เวลานี้มีคำถามกันมากว่าควรจะปิดประเทศแล้วหรือยัง และเราเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการระบาดของ COVID-19 แล้วหรือยัง สำหรับเรื่องที่จะปิดหรือไม่ปิดนั้น ยังมีข้อถกเถียงมากมาย เพราะหากมีการปิดจริงๆ จะมีผลกระทบมากมาย ทั้งเรื่องการใช้ชีวิตของผู้คน และเรื่องของเศรษฐกิจ คนที่หากินแบบมีรายได้รายวัน เมื่อต้องหยุดงานจะเอาที่ไหนมากิน ธุรกิจแผงลอย ธุรกิจตลาดนัดจะเป็นเช่นไร ธุรกิจ SME จะเป็นเช่นไร และสำหรับมนุษย์เงินเดือน นายจ้างจะทนจ้างต่อไปหรือไม่ จะต้องหยุดงานโดยไม่ได้เงินเดือนหรือไม่ ดังนั้นการตัดสินใจปิดเมืองหรือปิดประเทศ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องพิจารณาผลกระทบให้ครบทุกด้านก่อนที่จะตัดสินใจ และที่สำคัญที่สุด นายกรัฐมนตรีคงต้องตัดสินใจตามคำแนะนำของบรรดาคุณหมอผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเข้าใจสถานการณ์ของโรคระบาดและวิธีการรับมือของโรคระบาดเป็นอย่างดี
ส่วนเรื่องที่ว่าประเทศไทยเราอยู่ระยะที่ 3 ของการระบาดแล้วหรือยังนั้น ทางรัฐบาล (ด้วยคำชี้แจงของหมอ) ก็ได้พูดอย่างชัดเจนแล้วว่า เวลานี้เรายังไม่ได้อยู่ระยะสาม เพราะสถานการณ์เวลานี้ยังไม่เข้าองค์ประกอบ โดยเฉพาะเรื่องของที่มาของการติดเชื้อโรค ตอนนี้เรายังสามารถติดตามได้อยู่ว่าผู้ที่ติดเชื้อโรคไวรัส COVID-19 นั้น พวกเขาติดมาจากไหน และการแพร่ขยายนั้นยังไม่เป็นหลายทอด และยังไม่ได้แผ่วงกว้างไปทั่วประเทศ จริงๆ แล้วแม้ว่าเราจะมีคนติดโรคนี้เกินกว่า 300 คน แต่เราก็ยังรู้ว่าพวกเขาติดมาจากไหน และพวกเขาอยู่ที่พื้นที่ไหน จึงทำให้คนที่ติดเชื้อไวรัส COVID-19 นั้นยังอยู่ในพื้นที่จำกัดไม่ถึง 20 จังหวัด และเรายังสามารถตามผู้เกี่ยวข้องที่อาจจะติดเชื้อไวรัส COVID-19 มาตรวจสอบได้ และเราได้มีการประกาศมาตรการต่างๆ ที่จะทำให้การแพร่เชื้อนั้นถูกตัดวงจรไม่ให้กระจายไปทั่วประเทศ เพราะถ้าหากถึงเวลานั้นประเทศไทยก็คงจะอยู่ระยะที่ 3 อย่างที่หลายคนกลัว (แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่ามีคนบางคนอยากจะให้ประเทศไทยเราเข้าสู่ระยะ 3 กันเหลือเกิน ถ้าหากเราถึงเวลานั้นจริงๆ ก็คงจะมีคนบางคนสะใจ เพราะจะได้มีประเด็นมาด่ารัฐบาล แล้วก็จบลงด้วยประโยคที่ว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องลาออก)
รัฐบาลก็พยายามบอกแล้วว่าเรายังไม่ถึงระยะ 3 ตามที่บรรดาอาจารย์หมอบอก แต่เรามีการเตรียมการให้พร้อมเพื่อรองรับการระบาดระยะ 3 ถ้าหากเกิดขึ้น โดยจะต้องมีมาตรการที่เข้มงวดออกมาให้ประชาชนต้องปฏิบัติตาม จากการขอความร่วมมือ จากการให้คำแนะนำ ก็จะกลายเป็นการออกเป็นกฎหมายบังคับที่จะต้องมีบทลงโทษเมื่อมีคนไม่ปฏิบัติตาม เราต้องเตรียมทรัพยากรต่างๆ ไว้ให้พร้อม ทั้งโรงพยาบาล เตียงคนไข้ หมอ พยาบาล เครื่องมือและเวชภัณฑ์ที่จะต้องใช้ในการรับมือกับไวรัส COVID-19 เมื่อระยะ 3 มาถึง ดังนั้นถ้าหากเราติดตามข่าวสารต่างๆ ที่บรรดาอาจารย์หมอผู้มีความชำชาญเรื่องระบาดวิทยา การตรวจสอบการติดเชื้อ และการดูแลรักษา อย่าไปหลงเชื่อข่าวลวงต่างๆ ที่มีคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศชาติปล่อยออกมาเพื่อสร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชน และเพื่อให้ประชาชนไม่พอใจรัฐบาล ที่ไม่สามารถจัดการกับปัญหา COVID-19 โดยมีคนหลายคนที่พยายามจะพูดให้ประชาชนคิดว่ารัฐบาลไร้ความสามารถในการจัดการกับโรคระบาดในครั้งนี้ ทั้งๆ ที่มีข่าวสารปรากฏอยู่มากมายว่าประเทศไทยมีความสามารถในการรับมือกับไวรัส COVID-19 ได้ดีกว่าหลายๆ ประเทศ ดูได้จากตัวเลขที่เรามีจำนวนคนติดเชื้อน้อยมาก เมื่อเทียบกับอีกหลายประเทศ เราเพิ่มมีคนติดเชื้อไวรัสนี้เป็นเลข 2 หลักมาเมื่อไม่กี่วันนี้เอง และเราก็รู้ด้วยว่าจำนวนที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากนั้นมาจากสนามมวย ที่มีคนมาสนามมวยนั้นจากหลายจังหวัด จึงทำให้มีคนติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในหลายจังหวัด และมาจากวัยรุ่น 11 คนที่ไปเที่ยวสถานบริการด้วยกัน แล้วก็เอาไปติดญาติในบ้าน
