หุ้นไทยยังไหลลงต่อ 82.83 จุด รับความกังวลไวรัสโคโรนากระทบเศรษฐกิจโลก หลังเฟดหั่นดอกเบี้ยนโยบาย 1.00% และผู้ติดเชื้อในไทยเพิ่มขึ้นหวั่นเข้าระยะที่ 3 บล.ทิสโก้ชี้ตลาดหุ้นไทยเข้าสู่ตลาดหุ้นหมีอย่างเต็มตัว แบงก์ชาติเผยสหรัฐอเมริกากังวลเศรษฐกิจ
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวันที่ 16 มีนาคม 2563 เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยปรับลดลงต่ำสุด 85.12 จุด หรือ 7.54% อยู่ที่ 1,043.79 จุด จากความกังวลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนากระทบต่อเศรษฐกิจโลก หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.00% รวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อในไทยที่เพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงที่การระบาดในประเทศจะเข้าสู่ระยะที่ 3 ส่งผลให้ดัชนีปิดของวันอยู่ที่ 1,046.08 จุด ลดลง 82.83 จุด หรือ 7.34% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 68,179.26 ล้านบาท
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ เปิดเผยว่า ผลกระทบจากไวรัส COVID-19 เป็นปัจจัยเหนือการควบคุมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในระยะสั้น แต่ในช่วงนี้หากไม่มีมาตรการพยุงเศรษฐกิจที่เห็นผลอาจทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ทั้งนี้คาดว่าหลังจากนี้ธนาคารกลางทั่วโลกจะทยอยประกาศมาตรการการเงินตามหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แต่อาจไม่สามารถชะลอการเทขายหุ้นหรือส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในทันที เนื่องจากคนขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นและทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวกลับมาได้ คือมาตรการควบคุมโรค หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเร็วต่อเนื่องในหลายๆ ประเทศ เป็นปัจจัยหลักที่กดดันเศรษฐกิจและความเชื่อมั่น นโยบายการคลัง เช่น การออกมาตรการลดภาษี หรือการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่มากเพียงพอ จะทำให้ตัวเลขเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นฟื้นตัวได้อย่างฉับพลัน และลดการซ้ำเติมเศรษฐกิจจากราคาน้ำมัน
"ในส่วนของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยตอนนี้แทบจะไม่มีภูมิต้านทาน สะท้อนได้ชัดเจนว่าโครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพารายได้จากต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงมาก โดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนถึง 11.5% ส่วนส่งออกก็กระทบเป็นลูกโซ่จากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า แม้ราคาน้ำมันจะปรับลดลงแต่ก็ไม่ได้ช่วยมากนัก โดยมาตรการที่จะเข้ามาช่วยพยุงได้มากที่สุดมองว่าเป็นมาตรการการคลังมากกว่ามาตรการทางการเงิน เพราะเชื่อว่าในภาวะเช่นนี้การปรับลดดอกเบี้ยคงไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก และอาจจะส่งผลร้ายให้คนขาดความเชื่อมั่นมากขึ้น"
สำหรับมุมมองอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้น คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงตามสถานการณ์โลก แต่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้อาจส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย เพราะปัญหาหลักของเศรษฐกิจไทยช่วงนี้คือผู้บริโภคไม่ค่อยมีความมั่นใจมากกว่า ขณะที่ทิศทางค่าเงินบาทคาดว่าจะทรงตัวถึงอ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยมีประเด็นเชิงบวกจากราคาน้ำมันที่ลดลงมาก และอัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างสูงกว่าประเทศสหรัฐฯ แต่มีประเด็นเชิงลบจากการท่องเที่ยวที่ปรับลดลง ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง
นายมนชัย มกรานุรักษ์ หัวหน้าสำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยก้าวเข้าสู่ตลาดหุ้นหมีอย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่าการแพร่ระบาดของไวรัสจะจบลงอย่างไร เพราะประเทศจีนเริ่มควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว ขณะที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเพิ่งจะเริ่มต้น ทั้งนี้การลงทุนแบบระยะสั้นในช่วงนี้จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ก็ถือเป็นจังหวะที่ดีสำหรับการคัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีเพื่อการลงทุนระยะยาว คาดว่าหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบ V-Shape ได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ แนะนำนักลงทุนเน้นหุ้นที่มีผลประกอบการเกี่ยวกับการบริโภคในประเทศมีพื้นฐานที่ดี และมีโอกาสฟื้นตัวเร็วหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสคลี่คลาย ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มสื่อสาร ส่วนกลุ่มท่องเที่ยวสามารถหาจังหวะเข้าลงทุนได้ เพราะหากควบคุมการแพร่ระบาดได้ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวจะกลับมาเร็ว ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารแม้ราคาจะต่ำมากแล้ว แต่ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน เพราะนอกจากจะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากดิสรัปชันของอุตสาหกรรมการเงินอีกด้วย
ด้านนางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 1.00% จากระดับ 1.00-1.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมทั้งประกาศซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่าการดำเนินการของเฟดสะท้อนความกังวลและสถานการณ์ในตลาดเงินของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะต้องติดตามการตอบรับของตลาดและผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ร่วมตลาดอย่างใกล้ชิดต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |