'แมทธิว'เปิดใจ หลังเข้ารักษา'โควิค-19'มา 7 วัน


เพิ่มเพื่อน    

 

          หลังตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 นักแสดงหนุ่มแมทธิว ดีน ก็ได้เข้าทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมา 7 วันแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์คลิปในอินสตาแกรมส่วนตัว เพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ทั้งอาการก่อนและหลังติดเชื้อ รวมถึงแนวทางการรักษา  พร้อมกันนี้ยังยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เจ็บกายไม่เท่าไหร่ แต่รู้สึกเจ็บใจมากที่สุดเมื่อมีคนต้องมาเดือดร้อนเพราะตนเอง

            “ขอบคุณครับทุกคน สำหรับทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามาให้ผมนะครับ ทั้งเมสเสจอินสตาแกรม ทั้งช่องทางต่างๆ นะครับ ถือเป็นกำลังใจที่สำคัญสำหรับผมและเดียทั้งคู่ที่เราจะสู้กับไวรัสนี้ครับ ต่อไปขออนุญาติอัดคลิปสั้นๆ ให้ทุกคนดูนะครับ เพราะว่ามีการถามถึงสภาพจิตใจ สภาพร่างกายและความรู้สึกในปัจจุบันนี้นะครับ

          อาการของผมมันเป็นยังไงบ้างในตอนนี้และช่วงที่ผ่านมาตลอด 6-7 วันที่นอนโรงพยาบาล เหมือนที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ไปในข่าวว่าตั้งแต่แรกคืออาการมันไม่ได้รู้สึกหนักมาก เหมือนเป็นไข้หวัด ปวดเมื่อยตามร่างกายบ้าง ซึ่งคนที่ออกกำลังกายก็เข้าใจว่ามาจากการออกกำลังกาย มีคัดจมูกเหมือนเป็นภูมิแพ้จะเป็นหวัด พอไข้เริ่มขึ้นแล้วผมก็เลยไปหาหมอ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ทุกคนถ้ามีไข้นิดหนึ่งควรไปหาหมอ ถ้ายังไม่เคยตรวจหรือเคยตรวจแล้ว อาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็ควรไปปรึกษาแพทย์อีกรอบ เพราะไข้เป็นตัวชี้ที่อันตรายและชัดเจน

 

 

            พอมีไข้ประมาณวันกว่าๆ ก็ไปโรงพยาบาล ไข้ก็เริ่มหายอยู่ประมาณ 3-4 วัน ซึ่งทุกคนก็ดีใจ ก็รู้สึกว่าร่างกายสู้กับมันอยู่ในช่วงที่เป็นไข้ น่าจะเป็นสิ่งที่ดี ผมก็พยายามถามคุณหมอ ไม่ได้ดีใจมากที่ไข้หาย เข้าใจว่าโรคนี้เป็นโรคใหม่ แล้วหลายๆ คนก็ยังไม่เข้าใจมัน หมอทั่วโลกก็ยังไม่เข้าใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต คุณหมอบอกว่าไข้มีโอกาสกลับมาอีก ผมก็หวังว่ามันคงไม่กลับมา แต่เมื่อวานหลังจากที่ไม่ไข้ 4 วัน มันก็กลับมาจริงๆ ซึ่งก็ตกใจ ในช่วงไม่มีไข้ พวกความดันออกซิเจน ภาพเอกซเรย์ การเจาะเลือดมันก็ดูปกติดี

          แต่เมื่อวานมีไข้ขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงๆ ก็เลยได้คุยกับอาจารย์หมอ ตอนเย็นว่าเขาจะเริ่มให้กินยา ก็หลายตัว ประมาณ 3-4 ตัวเพื่อที่จะขับไล่มันออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด ซึ่งถ้าปล่อยไปก็อาจจะออกเองแต่นานมากๆ ไม่มีอะไรที่แน่นอน แล้วถ้าปล่อยไปก็ไม่รู้ว่ามันจะดีขึ้นหรือแย่ขึ้นทันที ก็เลยกินยาไปเป็น 4 ตัว เป็นสูตรมาตรฐานที่คนทั่วโลกกินตอนนี้ น่าจะเป็นสูตรที่เขาคิดว่าดีที่สุดสำหรับการรักษาโควิค-19 ในปัจจุบันนี้  ยาก็แรง เมื่อคืนรู้สึกหลับไม่ค่อยลง แต่ไข้ดีขึ้นเป็นช่วงๆ

 

 

          บางคนถามเรื่องความเจ็บความทรมานของโรคนี้ ในเมื่อเป็นแล้วมันขนาดไหน ซึ่งบอกยาก เพราะทุกคนมีความอดทนที่ไม่ตรงกัน บางคนทนมาก บางคนทนน้อย แต่สำหรับผมร่างกายมันไม่เท่าไหร่ เป็นไข้เป็นอะไรเราเคยเป็นมาแล้ว แต่ที่ต่างออกไปคือความกังวลมากกว่า การที่เราไม่รู้ แม้กระทั้งหมอทั่วโลกก็ยังไม่รู้คำตอบที่ชัดเจนในหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับโควิด-19 ถามอะไรไปก็ไม่กล้าตอบ เพราะเขาก็ไม่รู้จริงๆ มันเป็นโรคที่ยังใหม่มากๆ ความกังวลนี่แหละมันคิดไปได้ไกลมากๆ ในช่วง 2-3 วันแรกที่ไม่มีไข้ก็ไม่เจ็บนะ

          แต่ว่ามันเจ็บใจเมื่อคิดถึงคนที่ติดจากเรา แฟนผม หรือคนที่อาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เราเจอแล้วทำงานด้วยกัน เขาต้องเสียงานเสียการ เสียรายได้ไปในช่วงนี้ คิดถึงครอบครัวที่อาจจะติดจากเราได้ มันกังวลสุดๆ และความเครียดจากตรงนี้แหละ อะไรที่มันไม่มีคำตอบกับการรอคอยมันเจ็บปวดมากที่สุด พอพ้นช่วงนั้นพอกลับมาด้วยผลทุกคนเป็นลบยกเว้นเดียก็ดีขึ้นนิดนึงสภาพจิตใจ แต่ก็เริ่มคิดถึงทุกคน อยากเจอ อยากกอด ก็อยู่แต่ในห้อง อยู่บนเตียงเป็นหลัก 85% ลุกไปแค่กินข้าว อาบน้ำ แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ

 

 

          ความน่ากลัวของโรคนี้ บอกตรงๆ ผมก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญหรือความรู้มากมายเกี่ยวกับมัน ก็ได้ฟังที่หมอเล่า และก็อ่านและศึกษาเองบ้าง แต่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความรู้สึกแบบนี้ที่ผมมี กับการเป็นโรคที่ไม่มีวัคซีน ไม่มีวิธีการรักษาที่ชัดเจน 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องทำตามที่เขาแนะนำกันครับ คือ เลี่ยงไปในที่ที่มีคนมากมาย นั้นคือสถานที่ติดได้ชัดเจนแล้วมันจะไม่จบ โดนตัวน้อยลง เจอกันน้อยลง มันจะทำให้โรคนี้ติดกันน้อยลง

          ฉะนั้นสถานที่บันเทิง การแข่งขันกีฬาต่างๆ  ร้านอาหารใหญ่ หรืออะไรที่มันปิดได้ก็ปิดหรือเลี่ยง เข้าใจว่ามันไม่ง่ายนะ กับคนที่ต้องไปทำงานเพื่อที่จะหาเงินวันต่อวัน เข้าใจแต่ต้องใช้ความอดทน คิดในแง่ถ้าเราไม่ทำและยังใช้ชีวิตปกติ โดยที่เราคิดแต่เงินในวันนี้ สุดท้ายคนก็เป็นกันเยอะ ฉะนั้นทำกันให้เร็วที่สุด และรีบกลับมาฟื้นประเทศ ฟื้นโลกเราให้เร็วที่สุด ผมว่าน่าจะเป็นทางที่ดีนะครับ

 

 

          ฝากรัฐตรวจดูให้จริงจังว่าสถานบันเทิงปิดจริงหรือเปล่า หรือแอบเปิดรอบดึกเพื่อหวังโกยลูกค้าที่ไม่มีที่ไป ไม่ได้สำนึกในการรักษากฎหมายตรงนี้ไว้ นี่เป็นเรื่องของประเทศชาติแล้ว ประเทศอื่นเวลาเขาปิดเขาปิดจริงจัง  ดูอิตาลีเขาคนเยอะขนาดไหน มีรายได้จากคาเฟ่ ร้านอาหารมากขนาดไหน เขายังต้องทำให้ได้ เพราะฉะนั้นประเทศไทยเราต้องทำให้ได้ครับ ไม่งั้นเราจะไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตอีกยาว ตัดใจตั้งแต่ตอนนี้

          และในช่วงสิ้นเดือนนี้จะมีคนพ้นกักตัว 14 วันเยอะมาก ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะนับตั้งแต่ที่ผมเป็น คือช่วง 13 มีนาคม หรือว่าอาจจะเริ่มนับก่อน แต่ยังไงช่วงสิ้นเดือนพ้นกันเพียบเลย  ขอบอกว่าทุกคนอย่าเพิ่งชะล่าใจกับโรคนี้ อย่าเพิ่งกลับไปใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยงไป นั่นก็หมายถึงว่าการไปเจอผู้คนมากมาย  แต่ต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง และอะไรที่เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปครับ โรคนี้จะได้หายไปครับ"

 

 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @matthew.deane1


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"