การที่เราจะปิดประเทศหรือไม่ หรือการที่ประเทศไทยจะมีการระบาดระยะที่ 3 หรือไม่นั้น คงไม่สำคัญเท่ากับพวกเราดูแลตัวเองอย่างไร ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนดหรือไม่ เชื่อคำแนะนำของหมอหรือไม่ เพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วว่า การปิดประเทศและมีมาตรการต่างๆ มากมาย แต่หากประชาชนไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด ก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งการระบาดได้ เหมือนที่เกิดขึ้นในประเทศอิตาลีที่มีการประกาศปิดประเทศ แต่ประชาชนก็ยังออกมาสนุกสนานกันนอกบ้าน จนตอนนี้มีจำนวนคนตายมาก แซงหน้าประเทศจีนที่เป็นต้นตอของโรคระบาดนี้ไปแล้ว ดังนั้นจึงสามารถสรุปได้ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยทำให้ประเทศไทยไม่เข้าสู่ระยะ 3 และไม่จำเป็นต้องปิดประเทศ ก็คือพวกเราจะต้องเชื่อฟังคำแนะนำของหมอ ปฏิบัติตนตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัดในรูปแบบของการให้ความร่วมมือ โดยไม่จำเป็นต้องให้รัฐบาลออกเป็นกฎหมายบังคับ ลองทำสิ่งต่อไปนี้ดูกันดีกว่า
Work from home ทำงานอยู่ที่บ้าน ใช้เทคโนโลยีที่มีการพัฒนามากแล้วมาเป็นตัวช่วยที่จะทำให้การทำงานอยู่ที่บ้านเป็นไปได้ และยังทำให้การงานเดินหน้าต่อไป Self-quarantine กักกันตัวเองอยู่ที่บ้าน พยายามให้การออกนอกบ้านเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นๆ แล้ว ตัดผม ทำเล็บ นวดตัว ทำฟัน ออกไปซื้อของนอกบ้าน รอได้ก็รอก่อน หรือสั่ง online ให้มาส่ง โดยผู้ส่งผู้รับไม่ต้องเจอหน้ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่กลับมาจากต่างประเทศ ไปในสถานที่เสี่ยง หรือมีการติดต่อพบปะกับคนต่างชาติ Social Distancing เมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ควรจะต้องอยู่ห่างกันอย่างน้อย 1.5 เมตร และไม่ควรเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากเบียดเสียดใกล้ชิดกัน Wearing a mask หากเป็นคนป่วยก็ใส่หน้ากากอนามัยที่ป้องกันไม่ให้ตนเองเป็นคนแพร่เชื้อ ถ้าหากไม่ป่วยก็ให้ใช้หน้ากากผ้าแบบซักได้ก็พอ หากหาซื้อไม่ได้ก็สามารถทำเองได้ และใส่ให้เป็น ว่าจะต้องให้ด้านใดออก ด้านใดอยู่ข้างบน ด้านใดอยู่ข้างล่าง จะต้องจับตรงไหน หลีกเลี่ยงการจับตรงไหน เพราะถ้าหากใช้ไม่เป็น การใส่หน้ากากก็จะไม่ช่วยอะไรเลย Washing hand with gel frequently ทุกครั้งที่เข้าตึก กดลิฟต์ จับต้องสิ่งของต่างๆ จะต้องล้างมืออย่างถี่ถ้วนด้วยเจลที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไป และต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเอามือลูบหน้า Do not travel to any country at this time เว้นการเดินทางไปต่างประเทศไว้สัก 5-6 เดือนนะคะ No contacts with foreigners and Thais who return home from other countries ไม่ติดต่อกับชาวต่างชาติหรือคนไทยที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะพวกที่มาจากกลุ่มเสี่ยง
ลองทำทุกอย่างนี้ให้ได้ น่าจะลดการติด COVID-19 ได้นะคะ ก่อนที่เราจะเรียกร้องการจัดการของรัฐบาล จัดการตัวเราเองก่อนดีไหมคะ หมอและพยาบาลเขาบอกเราว่าเขาอยู่ที่ทำงานเพื่อพวกเรา และเขาขอให้เราอยู่บ้านเพื่อพวกเขาบ้าง เพียงเท่านี้ เราน่าจะทำได้นะคะ เราอาจจะต้องเจ็บบ้างในการทำตามมาตรการที่รัฐบาลกำหนด แต่มันคือเจ็บเพื่อให้จบนะคะ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |