ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" การประชุม ครม.เมื่อวันอังคาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และบรรดา ครม.พร้อมใจกันสวมหน้ากากอนามัย ส่งสัญญาณว่าการแพร่ระบาดเชื้อโรค ไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มการแพร่กระจายที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ถึงระยะ 3 ที่ประชุม ครม.จึงได้มีการพิจารณามาตรการในการป้องกันและเยียวยาสู้ภัยไวรัส 6 ด้าน โดยยืนยันว่า ยังไม่ปิดเมือง ปิดประเทศ แต่ต้องมีมาตรการเข้ม โดยสั่งปิด “สถานศึกษา-ผับ-ร้านนวด-สนามมวย-สนามม้า” งด “คอนเสิร์ต-งานแสดงสินค้า-กิจกรรมทางศาสนา-กีฬา” เลื่อนหยุด "สงกรานต์” 13-15 เม.ย.นี้ เยียวยาธุรกิจท่องเที่ยว-โรงงาน ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ คืนเงินประกันมิเตอร์ อนุมัติงบกลาง 1.73 หมื่นล้าน จัดสรรหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น...0
เป็นมติ ครม.ที่ครอบคลุมทุกมิติ หลังจากรัฐบาลโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ คงเริ่มตั้งหลักได้บ้างแล้ว โดยเฉพาะการสื่อสารในสถานการณ์วิกฤติที่ผ่านมาถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทั้งนายกฯ ทีมโฆษกรัฐบาล และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ทั้งที่ไทยเป็นประเทศแรกที่ติดเชื้อไวรัสจากประเทศจีน ปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตเพียง 1 ราย ป่วยสะสม 177 ราย อัตราการตายไม่ถึง 1% ในขณะที่ประเทศแถบยุโรป รวมทั้งสหรัฐอเมิกา มีการระบาดหนัก มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตพุ่งขึ้นทุกวัน เกิดความระส่ำระสายในหลายเมือง และทยอยปิดประเทศกันแล้ว สรุปแล้วขณะนี้ไทยควบคุมสถานการณ์และชะลอระยะ 2 ได้นานที่สุด แต่ฝ่ายการเมืองสามารถจับผิดขยายปมปัญหาให้เกิดความสับสนได้อย่างน่าทึ่ง...0
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลก็ส่งสัญญาณผิดเช่นกัน ตั้งแต่จะแจกเงิน 2,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งที่ควรทุ่มงบประมาณกับการป้องกันไวรัสมากกว่า ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน กรมการค้าภายใน จัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุขส่วนหนึ่ง แทนที่จะนำไปจัดสรรให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อน กลับไปแจกประชาชนทั่วไปและขายในราคาถูกๆ เมื่อของมีจำกัด แต่นำไปใช้ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายก็เกิดปัญหา และยังมีการกักตุนหน้ากากที่กลไกรัฐไล่ตามไม่ทัน เมื่อฝ่ายการเมืองเผยแพร่เอกสารว่ามีการส่งออกหน้ากากอนามัยในขณะที่คนไทยไม่มีใช้ ประชานก็เกิดความไม่พอใจ ทั้งที่เป็นสินค้าลิขสิทธิ์ตามข้อตกลงของ บีโอไอ การไปตรวจสอบตู้คอนเทรนเนอร์การส่งออกเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ก็พิสูจน์ได้ชัดเจน ส่วนการจะระงับการส่งออกก็ทำได้ นายกฯ ในฐานะประธานบีโอโอ ก็ใช้อำนาจตามกฎหมายในกรณีที่มีความจำเป็นทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ...0
การสื่อสารในสถานการณ์วิกฤติ ผู้นำจะต้องพูดโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อมั่น ปลุกเร้าให้ทุกคนพร้อมสู้วิกฤติ ไม่ใช่ว่ามีอำนาจเด็ดขาดแล้วจะสั่งใครทำตามได้ง่ายๆ หากเขาไม่เชื่อมั่นก็จะไม่ร่วมมือกับมาตรการต่างๆ การจัดการปัญหาทุกอย่างก็จะล้มเหลว ควรพูดแต่ประเด็นหลักๆ ที่สำคัญ และไม่ควรพูดถึงประเด็นทางการเมืองที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แถลงผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เมื่อวันจันทร์ คือแบบอย่างการสื่อสารที่อธิบายเนื้อหาสาระให้เข้าใจได้ง่ายๆ และควรมอบหมายให้ นายวิษณุ แถลงในประเด็นที่สำคัญๆ สวนกรณีผู้ว่าฯ จังหวัดบุรีรัมย์ และอุทัยธานี สั่งปิดเมืองสกัดการแพร่ระบาด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ยืนยันว่า ผู้ว่าฯ มีอำนาจเต็มที่ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด แต่ควรใช้คำว่า "ปิดเมือง" หรือไม่ ถ้าใช้คำว่า "สกรีนหรือคัดกรองคนเข้าเมือง" น่าจะป้องกันการตื่นตระหนกได้ดีกว่า...0
ส่วนกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านขอให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อหารือปัญหาสำคัญเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ แม้จะใช้เครื่องตรวจวัดอุณภูมิสกรีนผู้เข้าร่วมประชุม แต่คนที่ติดเชื้อซึ่งอยู่ในระยะฟักตัวก็จะตรวจไม่ได้ผล ถ้าเกิดแพร่ระบาดลามถึงท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติทั้งหลายจะทำยังงัย ความจริงฝ่ายค้านก็เสนอแนะไปมากแล้ว อยู่ที่รัฐบาลจะรับไปพิจารณาหรือไม่อย่างไร ส่วนกรณีการจัดเลี้ยงวันคล้ายวันเกิด นางภัทรมน เพ็งส้ม เลขานุการรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ส.ส.และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปร่วมจำนวนมาก เป็นพฤติกรรมที่ไม่รู้จักกาลเทศะขณะที่สังคมอยู่ในยามวิกฤติ รัฐบาลก็ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนหมู่มาก ในสถานการณ์เช่นนี้ฝ่ายการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านควรตั้งสติทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีและละเว้นการตอบโต้และเล่นเกมทางการเมือง ประเทศไทยจึงจะฝ่าวิกฤติไปได้!...0
แซมซาย
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |