"อธิบดีกรมการค้าภายใน" เปิดใจหลังไขก๊อกมีผล 23 เม.ย. ลั่นต่อให้ 100 วิชัยก็แก้ปัญหาหน้ากากไม่ได้ งานหินยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา แจงยิบทำทุกอย่างโปร่งใส "วิษณุ" ชี้ลาออกไม่กระทบสอบปมกักตุนหน้ากากอนามัย พท.เสี้ยม ปชป.เหมือนโดนนายกฯ ตบหน้า ชง กมธ.ปราบโกงสาวถึงตัวการ
ที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เมื่อวันที่ 16 มีนาคม เวลา 10.10 น. นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เดินทางมายังห้องประชุมกรมการค้าภายใน ชั้น 6 เพื่อให้นโยบายและอำลาข้าราชการ หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีย้ายไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี จากปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัย โดยมีเจ้าหน้าที่ข้าราชการกรมการค้าภายในมาให้กำลังใจและมอบดอกกุหลาบจำนวนมาก รวมถึงมีสื่อมวลชนมารอทำข่าวกันเป็นจำนวนมากด้วย โดยบรรยากาศในการอำลาทั้งนายวิชัยและข้าราชการต่างน้ำตาคลอและร้องไห้ในบางช่วง
นายวิชัยกล่าวภายหลังการกล่าวอำลาข้าราชการกรมการค้าภายในว่า ได้เก็บของออกจากห้องทำงานหมดแล้ว และได้ยื่นหนังสือลาออกต่อปลัดกระทรวงพาณิชย์แล้ว แต่ปลัดกระทรวงพาณิชย์จะเซ็นอนุมัติเมื่อไรไม่ทราบ แต่ในหนังสือจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 เม.ย.63 และตอนนี้ได้ยื่นลาพักร้อนไปแล้วด้วย จะได้ไปพักผ่อนร่างกายหลังจากทุ่มเทหักโหมการทำงานมาโดยตลอด
ส่วนกรณีที่นายกฯ ลงนามคำสั่งโยกย้ายนั้น ต้องถามคนย้าย แต่หากมองในแง่ดีถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะก่อนหน้านี้ได้ทำงานอย่างหนักจนต้องผ่าตัดสมองมาแล้วครั้งหนึ่ง จนปัจจุบันก็ยังมีปัญหาสุขภาพต่อเนื่อง ตอนนี้หมดความเครียดแล้ว โล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก
"ยอมรับว่าปัญหาหน้ากากอนามัยถือเป็นงานหินที่สุด ไม่ใช่แค่วิชัย ต่อให้ 100 วิชัยก็แก้ไม่ได้ เพราะเราติดกระดุมเม็ดแรก คือทุกคนต้องมีหน้ากากใส่ มีหน้ากากอนามัย 1.2 ล้านชิ้น คนไทย 65 ล้านคน ความคิดทุกคนต้องมีไม่สามารถทำได้ ถ้าคิดเฉลี่ย 1 ผืนจะมีคนใช้ถึง 55 คนต่อวัน อัตราส่วนแบบนี้เป็นการเดินที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ครั้งแรกบริหารแบบปันส่วน (ดึงมา 5 แสนชิ้นต่อวัน ที่เหลือโรงงานขายเอง) ยังไงก็ไม่พอ ต่อมามีปัญหาแพทย์ขาด บุคลากรทางการแพทย์ขาด ทุกคนรับไม่ได้ สุดท้ายยึดมาทั้งหมด 1.2 ล้านชิ้น ไม่ใช่ยึดของ เอาตัวเลขมาบริหารจัดการสั่งจ่ายจากโรงงานไปปลายทาง ลำดับแรก 7 แสนชิ้นให้โรงพยาบาลรัฐ เอกชน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย กระทรวงพาณิชย์บริหาร 5 แสนชิ้น ให้คนไทย 60 กว่าล้านคน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับทุกคน เป็นการเอาตะเกียบ ไม้จิ้มฟันอันเดียวงัดไม้ซุง จับภูเขาขึ้นครกยังง่ายกว่าให้คนมีหน้ากากใช้ทุกคน" นายวิชัยระบุ
ทั้งนี้ หลังจากนำมาบริหารจัดการเองทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.63 ได้บริหารไปแล้ว 15 ล้านชิ้น ผ่านสาธารณสุข 8.5 ล้านชิ้น ผ่านกรมการค้าภายใน 7 ล้านชิ้น โดยทำหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่การทำตลาด ขนส่ง เป็นทั้งผู้จัดการฝ่ายผลิต จัดซื้อ และขนส่งจากโรงงานถึงปลายทาง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด
ปมส่งออกทำตามเงื่อนไข
นายวิชัยกล่าวว่า ปัญหาที่รู้สึกแย่คือเรื่องการอนุญาตให้ส่งออก เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โรงงานที่มาลงทุนผลิตเพื่อส่งออกได้รับการส่งเสริมการลงทุน ไม่มีเงื่อนไขเปิดช่องให้เขาขายในประเทศได้ มิเช่นนั้นจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อีกกรณีมีเงื่อนไขจ้างผลิต มีเครื่องหมายการค้า มีคำสั่งทำเป็นล็อตๆ หน้ากากนี้ขายในไทยไม่ได้ ถ้าทำพาณิชย์จะผิดกฎหมายเสียเอง เพราะเป็นผู้รักษากฎหมาย ความผิดร้ายแรงกว่าคนอื่น และกรณีสุดท้ายเป็นหน้ากากที่หมอไทยไม่ใช้ ซึ่งการอนุญาตให้ส่งออกที่ผ่านมาไม่เคยปิดปัง ไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ได้เป็นกรรมการในชุดที่อนุญาตด้วยซ้ำ โดยตัดวงจรนี้ออกไป ไม่อยากถูกกล่าวหา ขณะที่ตัวเลข 200 ล้านชิ้น จริงๆ คือสต๊อกสูงสุดที่จะผลิตได้ถ้าผลิต 4-5 เดือน ซึ่งอาจจะมีการสื่อสารผิดพลาด แต่แปลกพอพูดเรื่องจริงไม่มีคนเชื่อ
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด กรมการค้าฯ ได้ขอร้องให้โรงงานผลิตทั้ง 11 โรงปรับสายการผลิต ปรับเครื่องจักรเพื่อผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่ม ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มจาก 1.56 ล้านชิ้นต่อวัน เป็น 1.71 ล้านชิ้นต่อวัน และภายในวันที่ 18 มี.ค.63 น่าจะเพิ่มเป็น 2 ล้านชิ้นต่อวัน โดยมีเป้าที่ 2.2 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งในจำนวน 2 ล้านชิ้นที่จะมีนี้ 1.1 ล้านชิ้นจะไปที่สาธารณสุข ซึ่งสาธารณสุขยืนยันว่า 1.1 ล้านชิ้นต่อวันเพียงพอในการเตรียมรับมือการแพร่ระบาดระยะที่ 3 ส่วนที่เหลือกรมการค้าฯ จะกระจายให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป
ส่วนเรื่องที่น่าห่วงก็คือ คนไทยเวลาแตกตื่นน่ากลัวมาก สื่อออกมาสินค้าหมดชั้นวาง ถ้าจุดเป็นกระแสให้กักตุนสินค้าจะแรงกว่าหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ สุดท้ายภาระจะตกมาที่กรมการค้าภายใน ซึ่งที่ผ่านมาเคยเรียกผู้ผลิตมาคุยแล้ว ผลิตอยู่ 70% ก็บอกให้ผลิตเต็ม 100% เพราะถ้าไม่สร้างความเชื่อมั่นปัญหาจะจุดติดต้องระวัง
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายวิชัยยื่นหนังสือลาออกจะมีผลต่อการสอบสวนกรณีการกักตุนหน้ากากอนามัยหรือไม่ว่า ยังสอบต่อได้ซึ่งกระทรวงพาณิชย์กำลังตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน มาตรา 90 ที่ระบุให้ผู้มีอำนาจบรรจุและแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งในกรณีนี้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ตั้งคณะกรรมการสอบ ทั้งนี้หากมีการลาออกยังสามารถสอบสวนต่อไปได้ให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี อย่างไรก็ตามหลังถูกย้ายให้มาปฏิบัติราชการชั่วคราวที่ทำเนียบรัฐบาล สำนักนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจสอบสวนต่อเนื่องจากไม่ใช่ผู้บรรจุแต่งตั้ง แต่กระทรวงพาณิชย์อาจตั้งผู้ตรวจสำนักนายกฯ ไปร่วมสอบได้ ซึ่งเห็นว่าควรแต่งตั้ง
เมื่อถามว่าไม่กลัวถูกฟ้องกลับว่าเป็นการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมหรือ นายวิษณุกล่าวว่าไม่กลัว เพราะมีเหตุผล ซึ่งไม่ใช่เอาเขามาเพื่อให้ตำแหน่งว่างแล้วเอาใครเข้าไปแทน และไม่ได้ย้ายแต่ให้มาช่วยราชการชั่วคราว ซึ่งอาจส่งกลับไปในเร็ววันก็ได้
นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เปิดเผยว่า ขณะนี้นายวิชัยยังไม่ได้เดินทางมารายงานตัว แต่ต้องรอกระทรวงพาณิชย์ว่าจะดำเนินการอย่างไรภายหลังนายกฯ มีคำสั่งให้มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ โดยผู้บังคับบัญชายังเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้นทุกอย่างต้องรอกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ ณ เวลานี้เพียงขอให้มารายงานตัวก่อน หลังจากนั้นจะมาพิจารณาในเรื่องต่างๆ ต่อไป และขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือลาออกของนายวิชัย คงต้องรอประสานไปยังต้นสังกัดก่อน ส่วนการสอบสวนเป็นเรื่องของการตรวจสอบปัญหาหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอและกรณีกักตุนเพื่อส่งออก ไม่ได้เป็นเรื่องการตรวจสอบตัวบุคคล ซึ่งต้องไปดูขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เท่านั้นเอง เนื่องจากท่านเป็นส่วนหนึ่งของระบบ
วันเดียวกัน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยเพียงสั้นๆ ภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ว่ามารายงานในหลายๆ เรื่องไม่เฉพาะเรื่องกักตุนหน้ากากอนามัยเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนอยู่
เสี้ยม ปชป.โดนบิ๊กตู่ตบหน้า
ด้านนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การโยกย้ายอธิบดีกรมการค้าภายในไม่น่าจะเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาที่ครบถ้วน แต่เป็นเพียงการย้ายบุคลากรที่โดนครหาเท่านั้น แต่สังคมจะมั่นใจได้อย่างไรว่าหลังจากนี้จะไม่มีการลักลอบส่งออก หรือรัฐจะสามารถเร่งรัดกระบวนการผลิตและสามารถกำหนดกระบวนการกระจายหน้ากากอนามัยได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งขอเตือนนายกรัฐมนตรีว่าอย่าให้สังคมเชื่อว่าการย้ายอธิบดีในครั้งนี้ทำไปเพื่อเป็นการตัดตอนขบวนการผลประโยชน์ที่หากินกับหน้ากากเป็นอันขาด รัฐบาลต้องรีบตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนและรีบทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากสังคมกลับมาโดยด่วน
"ผมจะไม่ปล่อยให้ผู้เกี่ยวข้องลอยนวลไปได้ง่ายๆ เป็นอันขาด เพราะหลักฐานขณะนี้เชื่อได้ว่าอาจมีการกักตุนและลักลอบส่งออกหน้ากากอนามัยไปต่างประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจริงๆ และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐหรือนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ในฐานะกรรมาธิการ ป.ป.ช.จะได้เสนอปัญหาให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.และคณะเพื่อพิจารณาตรวจสอบกรณีนี้โดยเร่งด่วน ผมจะกระชากหน้ากากไอ้โม่งตัวจริงออกมาให้ได้" นายประเดิมชัยกล่าว
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า การที่นายกฯ ย้ายอธิบดีกรมการค้าภายใน โดยไม่ทันรู้ตัว หลังจากร่วมแถลงข่าวกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เท่ากับเป็นการตบหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรค เพราะนายจุรินทร์เองคงไม่ทราบว่าอธิบดีกรมการค้าภายในสังกัดของตนจะโดนย้ายแบบฟ้าผ่าและย้ายแบบข้ามหัว มิเช่นนั้นคงไม่นำออกมาแถลงข่าวด้วยแน่ ซึ่งเท่ากับอาจจะทำให้เชื่อได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลนนี้ใช่หรือไม่ อย่างไรก็ดีการย้ายอธิบดีเท่ากับ พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่าต้องมีปัญหาการหาประโยชน์จากการขาดแคลนหน้ากากอนามัยนี้จริง ดังนั้นจึงอยากให้สืบสวนเรื่องนี้ให้ไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและให้ถึงที่สุด.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |