ในช่วงหน้าข้าว-หน้าเหล้า ช่วงแห่ง Covid-19 ที่ดูจะส่งผลให้ใครต่อใครออกอาการเคร่งขึง ตึงเครียด ฉุนฉิว กริ้วโกรธ เอะอะ มะเทิ่ง หันมาด่าว่า ด่าทอ กันเอง ชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร เผลอๆ แถมรอบสาย รอบบ่าย รอบดึก ซะอีกต่างหาก คงต้องขออนุญาตหันไปหยิบเอาเรื่อง บันเทิง-เริงรมย์ มาพูดจาว่ากล่าวกันน่าจะเหมาะกว่า คืออย่างน้อย...อาจพอช่วยให้อะไรต่อมิอะไรมันออกไปทางเย็นๆ  ขึ้นมามั่ง...

                                                                   -------------------------------------------------

                ซึ่งการหันไปหาเรื่องบันเทิง-เริงรมย์ที่ว่านี้...คงไม่ถึงกับต้องไปสุมหัว รวมตัว กันตามผับ ตามบาร์  ตามสถานบันเทิงเริงรมย์ อันอาจส่งผลให้เกิดการสัมผัสละอองเรณูในอากาศ หรือสารคัดหลั่งของใครๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องสวมหน้ากาก แถมยังสามารถนุ่งกางเกงแพร นอนผึ่งพุงได้ตามสบาย คือแค่กักตัวเองเอาไว้ในบ้าน แล้วนั่งเฝ้าหน้าจอทีวีในช่วง 6 โมงเย็นของวันอาทิตย์ทุกๆ อาทิตย์ ไปถึงช่วง 2  ทุ่มโน่นเลย โอกาสที่จะได้ผ่อนคลาย ไม่ต้องเสียเวลาไปหงุดหงิด รำคาญ ฉุนฉิว กริ้วโกรธ เคียดแค้น  อาฆาต พยาบาทและริษยาใครต่อใครเขา ด้วยการรับชมรายการประกวดร้องเพลง ชิงแชมป์ ไมค์ทองคำ ฉบับ เพชรตัดเพชร ของทีวีช่อง 23 หรือช่อง เวิร์ค พอยท์ อันถือเป็นรายการที่ช่วยให้หายเครียด ช่วยสร้างความบันเทิง เริงรมย์ กันได้มิใช่น้อย...

                                                                      ----------------------------------------------

                เรียกว่า...ขนาด ท่านขุนน้อย ที่แทบไม่เคยดูทีวีมาไม่รู้กี่ทศวรรษต่อกี่ทศวรรษเข้าไปแล้ว ยังอดไม่ได้ที่จะต้องแปลงตัวเป็น แจ๋ว ริมจอ คอยชะเง้อแง้แลดูรายการที่ว่านี้ ในทุกๆ อาทิตย์ไปโดยปริยาย  คือจากที่เขาเคยไปสรรหาพวกเด็กรุ่นใหม่ๆ เสียงดีๆ มาจัดประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง เพื่อชิงตำแหน่ง แชมป์ไมค์ทองคำ มาตลอด 6 ปี 7 ปี ได้แชมป์และรองแชมป์ต่อเนื่องกันมาเป็นรุ่นๆ หลังจากนั้นก็เอาบรรดา แชมป์และรองแชมป์ เหล่านี้นี่แหละ มาเฉือนเหลี่ยม เฉือนคม เฉือนลูกคอ ในเวอร์ชัน เพชรตัดเพชร โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ประมาณ 7 กลุ่มด้วยกัน (ถ้าจำไม่ผิด) และแต่ละกลุ่มต้องหันมาประกวดประขัน ชิงตำแหน่งแชมป์ของแต่ละกลุ่ม หรือของ เพชร ในแต่ละสี ก่อนไปตัดเชือกชิงชัยกันในโค้งสุดท้าย...

                                                                         -----------------------------------------------

                และด้วยเหตุที่การประกวดในรอบนี้ ได้กำหนดให้ต้องไปนำเอาเพลงลูกทุ่งเก่าๆ หรือในยุค แผ่นเสียง มาประชันขันแข่งกันในแต่ละราย บรรดาเด็กรุ่นใหม่ที่ล้วนแล้วแต่ เสียงดีๆ ไปด้วยกันทั้งสิ้น  เพียงแต่ว่า...ดันไป ร้องเพลงที่ไม่เป็นเพลง มาโดยตลอด หรือเคยร้องแต่เพลงประเภทรุ่นใหม่ๆ ทั้งหลาย ที่แทบไม่มีฉันทลักษณ์ ไม่มีความไพเราะเพราะพริ้ง ไม่มีฉากธรรมชาติ หรือมีสภาวะแวดล้อมใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย แต่เมื่อถูกจับให้มาร้องเพลงลูกทุ่งรุ่นเก่า ที่ถูกประดิดประดอยเอาไว้อย่างละเอียดประณีต โดยอาศัยจิตวิญญาณที่หล่อหลอมขึ้นมาจากสภาพแวดล้อม จากวัฒนธรรม ประเพณี แบบไทยๆ จากทุ่งนา ป่าเขา ห้วยละหาน ลำธาร แม่น้ำ ลำคลองตามธรรมชาติของสังคมไทย มันเลยเป็นอะไรที่ก่อให้เกิดความบันเทิง เริงรมย์ เท่านี้ ย่อมไม่มีอีกแล้ว...

                                                                           -------------------------------------------------

                การที่บรรดาเด็กๆ รุ่นใหม่ๆ...ได้ไปหยิบเอา เพลงที่เป็นเพลง หรือเพลงของบรรดา ครูเพลง ในรุ่นอดีต มาขับขาน ครวญคราง กันใหม่อีกหน จึงแทบไม่ต่างอะไรไปจากการไปหยิบเอา คบไฟ มาจุดไฟส่งต่อกันไปเป็นทอดๆ ความสวยสด งดงาม แห่งภาษาและถ้อยคำ ที่ถูกนำมาเรียงรอด สอดประสาน จนกลายมาเป็น ฉันทลักษณ์ แบบไทยๆ ที่เต็มไปด้วยสัมผัสโน่น สัมผัสนี่ ไม่ต่างอะไรจากลูกระนาดที่นำมาร้อยต่อกันเป็นสายๆ ชนิดไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหน ก็ไม่ถึงกับพิสดารพรรณรายเทียมเท่านี้ ยิ่งเมื่อถูกนำมาผสมผสานกับฉากธรรมชาติอันแสนสะอาด บริสุทธิ์ ของทุ่งนา ป่าเขา แม่น้ำ ลำธาร ในชนบทเมื่อครั้งอดีต เพลงของบรรดา ครูเพลง เหล่านี้ จึงทำให้บรรดา เด็กรุ่นใหม่ ทั้งหลายที่ล้วนแล้วแต่เสียงดีๆ ด้วยกันทั้งนั้น เลยกลายเป็น ศิลปิน แบบชนิดเพียงแค่ข้ามวัน ข้ามคืน เอาเลยก็ว่าได้...

                                                                              -------------------------------------------------

                การได้นั่งฟัง เพลงเก่าๆ จากบรรดา เด็กรุ่นใหม่ๆ เลยทำให้ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความบันเทิง เริงรมย์ จนต้องกลายสภาพเป็น แจ๋ว ริมจอ หรือกลายเป็นแฟนประจำของรายการประกวดร้องเพลง เพชรตัดเพชร ของช่อง เวิร์ค พอยท์ ในทุกๆ อาทิตย์เท่านั้น แต่ยังทำให้อดคิดคำนึงไปถึงสิ่งที่เรียกๆ กันว่า ความเป็นไทย ขึ้นมาไม่ได้ สิ่งที่เคยทำให้ท่านองคมนตรี จิรายุ ครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ท่านเคยพยายามนำเอามาขัดสี ฉวีวรรณ นิรมิตสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ โดยอะไรที่ไม่เข้าท่า เข้าทาง ประเภทความเป็นไทยมุง หรือประเภทตามใจ ตามสบาย คือไทยแท้ ก็หาทางทำให้ลดๆ เข้าไว้ ส่วนอะไรที่เข้าท่า เข้าทาง เช่น ความมีคุณธรรม มีน้ำใจ ไมตรี ก็หาทางส่งเสริมสนับสนุน เพื่อให้เกิดสายโยงใยเชื่อมต่อระหว่างผู้คนในแต่ละรุ่น...

                                                                                ---------------------------------------------------

                ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่ท่านหมดสภาพ หรือหมดฐานะตำแหน่งเดิม กลายมามีฐานะตำแหน่งใหม่  ความเป็นไทยๆ ที่ว่าจะมีการสานต่อ ก่อเกิด ไปถึงไหนต่อไหนไปแล้วก็ไม่รู้ แต่การที่ได้มีโอกาสเห็น  เด็กรุ่นใหม่ หันมา ร้องเพลงเก่าๆ ไม่ว่าจะโดยถูกกฎกติกาของรายการ เพชรตัดเพชร เขากำหนดเอาไว้หรือไม่ก็ตามที ก็พอช่วยให้เกิดความบันเทิง เริงรมย์ หรือความสบายอก สบายใจ ขึ้นมาได้บ้าง  ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่แทบทุกสิ่งทุกอย่าง กำลังเต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาทและริษยา หนักขึ้นไปทุกที...

                                                                                   --------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Pico Iyer...“Adventure today means finding one’s way back to  the silence and stillness of a thousand years ago. - การผจญภัยในทุกวันนี้ หมายถึงการค้นหาหนทางกลับไปสู่ความเงียบและสงบนิ่ง อย่างที่เคยเป็นมาเมื่อพันปีก่อน...”

                                                                                    --------------------------------------------------