‘กระทิง’หุ้นทำสถิติสูงสุดใหม่


เพิ่มเพื่อน    

กระทิงเข้าตลาดหุ้นไทย ทำสถิติจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 1,791.39 จุดต่อเนื่องวันที่สอง   โบรกเกอร์ชี้เงินต่างชาติไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ หลังค่าเงินดอลลาร์ดิ่ง นักลงทุนเทไปหาสินทรัพย์เสี่ยงแทน
    เมื่อวันพฤหัสบดี การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังคงสร้างสถิติและความคึกคักต่อเนื่องเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยภาวะหุ้นไทยวันที่ 4 ม.ค. ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกทั้งวัน ซึ่งระหว่างวันดัชนีได้ปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติจุดสูงสุดใหม่ (All Time Hight) ที่ 1,791.39 จุด จากเดิมเคยทำจุดสูงสุดไว้ที่ 1789.16 จุด เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2537 ถือเป็นดัชนีสูงสุดของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่ก่อตั้งมาในรอบ 43 ปี จากนั้นมีแรงขายทำกำไรออกบ้าง ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,791.02 จุด เพิ่มขึ้น 12.49 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90,816.95 ล้านบาท แตะจุดต่ำสุดที่ 1,779.28 จุด โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,074.80 ล้านบาท กองทุนซื้อสุทธิ 3,482.87 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 352.09 ล้านบาท และรายย่อยขายสุทธิ 2,055.98 ล้านบาท
    นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับขึ้นสูงมาจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 3 ปี หลังจากเกิดความไม่สงบในประเทศอิหร่าน รวมถึงนักวิเคราะห์ได้ปรับคาดการณ์จีดีพีจีนดีขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ดีขึ้น โดยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันที่ 5 ม.ค. คาดว่ายังคงปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อ แต่ต้องระวังแรงขายทำกำไรของกองทุนแอลทีเอฟ 
    ส่วนนายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า กระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทย มาจากสถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เนื่องจากผลตอบแทนไม่สูงมาก อีกทั้งปัจจุบันผลตอบแทนในตราสารหนี้สหรัฐและตราสารหนี้ไทยไม่ต่างกันมาก จึงทำให้เงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้น ทองคำ และน้ำมันมากขึ้น 
    “การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติในปีนี้ต่างจากปีก่อน เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวดีขึ้นพร้อมกัน ทำให้เงินไหลเข้าในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น ส่วนที่มองกันว่าเฟดขึ้นดอกเบี้ยทำให้ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และเงินไหลกลับเข้าสหรัฐนั้น ตอนนี้ต้องมองใหม่ เพราะยิ่งเฟดขึ้นดอกเบี้ย ก็จะยิ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง โดยคาดว่าเงินต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อไปจนถึงเฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง จากนั้นจะชะลอลง” นายกิจพลกล่าว
ทั้งนี้ ในเรื่องของการเลือกตั้งของไทย ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายนี้ หรืออย่างช้าคือต้นปี 2562 ก็ช่วยดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติกลับมาอีกครั้ง รวมถึงกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยในปี 2560 คาดจะโตที่ 15% และในปี 2561 กำไร บจ.จะโตต่อเนื่องที่ 9.2% โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับประโยชน์จากการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐก็เป็นปัจจัยบวก
    รายงานข่าวจาก บล.เอเซียพลัส แจ้งว่า ในปี 2561 แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสเข้ามาเร็วกว่าปกติ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติ  ณ พ.ย.2560 อยู่ในระดับต่ำเพียง 31.24% เท่านั้น และจากสถิติย้อนหลัง 10 ปี พบว่าต่างชาติมักจะซื้อสุทธิหุ้นไทยในไตรมาสแรกสูงสุดเฉลี่ย 10,500 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2561 ต่างชาติซื้อสุทธิในประเทศไทย 83 ล้านดอลลาร์ หรือ 2,690 ล้านบาท เช่นเดียวกับสถาบันในประเทศที่ยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 2,100 ล้านบาท หลังจากซื้อสุทธิช่วงเดือน ธ.ค.2560 ที่มีมูลค่าซื้อสุทธิรวมสูงถึง 32,400 ล้านบาท แต่ช่วงต้นปี ตลาดหุ้นไทยอาจมีอุปสรรคบ้างในการปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโอกาสถูกแรงเทขายจากนักลงทุนสถาบันที่เข้ามาหนาแน่นกว่าปกติ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"