มรสุม “บิ๊กตู่” ฝ่าไวรัสโควิด ในวิกฤติ “เฟกนิวส์”


เพิ่มเพื่อน    

 

               จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ “ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19” ขึ้นที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อจัดการหยุดโรคระบาดดังกล่าว โดยระดมบุคลากรกว่า 20 กระทรวงร่วมปฏิบัติงาน

                และล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มี.ค. หลังการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ชุดใหญ่ ที่ใช้เวลายาวนานเกือบ 6 ชั่วโมง ทำให้รองนายกรัฐมนตรีทุกคนต้องยกเลิกวาระงานกะทันหัน เพื่อทุ่มเทเวลาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ชูกำปั้นปลุกคนไทยฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน ด้วยประโยคทิ้งท้ายที่ว่า “ประเทศไทยต้องชนะ” ซึ่งประโยคดังกล่าวติดเทรนบนโลกออนไลน์ไปในพริบตา แต่ก็ตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในหลากหลายแง่มุมด้วยเช่นกัน 

                นอกจากนี้ “บิ๊กตู่” ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ดำเนินการตามมาตรฐานสากล ขอให้หยุดกระจายข่าวที่ไม่เป็นความจริง สร้างความแตกตื่น ก่อนจะกระจายข่าวใดๆ ขอให้มีการตรวจสอบความถูกต้องก่อน และอย่ากักตุนของ โดยให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะจัดการให้มีหน้ากากอนามัย เครื่องอุปโภคบริโภค และสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้อย่างเพียงพอ

                ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ด้วยสถานการณ์ของประเทศไทย ที่ถึงแม้จะมีผู้รักษาตัวจนหายจากเชื้อไวรัสดังกล่าวจนสามารถกลับบ้านได้แล้ว แต่ขณะเดียวกันยอดผู้ติดเชื้อก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ประกอบกับรัฐบาลต้องเผชิญกับยุคที่ “พลังโซเชียลมีเดีย” มีความสำคัญ การสื่อสารไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งกลายเป็นสงครามข่าวสาร ที่มีการโจมตี ให้ร้ายกันผ่านโลกออนไลน์ ที่เรียกว่าข่าวปลอม หรือ “เฟกนิวส์” ซ้ำเข้ามาอีก ทำให้การทำงานเพื่อแก้วิกฤติของรัฐบาลที่ยากอยู่แล้ว กลับยากขึ้นอีก ช่วงนี้จึงเห็น “บิ๊กตู่” ดูซูบผอมลง เพราะโหมงานหนัก และต้องรับมือกับสงครามเฟกนิวส์ไปพร้อมๆ กัน

                อย่างกรณีข่าวปลอมพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่หมู่บ้านในจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่เมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกระทรวงสาธารณสุข พบเป็นข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอมว่าศูนย์ราชการตรวจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พบติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 คน ซึ่งไม่เป็นความจริง

                กรณีโลกออนไลน์แชร์ข่าว “ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง” เป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 ก็ไม่เป็นความจริง กรณีการแชร์ในเฟซบุ๊กพบผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชัยภูมิ ทางภาครัฐตรวจสอบเป็นข่าวเท็จ หรือที่มีการแชร์ว่า พยาบาลศิริราชบอกให้ตุนของจะปิดเมือง ซึ่ง นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กรโรงพยาบาลศิริราช ยืนยันเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นต้น

                อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตั้ง “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม” (Anti-Fake News Center) โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นแม่งานจัดการกับข่าวปลอมที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งปัจจุบันศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมมีกระบวนการทำงานร่วมกับศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในกรณีที่ข่าวปลอมนั้นส่งผลให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงาน สามารถรวบรวมข้อมูลและแจ้งต่อ ศปอส.ตร.เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนในทางคดีได้

                ขณะที่การดำเนินการประชาสัมพันธ์ของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ในประเด็นไวรัสโควิด-19 พบว่ามีทั้งข่าวปลอม ข่าวจริง และเรื่องที่บิดเบือนเผยแพร่ในโซเชียล ซึ่งศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมจะดำเนินการตรวจสอบและติดตาม ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมมีความเป็นกลาง สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับต่อสาธารณชน และเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องต่อประชาชนได้

                จึงได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 2 คณะ คือ 1.คณะทำงานด้านวิชาการการสร้างการรับรู้ มีนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ เป็นประธานคณะทำงาน และมีนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นคณะทำงานให้ความรู้เชิงวิชาการ สร้างความตระหนักและการรับรู้เพื่อให้เท่าทันเฟกนิวส์

                และ 2.คณะทำงานวิเคราะห์และคัดเลือกข่าว ก่อนส่งให้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมดำเนินการต่อ โดยมี นายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดีอีเอส เป็นหัวหน้าคณะทำงาน มีผู้แทนองค์กรต่างๆ ร่วม เช่น ผู้แทนจากกองทุนสื่อสร้างสรรค์ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ข่าวจริงประเทศไทย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)  เป็นต้น

                ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังมีในส่วนของเพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์ข้อมูล COVID-19” ที่ออกมาชี้แจงข่าวปลอมต่างๆ แก่ประชาชนรายวันได้ทันท่วงที รวมถึงมีศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)  ภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนด้วย 

                อย่างไรก็ตาม การเผชิญสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกและในประเทศไทย ท่ามกลางสารพัดปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา ให้ “บิ๊กตู่” ต้องปวดหัว แต่ทุกอย่างจะเป็นบทพิสูจน์ฝีมือการทำงานในสมัยที่ 2 ของรัฐบาลประยุทธ์ ซึ่งไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้.

       ทีมข่าวการเมือง 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"