แรงงานเตรียมเฮ “บิ๊กอู๋” สั่งประชุมไตรภาคีในวันที่ 15 ม.ค. ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแน่ ตามคำสั่ง “ลุงตู่”   ให้ของขวัญปีใหม่ ปลัดจับกังฟุ้งอาจปรับเกิน 15 บาททั่วประเทศ หลังนิ่งมากว่า 3 ปีแล้ว 
    เมื่อวันที่ 4 มกราคม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ว่า ได้สั่งการให้เรียกประชุมคณะกรรมการพิจารณาค่าจ้าง 3 ฝ่าย (ไตรภาคี) ชุดใหญ่ ซึ่งมีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน เพื่อหารือเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำภายในวันที่ 15 ม.ค.นี้ โดยค่าแรงที่ปรับเพิ่มจะมีผลทันทีในสิ้นเดือน ม.ค. ตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ต้องการให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็นของขวัญปีใหม่แก่ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ ส่วนจะปรับขึ้นเท่าใดนั้น คณะกรรมการไตรภาคีจะเป็นผู้พิจารณา โดยนำปัจจัยต่างๆ มาประกอบ เช่น ค่าครองชีพ ความเป็นอยู่ และสถานะของผู้ประกอบการ รวมถึงสถานการณ์ค่าแรงของประเทศเพื่อนบ้าน
ด้านนายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ไทยไม่ได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว แม้ปีที่ผ่านมาอาจปรับขึ้นเป็น 310 บาท ก็ปรับเพียง 30 จังหวัดเท่านั้น แต่รอบนี้จะพิจารณาปรับขึ้นทั่วประเทศ โดยหัวใจสำคัญต้องการเพิ่มสัดส่วนแรงงานไทยให้เข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น รวมถึงจะกำหนดอัตราค่าแรงเป็นรายชั่วโมงในลักษณะงานพิเศษที่สามารถจ้างผู้สูงอายุ คนพิการ และพนักงานทั่วไปหลังเลิกงานประจำ มาทำงานรายชั่วโมงได้อีก เป็นการเปิดโอกาสคนไทยมีช่องทางหารายได้เพิ่ม
“อัตราที่บอร์ดค่าจ้างไตรภาคีเคยพิจารณาคือ ปรับขึ้นระหว่าง 2-15 บาท ซึ่งอาจขึ้นมากกว่า 15 บาท โดยในครั้งนี้บอร์ดค่าจ้างจะทำอัตราใหม่ เพราะไม่ได้ขึ้นค่าแรง 300 บาทมาตั้งแต่ปี 2557 โดยจะปรับขึ้นทีเดียวทั่วประเทศ” นายจรินทร์ย้ำ
วันเดียวกัน พล.ต.อ.อดุลย์ยังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย (อกคร.) ครั้งที่ 1/2561 โดยระบุว่า ที่ประชุมได้ติดตามความคืบหน้าเพื่อเร่งรัดการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเรื่องการสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมือง, การดำเนินคดีค้ามนุษย์และเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิด, การจัดระเบียบและจัดเก็บอัตลักษณ์แรงงานต่างด้าว, การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องและการแก้ไขปัญหาการจ่ายเงินเดือนผ่านบัญชีธนาคารให้กับแรงงานประมง เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับปรุงแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนและปฏิรูปการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมายที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนกิจกรรมสำคัญ 
พล.ต.อ.อดุลย์ยังกล่าวว่า ที่ประชุมยังให้ปรับปรุงแผนปฏิบัติการให้เป็นไปตามที่ไทยกับสหภาพยุโรป (ด้านแรงงาน) ได้หารือกัน โดยมีประเด็นสำคัญคือ การขยายความร่วมมือ การเจรจาด้านแรงงานไปสู่รูปแบบทวิภาคีร่วมกับสหภาพยุโรป, การพัฒนากฎหมายรองรับอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 188 ที่ว่าด้วยการทำงานในภาคประมง ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย มาตรการปกครองกับผู้กระทำผิด การเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างปลอดภัย และช่องทางการคุ้มครองดูแลแรงงานกลุ่มเปราะบาง ซึ่งแนวทางดังกล่าวมีผลต่อการพิจารณาปลดใบเหลืองของสหภาพยุโรป โดยคาดว่าสถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยปีนี้จะอยู่ในอันดับดีขึ้น.