คุมเข้มครบรอบ 14 ปีปล้นปืนค่ายปิเหล็ง  จ.นราธิวาส ไร้เหตุรุนแรง "แกนนำสตรีปัตตานี" ขอรัฐเปิดช่องคนพื้นที่ร่วมโต๊ะพูดคุยสันติสุข ลั่นรู้ปัญหาดีที่สุด "ศาล" สั่งจำคุกผู้ต้องหาก่อความไม่สงบชายแดนใต้ 3 ราย "รัฐบาล" เร่งปฏิรูปงานความมั่นคง เตรียมตั้งสถาบันอัตลักษณ์แห่งชาติ
    ตลอดทั้งวันที่ 4 มกราคม ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 14 ปี เหตุคนร้ายปล้นอาวุธปืนที่ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้เพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันรักษาความปลอดภัยทุกพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งการตั้งด่านตรวจยานพาหนะ โดยเน้นรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เป็นรถเป้าหมาย และตรวจบุคคล รวมทั้งจัดชุดลาดตระเวนขนาดเล็ก รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ตรวจตราตามเส้นทางต่างๆ เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ
    นางคอดีเยาะ หะหลี แกนนำสตรีปัตตานี กล่าวว่า จากเหตุการณ์ปล้นปืนจนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ดีขึ้นมาก เหตุการณ์ความรุนแรงลดน้อยลง แม้รูปแบบการก่อเหตุเปลี่ยนไป เช่นที่ อ.บันนังสตา มีการทำลายทรัพย์สิน แต่ไม่ได้กระทำต่อชาวบ้าน ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าพอใจ
    "ที่ผ่านมาเรียกร้องตลอดว่าอยากให้ประชาชนอยู่เหนือความขัดแย้ง ไม่ว่าเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คือไม่อยากทำรุนแรงต่อประชาชน ซึ่งการพูดคุยเพื่อสันติสุขควรทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ไม่ใช่พูดคุยเฉพาะแค่คณะที่พูดคุยมาเลเซีย ต้องให้ความสำคัญคนพื้นที่ด้วย เพราะปัญหาส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ ผู้ก่อเหตุในพื้นที่ ส่วนคนใช้อาวุธในพื้นที่ รวมทั้งผู้สูญเสียคนในพื้นที่ ดังนั้นการเจรจาอย่าละเลยคนพื้นที่ ให้ความสำคัญคนพื้นที่ให้มาก" แกนนำสตรีปัตตานีกล่าว 
    ขณะที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงว่า เมื่อ 28-29 ธ.ค.2560 ศาลจังหวัดปัตตานี ได้มีคำสั่งพิพากษาผู้ต้องหาคดีความมั่นคง จำนวน 3 ราย ในคดีเกี่ยวกับอั้งยี่ ซ่องโจร ก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ต่างกรรมต่างวาระกัน ได้สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐเป็นจำนวนมาก 
    พ.อ.ปราโมทย์กล่าวว่า คดีแรก ศาลจังหวัดปัตตานีอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.2438/60 พิพากษาจำคุกนายรูสลัน ตูหยง 4 ปี หลังจากการตรวจพบดีเอ็นเอในเหตุการณ์แขวนป้ายผ้าแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เหตุเกิดเมื่อ 26 มี.ค.2556 คดีที่สอง ศาลจังหวัดปัตตานีอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.2088/60 พิพากษาจำคุกนายอัครเดช สนิ 4 ปี ในคดีอั้งยี่ ซ่องโจร เนื่องจากตรวจพบดีเอ็นเอตรงกับเอกสารที่ยึดได้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการก่อการร้ายและแบ่งแยกดินแดน จากการเข้าจับกุมผู้ต้องหาภายในโรงเรียนวัฒนธรรมอิสลาม ตำบลพ่อมิ่ง อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เมื่อ 10 มี.ค.2560
    คดีที่สาม ศาลจังหวัดปัตตานีอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.2644/60 พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายซูฟียาน สนิ คดีลอบยิงจากเหตุการณ์คนร้าย 7-8 คน พร้อมอาวุธปืนลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหารและราษฎร บริเวณหมู่ 3 ตลาดบ้านตาแบ๊ะ ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อ 2 มี.ค.2560 ทำให้ทหารเสียชีวิต 3 นาย และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 1 ราย 
    "เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเมื่อ 31 มี.ค.2560 ยึดอาวุธปืนพก 2 กระบอก และซิมการ์ดโทรศัพท์ในพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี มาตรวจสอบพบซิมการ์ดโทรศัพท์เป็นของทหารที่ถูกยิงในตลาดนัดบ้านตาแบ๊ะ และจากการตรวจพิสูจน์อาวุธปืน พบเคยใช้ก่อเหตุยิงราษฎรในพื้นที่ต.ปาลัส อ.มายอ จ.ปัตตานี และก่อเหตุยิงทหารเสียชีวิต 3 ราย จึงพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต" โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าระบุ
    ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมปฏิรูปความมั่นคง ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่าขณะนี้รัฐบาลพยายามแก้ไขปัญหาและปฏิรูปความมั่นคง เพื่อให้มีรากฐานที่เข้มแข็ง รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน ใน 4 เรื่องหลัก คือ เรื่องงานข่าวกรอง เรื่องความมั่นคง การปฏิรูปกระทรวงกลาโหม และการปฏิรูปงานตํารวจ
    พล.ท.คงชีพกล่าวว่า ในส่วนด้านความมั่นคง ขณะนี้ได้มีการบูรณาการระบบฐานข้อมูลกลาง เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) และพัฒนาระบบการแจ้งเตือนข้อมูลให้มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น คาดว่าภายในเดือน ก.ย.2561 จะแล้วเสร็จ 
    "จะมีการจัดตั้งเว็บไซต์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเป็นหูเป็นตาให้กับภาครัฐ และเป็นศูนย์กลางส่งต่อข้อมูลให้ถึงประชาชนโดยไว รวมถึงการจัดตั้งสถาบันอัตลักษณ์แห่งชาติ" โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว.