ยอดสังเวยโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งเกิน 10,000 ศพแล้ว อิตาลีดับแซงหน้าจีน เลขาธิการยูเอ็นเตือนถ้าคุมไม่อยู่อาจตายหลายล้านคน รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐล็อกดาวน์สั่งประชาชน 40 ล้านคนอยู่กับบ้าน "โดนัลด์ ทรัมป์" โทษจีนไม่โปร่งใสทำให้โลกต้องจ่ายราคาแพง
รายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีรวบรวมข้อมูลของเจ้าหน้าที่ทางการแต่ละประเทศและข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโรคโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มเป็นอย่างน้อย 246,440 ราย เสียชีวิต 10,316 ราย ใน 161 ประเทศและดินแดน นับข้อมูลถึงเวลา 18.00 น.ของวันศุกร์ที่ 20 มีนาคม
อิตาลีซึ่งมีผู้เสียชีวิตรายแรกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงวันพฤหัสบดีมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 3,405 คน แซงหน้ายอดเสียชีวิตในจีนแผ่นดินใหญ่แล้ว โดยมีผู้ติดเชื้อในอิตาลี 41,035 คน หายแล้ว 4,440 คน ส่วนจีนนั้นไม่พบผู้ติดเชื้อจากการแพร่เชื้อภายในประเทศเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 48 รายที่เป็นเชื้อนำเข้า และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3 ราย ยอดรวมเป็น 3,248 ราย จากผู้ติดเชื้อ 80,976 ราย ซึ่งหายแล้ว 71,150 ราย
อิหร่านเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 3 ที่ 1,433 ราย ติดเชื้อ 19,644 ราย แต่สเปนมีผู้ติดเชื้อมากกว่าอิหร่านแล้ว ที่ 19,980 ราย เสียชีวิต 1,002 ราย ส่วนฝรั่งเศส มีผู้เสียชีวิต 372 ราย ติดเชื้อ 10,995 ราย และเยอรมนีมีผู้ติดเชื้อ 13,957 ราย เสียชีวิตแล้ว 44 ราย
ประเทศที่รายงานพบผู้ติดเชื้อรายแรกตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่มีเพิ่มเติมได้แก่ ชาด, ไนเจอร์, เฮติ, หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ และเซนต์ลูเซียในทะเลแคริบเบียน ส่วนตูนิเซียและเปรูมีผู้เสียชีวิตรายแรก
นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวเตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่าไวรัสนี้มีศักยภาพที่จะก่อผลกระทบขั้นทำลายล้าง "หากเราปล่อยให้ไวรัสนี้ลุกลามเหมือนไฟป่า โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีความเปราะบางมากที่สุดของโลก มันจะคร่าชีวิตผู้คนหลายล้านคน"
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้มีรายงานพบการติดเชื้อในมนุษย์ครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ภาคกลางของจีน เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ในขณะที่มาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดของจีน โดยเฉพาะการปิดเมืองอู่ฮั่นอย่างสิ้นเชิงตั้งแต่เดือนมกราคม มีประสิทธิผลในการจำกัดการแพร่ระบาดในจีน แต่ปัจจุบันไวรัสนี้กำลังก่อผลกระทบต่อชีวิตของพลเมืองและเศรษฐกิจของทั้งโลกอย่างรุนแรง
เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐที่ทำให้จีนโกรธจัดก่อนหน้านี้ด้วยการเรียกไวรัสโควิด-19 ว่า "ไวรัสจีน" ได้ราดน้ำมันใส่เพลิงโทสะของจีนอีกครั้ง โดยแถลงที่ทำเนียบขาวว่า โลกกำลังจ่ายค่าตอบแทนราคาแพงสำหรับการขาดความโปร่งใสของจีนเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเมื่อหลายเดือนก่อน
ด้านเกิ้ง ซวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงตอบโต้ทรัมป์เมื่อวันศุกร์ว่า "ใครบางคน" กำลังพยายามสร้างมลทินแก่การต่อสู้กับไวรัสของจีน คำกล่าวเช่นนั้นมองข้ามการเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ของชาวจีนเพื่อปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของมนุษยชาติ
สหรัฐมีผู้ติดเชื้อครบทุกมลรัฐรวมมากกว่า 13,000 คนแล้ว โดยมีคนเสียชีวิต 200 ราย รัฐที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือรัฐวอชิงตัน, นิวยอร์ก และแคลิฟอร์เนีย กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเพิ่งออกคำเตือนการเดินทางระดับสูงสุด โดยของให้พลเมืองอเมริกันงดการเดินทางระหว่างประเทศ และขอให้ประชาชนอยู่กับบ้านเท่าที่เป็นไปได้ และเนื่องจากสถานการณ์ไวรัส จึงทำให้สถานทูตสหรัฐบางแห่งมีศักยภาพจำกัดในการช่วยเหลือพลเมือง
วันเดียวกันนั้น เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ค่ำวันพฤหัสบดีเป็นต้นไป โดยมีคำสั่งให้พลเมือง 40 ล้านคนในรัฐนี้อยู่กับบ้าน มาตรการนี้จะกินเวลายาวนานพอสมควร แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการบังคับใช้อย่างไร ซึ่งต่างกับของหลายประเทศในยุโรป ทั้งฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน และอีกหลายชาติที่กำหนดบทลงโทษปรับผู้ที่ฝ่าฝืน โดยให้ตำรวจบังคับใช้กฎหมาย
ที่เยอรมนี รัฐบาวาเรียเป็นรัฐใหญ่ที่สุดของประเทศที่มีคำสั่งปิดเมืองนาน 2 สัปดาห์ตั้งแต่วันศุกร์ ส่วนสเปนรัฐบาลมีมาตรการเพิ่มด้วยการสั่งปิดโรงแรมทุกแห่งทั่วประเทศ ในฝั่งอเมริกาใต้ ประธานาธิบดีอัลแบร์โต เฟร์นันเดซ ของอาร์เจนตินา ประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันไว้ก่อนตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันที่ 31 มีนาคม ส่วนบราซิล รัฐรีโอเดนาเนโรสั่งปิดชายหาด, ภัตตาคารและบาร์นาน 15 วัน ในแอฟริกา กรุงลากอสของไนจีเรียสั่งปิดโรงเรียนทั้งหมด
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลมาเลเซียสั่งการให้กองทัพส่งทหารช่วยเหลือตำรวจในการบังคับใช้มาตรการปิดประเทศและห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหากไม่จำเป็น มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 1,030 คนแล้วในวันศุกร์ เสียชีวิตไป 2 คน ส่วนที่อินโดนีเซียผู้ว่าราชการจังหวัดจาการ์ตาประกาศภาวะฉุกเฉินนาน 2 สัปดาห์ แหล่งสันทนาการและสร้างความบันเทิงต้องปิดตั้งแต่วันจันทร์ ระบบขนส่งมวลชนจำกัดการบริการและขอให้บริษัทต่างๆ อนุญาตให้พนักงานทำงานจากบ้าน
รัฐบาลเวียดนามประกาศจะกักกันผู้เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคน 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม และได้ขยายการระงับออกวีซ่าแก่พลเมืองเพิ่มเป็น 85 ประเทศ โดยเวียดนามมีผู้ติดเชื้อแล้ว 87 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากต่างแดน และยังไม่มีผู้เสียชีวิต
ทางการออสเตรเลียกำลังดิ้นรนติดตามผู้โดยสารเรือสำราญรูบีปรินเซส 2,700 คนที่ลงจากเรือที่นครซิดนีย์เมื่อวันพฤหัสบดี โดยขอให้คนเหล่านี้แยกกักกันตนเองและติดต่อเจ้าหน้าที่ ภายหลังพบว่าผู้โดยสาร 3 คน และลูกเรือ 1 คนติดเชื้อโควิด-19.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |