ศาลสั่งประหารชีวิต "บังฟัต" กับพวก ฆ่ายกครัว 8 ศพกระบี่ ชี้พฤติกรรมอุกอาจ โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ไม่สมควรลดโทษ "ญาติ" พอใจหลังนอนไม่หลับมากว่า 7 เดือน "ทนายผู้ต้องหา" เตรียมใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน
ที่ศาลจังหวัดกระบี่ วันที่ 28 มี.ค. เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ ควบคุมตัวนายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนพวงศ์สกุล อายุ 41 ปี, นายประจักษ์ บุญทอย (จักร์) อายุ 36 ปี, นายคมสรรค์ เวียงนนท์ (ม่อน), นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ (เลาะห์) อายุ 30 ปี, นายธวัฒชัย บุญคง (ชัย) อายุ 37 ปี, นายอรุณ ทองคำ (กี้ร์) อายุ 29 ปี, นายธนชัย จำนอง (โกบ) อายุ 41 ปี และ น.ส.ชลิตา สังข์โชติ อายุ 41 ปี รวม 8 คน ผู้ต้องหาฆ่านายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ตำบลบ้านกลาง อำเภออ่าวลึก พร้อมครอบครัวและญาติๆ รวม 8 ศพ ภายในบ้านพักนายวรยุทธ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 ก.ค.2560 เดินทางมายังศาลจังหวัดกระบี่เพื่อฟังคำพิพากษาตัดสินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในศาลจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.บุญทวี โตรักษา ผบก.ภ.จว.กระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ศาล จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 200 นาย ตรวจค้นกระเป๋า สัมภาระ ผู้ที่เดินทาง เข้ามาในศาลอย่างเข้มงวด โดยมีญาติฝ่ายผู้ต้องหา และนายจรีย์ บุตรเติบ พ่อตาของนายวรยุทธ ผู้เสียชีวิต รวมทั้งญาติผู้เสียหายจำนวนมาก เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา
ทั้งนี้ ศาลจังหวัดกระบี่อนุญาตให้ญาติแต่ละฝ่ายเข้ารับฟังคำพิพากษาได้เพียงฝ่ายละ 3 คน นอกนั้นศาลได้จัดสถานที่ฟังการอ่านคำพิพากษาถ่ายทอดเสียงจากห้องพิจารณาคดีออกมาด้านนอก
นายจรีย์กล่าวว่า แม้ผ่านมากว่า 7 เดือน แต่ทุกคนในครอบครัวยังไม่ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ต้องสูญเสียคนที่รักในครอบครัวพร้อมกันถึง 8 คน สุภาพจิตเสีย นอนไม่หลับ ยากที่จะทำใจให้ลืมได้ ขอให้ศาลตัดสินประหารชีวิตที่ร่วมกันฆ่าผู้อื่น 8 ศพ เพื่อความเหมาะสมกับการกระทำ
ต่อมา ศาลจังหวัดกระบี่อ่านคำพิพากษาคดีดำ เลขที่ 4396/2560 คดีแดงที่ 1380/2561 ซึ่งมี
จำเลยประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต จำเลยคนที่ 1 พร้อมพวกอีก 7 คน รวม 8 คน โดยผู้พิพากษาศาลจังหวัดกระบี่ได้อ่านคำตัดสินใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ จึงเสร็จสิ้น
โดยคำพิพากษาตอนหนึ่งระบุว่า แม้จำเลยที่ 1-6 จะรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่มีพฤติกรรมร่วมกันใช้อาวุธปืนจ่อยิงผู้ตายทั้ง 8 และผู้รอดชีวิต เพื่อปิดปากถึง 11 คน ซึ่งมีทั้งผู้หญิง เด็กอายุเพียง 4 ปี 11 ปี 12 ปี รวมอยู่ด้วย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 8 คน นับเป็นเหตุการณ์เศร้าสลดหดหู่ใจ และสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเป็นอย่างยิ่ง จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นมาเอง และลงมือกระทำความผิดอย่างอุกอาจ โหดเหี้ยมผิดมนุษย์ จึงสมควรไม่ลดโทษให้ และเมื่อลงโทษในฐานความผิดปล้นทรัพย์ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถึงขั้นประหารชีวิตแล้ว จึงไม่ต้องนำโทษในกระทงอื่นๆ มารวมด้วย พิพากษาประหารชีวิตจำเลยที่ 1-6 สถานเดียว พร้อมจ่ายเงินชดใช้ญาติผู้เสียชีวิต
ด้านนายเกรียงศักดิ์ สารภี ทนายความของกลุ่มผู้ต้องหา กล่าวว่า หลังคำพิพากษาออกมา ทางบังฟัตและกลุ่มผู้ต้องหาไม่พอใจกับคำตัดสินที่ออกมา ก็จะขอใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน เพื่อต่อสู้คดีต่อไปทั้ง 8 คน
ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมคณะที่เดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดกระบี่ และแถลงข่าวที่สภ.เมืองกระบี่ ว่าผลของคดีศาลจังหวัดกระบี่ได้ตัดสินจำเลยคนที่ 1-6 ซึ่งมีนายซูริก์ฟัต เป็นจำเลยคนที่ 1 พร้อมพวกอีก 5 คน ด้วยบทลงโทษให้ประหารชีวิต ส่วนจำเลยคนที่ 7 จำคุก 1 ปี 9 เดือน จำเลยคนที่ 8 จำคุก 12 เดือน โดยสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากแถลงข่าวครอบครัวและญาติของนายวรยุทธผู้เสียชีวิต รวมทั้งชมรมกำนันตำบลผู้ใหญ่บ้านจังหวัดกระบี่ ชมรมผู้ใหญ่บ้านอำเภออ่าวลึก สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่และที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามอบช่อดอกไม้แสดงความขอบคุณ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่ได้ลงมาติดตามสั่งการในคดี กระทั่งสั่งฟ้องจนถึงศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต
นางอัญชลี พริกดำ หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว กล่าวว่า รู้สึกพอใจกับคำตัดสินที่ออกมา คือให้ประหารผู้ต้องหา 6 คน และจำคุกอีก 2 คน แม้จะไม่มากแค่ปีกว่าและ 1 ปี แต่ก็น้อมรับในคำตัดสิน ซึ่งก็พอใจมาก
"กรณีของเงินชดใช้ที่ศาลได้ตัดสินให้กลุ่มผู้ต้องหาชดใช้ให้กับญาติๆ นั้น มองว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะได้มา" นางอัญชลีกล่าว
นายจรีย์ บุตรเติบ พ่อตาของนายวรยุทธ กล่าวว่า พอใจกับคำตัดสิน แต่จะมีการอุทธรณ์หรือฟ้องแพ่งเพิ่มเติมใดๆ นั้น ขอปรึกษากับทางญาติๆ อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลได้อ่านคำพิพากษาเสร็จ ทางเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหารายที่ 1 ถึงที่ 6 ในขั้นโทษประหารชีวิต นำไปฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 17.00 น.-01.00 น. วันที่ 10-11 ก.ค.2560 นายซูริก์ฟัต พร้อมพวกรวม 8 คน แต่งกายชุดคล้ายทหาร บุกเข้าไปจับตัวนายวรยุทธ สังหลัง และคนในครอบครัว ญาติๆ รวม 11 คน ไว้ตามห้องต่างๆ ภายในบ้านพัก จากนั้นใช้อาวุธปืนของนายวรยุทธจ่อยิงศีรษะทีละคน แต่มีผู้รอดชีวิต 3 คน สาเหตุเกิดจากความขัดแย้งเรื่องโฉนดที่ดิน ที่พ่อตานายวรยุทธนำไปจำนองไว้กับนายซูริก์ฟัต จนกระทั่งได้มีการผ่อนชำระหมด แต่นายซูริก์ฟัตนำที่ดินไปจำนองไว้กับทางธนาคาร ไม่สามารถนำหลักฐานที่ดินกลับมาคืนให้ได้ ได้มีการทวงถามกันหลายครั้ง สร้างความขัดแย้งกัน นายซูริก์ฟัตจึงวางแผนก่อเหตุ โดยจัดฉากว่านายวรยุทธเครียด มีปัญหาเรื่องหนี้สินก่อเหตุฆ่าคนในครอบครัวและฆ่าตัวตายตาม หลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้าย หลังจากเกิดเหตุ 5 วัน พร้อมของกลางหลายรายการ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |