‘น้องเมย’ต้องไม่ตายฟรี พ่อแม่-พี่สาวลุยหาความจริง เผยฟ้องรุ่นพี่เพิ่มอีก1


เพิ่มเพื่อน    

28 มี.ค. 61 - ที่ร้านกาแฟศิลา ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี   ครอบครัวตัญกาญจน์ ประกอบด้วย นายพิเชษฐ-นางสุกัลยาและ น.ส.สุพิชา ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนอีกครั้ง หลังผ่านห้วงเวลาแห่งการสูญเสีย “น้องเมย”หรือ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ มานานถึง 161 วัน โดย น.ส.สุพิชา หรือ “เมี่ยง”บอกว่าแม้ที่ผ่านมาจะดูเหมือนว่าทางครอบครัวต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว แต่ขณะนี้ทางครอบครัว เริ่มมีกำลังใจมากขึ้นเมื่อมีทีมทนายความ เข้ามาช่วยดูแลในเรื่องของกฏหมาย ที่สำคัญยังไม่เคยคิดว่าคดีจะเดินมาไกลได้ถึงการรับฟ้องของอัยการศาลทหาร มทบ.12 กับรุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องแล้ว 1 คน ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต

“ ก่อนหน้านี้ได้แจ้งความเพิ่มอีก 1 คนที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้อง ซึ่งเป็นช่วงเหตุการณ์ระหว่างวันที่ 15 -17 ต.ค.2560 ซึ่งเป็นคดีอาญาที่ต่อเนื่องจากคดีแรกที่ผู้ต้องหาถูกฟ้องในข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนคดีที่ 2 เป็นการทำร้ายร่างกายขณะที่ผู้ตายอยู่ในคำสั่งพักฟื้นของแพทย์  คือ เป็นการสั่งธำรงวินัยทั้งๆ ที่ในใบรับรองแพทย์ ระบุว่าให้ชะลอการฝึกออกไปก่อน นอกจากนั้นก็ยังมีในส่วนของคดีทางแพ่ง และทางศาลปกครองด้วย”น.ส.สุพิชา กล่าว

ด้าน นายพิเชษฐ  ยืนยันว่าทางครอบครัวไม่ได้ทะเลาะกับกองทัพ หรือโรงเรียนเตรียมทหาร เพียงแต่มีเจ้าหน้าที่ของกองทัพและจากโรงเรียนเตรียมทหารบางรายที่ยังพยายามปกปิดข่าว

“ซึ่งตรงนี้หลังจากที่ได้มีการขึ้นศาลทหารแล้ว เราเห็นได้ชัดเลยว่า โรงเรียนเตรียมทหาร ดูแลเด็กของโรงเรียนแตกต่างกัน ทั้งๆ ที่ น้องเมย ก็เป็นนักเรียนเตรียมทหาร แต่มีแค่ครอบครัว ทวงถามหาความเป็นจริงถึงสาเหตุการตายให้เท่านั้น ส่วนผู้ถูกกล่าวหา มีทั้งนายทหารพระธรรมนูญ เจ้าหน้าที่โรงเรียนและมีรถโรงเรียนรับ-ส่ง ระหว่างเดินทางไปขึ้นศาล ซึ่งมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งที่ก็เป็นนักเรียนเตรียมทหารด้วยกันทั้งคู่ มันทำให้น้อยใจมาก และพอดูออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ผมอยากให้พี่ๆ น้องๆ นักข่าวไปเห็นภาพในวันนั้นด้วยเหมือนกัน”นายพิเชษฐ  กล่าว

 ขณะที่ นางสุกลัยา เผยว่าแม้จะผ่านเวลามานานถึง 161 วันแต่สภาพจิตใจก็ยังไม่ดีขึ้นจากวันแรก และยิ่งเมื่อได้เห็นเสื้อผ้าและของใช้ของลูกชายที่นำกลับมาจากโรงเรียนเตรียมทหาร และเพิ่งนำเข้าบ้านเป็นครั้งแรกเมื่อสัปดาห์ก่อนก็ยิ่งทำให้รู้ว่าทำใจไม่ได้ 

ส่วน พ.ต.อ.สุธี แพทย์รังสี ที่ปรึกษา บริษัท บาร์ริสเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลลอว์เฟิร์ม จำกัด ทีมดูแลงานกฎหมายและทีมทนายความของครอบครัวตัญกาญจน์ เผยว่าคดีนี้ ฝ่ายกฏหมายเข้ามาดูแลเมื่อเรื่องราวผ่านไปแล้วกว่า 100 วัน  ซึ่งสิ่งที่ทีมงานได้ก็คือพยานหลักฐานที่เกิดจากการแสวงหา และเก็บรวบรวมโดย น.ส.สุพิชา ที่ถือว่าเป็นประโยชน์มาก จนนำสู่การรวบรวมข้อมูลว่า มีส่วนใดที่จะต้องนำไปสู่คดีอาญา และการพิสูจน์ให้ได้ว่าการเสียชีวิต เกิดจากการถูกกระทำ และต้องหาต่อว่าใครเป็นผู้กระทำ

“น้องเมย ชอบจดบันทึกในเรื่องส่วนตัว ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทีมกฎหมายจับมา วิเคราะห์ว่าช่วงใด เวลาใดเกี่ยวข้องกัน ซึ่งก็คงต้องขอสงวนในคำพูดนั้นไว้ เพียงแต่ให้รู้ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ที่เกินกว่าที่ควรจะเป็น เหมือนกับเป็นการย้ำทำจนร่างกายมนุษย์ทนไม่ได้ ซึ่งก็ต้องมาดูว่าใครเป็นคนทำ ในชั้นนี้ทางครอบครัวก็ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์คดีอาญา และอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลทหารไปแล้ว  และมีการขึ้นศาลแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งเราต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าสิ่งที่เราขับเคลื่อนและกล่าวหาเป็นจริง ก็จะเป็นการกล่าวหาผู้ต้องหามากกว่า 1 คนแน่นอน  ”   

 พ.ต.อ.สุธี เผยว่าในวันนี้ทีมทนายจะดำเนินการเรียกร้องความยุติธรรมควบคู่กันไปทั้ง 3 ศาล คือ ศาลอาญา, แพ่ง ,และศาลปกครอง  โดยยืนยันว่าร่องรอยจากการชันสูตรพลิกศพ เป็นตัวบ่งชี้ได้ว่ามีการถูกกระทำ และไม่ใช่กรณีการเสียชีวิตทางธรรมชาติ และขอยืนยันว่า “น้องเมย ” จะไม่ตายฟรีอย่างแน่นอน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"