Covid-19 กับมาตรฐานที่เปลี่ยนไป


เพิ่มเพื่อน    

 

                                                 (1)

                ดูเหมือนว่าช่วงระหว่างนี้...โศลกโบร่ำโบราณใน นิทานเวตาล ที่เคยว่าเอาไว้ว่า ชายใดไม่เที่ยวเทียวไป-ทุกข์แคว้นแดนไพร-มิอาจประสบพบสุข-ชายใดอยู่เหย้าเนาว์ทุกข์-ไม่ด้นซนซุก-ก็เรียกว่าชั่วมัวเมา ชักเป็นอะไรที่โบร้าน โบราณ ไปแล้วจริงๆ เพราะไม่ว่าจะชาย หรือหญิง ถ้าลองเอาแต่เที่ยวเทียวไป เอาแต่ร่อนมา-ร่อนไป โดยไม่คิดบันยะบันยังเหมือนแต่ก่อนแล้ว โอกาสที่จะต้องเจอกับ อาจารย์โกวิท หรือ Covid-19 งาบหัว จนมิอาจประสบพบสุข มีแต่ทุกข์กับทุกข์ ไม่ใช่เฉพาะตัวเอง แต่อาจพลอยให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ตามไปด้วย ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                                                       (2)

                การ อยู่เหย้าเนาว์ทุกข์-ไม่ด้นซนซุก ก็เลยกลายเป็นความจำเป็น ถึงขั้นต้องควบคุม บังคับ ชนิดอาจถือเป็น ความดี ชนิดหนึ่งไปแล้วก็ยังได้ อย่างในเมือง อู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น นั่นถึงขั้นต้องใช้ เครื่องบินโดรน บินลาดตระเวน สอดส่อง ดูแล ไปตามถนน รนแคมต่างๆ เพื่อดูว่ายังมีใครที่คิดออกมาเทียวมา เทียวไป เที่ยวมา เที่ยวไป โดยไม่มีความจำเป็นกันอีกหรือไม่ ขณะที่มาตรการของรัฐ มุ่งที่จะให้ผู้คนทั้งหลาย หันมาอยู่เหย้าเนาว์ทุกข์ หรือหันมาอุดอู้อยู่แต่ในบ้านซะเป็นหลักใหญ่ เพื่อไม่ให้เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มันมีโอกาสโดดมา-โดดไป เทียวมาเทียวไป หรือมีโอกาส ประสพพบสุข อย่างที่มันปรารถนาและต้องการ ได้อย่างเป็นจริง เป็นจัง และเป็นเรื่อง เป็นราว...

                                                      (3)

                และคงไม่ใช่แต่เฉพาะชาวเมืองอู่ฮั่น ชาวจีน หรือคนจีนในประเทศจีนเท่านั้น ที่หันมา อยู่เหย้าเนาว์ทุกข์ กันเป็นหลัก บรรดาชาวฝรั่ง มังค่า อย่างชาวอิตาลี หรืออิตาเลียน เป็นต้น ระหว่างนี้...ก็เริ่มหันมาอยู่เหย้าเนาว์ทุกข์ หันมาควบคุม บังคับ ให้ใครต่อใครพยายามอุดอู้อยู่แต่ในบ้านกันอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการเอาเลยทีเดียว หรือถึงขั้นปิดเมือง ปิดแคว้น ไปจนถึงต้องปิดประเทศกันจนได้ จากอาณาบริเวณที่เคยถูกประกาศเป็นพื้นที่ควบคุม ไม่ให้ใครออกไปไหนต่อไหนได้โดยเสรี กินขอบเขตพื้นที่ที่อยู่อาศัยของผู้คนประมาณ 16 ล้านคน แต่ยังต้องเพิ่ม ต้องขยาย ไปจนครอบคลุมอาณาบริเวณที่อยู่อาศัยของผู้คนประมาณ 60 ล้านคน เป็นอย่างน้อย หรือเท่ากับ ปิดประเทศทั้งประเทศ เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                    (4)

                ส่วนจะตามมาด้วยฝรั่งเยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ ไปจนถึงอเมริกา ฯลฯ อีกหรือไม่ อย่างไร? ก็ยังไม่ทราบชัด แต่ที่แน่ๆ ก็คือย่อมส่งผลให้การเทียวมา เทียวไป เที่ยวมา เที่ยวไป ของบรรดาผู้คนในระดับทั่วทั้งโลก น่าจะสะดุด หยุดชะงัก กันไปอีกตราบนานเท่านาน หรือจนกว่าจะมีการค้นพบ วัคซีน ที่สามารถต่อสู้ เอาชนะ เชื้อโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ อย่าง Covid-19 แบบมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล กันจริงๆ โอกาสที่จะ ประสบพบสุข จากการท่องเที่ยว เดินทาง ทั้งหลาย ถึงจะมีโอกาสกลับมาเป็นจริง เป็นจัง อย่างที่บทโศลกใน นิทานเวตาล ท่านได้รำพึง รำพัน เอาไว้...

                                                     (5)

                และภายใต้บรรยากาศทำนองนี้นี่เอง...ย่อมส่งผลให้ประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ซึ่งเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า เต็มไปด้วย ซี-แซนด์-ซัน อันสุดแสนจะบรรเจิด จนสามารถกอบโกยรายได้จาก การท่องเที่ยว ชนิดกลายเป็นรายได้หลัก หรือรายได้อันดับ 1 ของประเทศมานานแล้ว ย่อมหนีไม่พ้นต้อง อยู่เหย้าเนาว์ทุกข์ อันเนื่องมาจากทุนหาย กำไรหด รายได้หลักของประเทศแทบไม่เหลือพอกิน พอใช้ ได้อีกต่อไปแล้ว ถึงคิดจะแจกเงินให้คนไทยหันมาเที่ยวกันเอง ไม่ว่ารายละ 1,000 บาท หรือกี่พันก็แล้วแต่ ก็เท่ากับกลายเป็นการส่งเสริมให้คนไทยกลายเป็น พาหะ ในการนำเชื้อ Covid-19 ออกไปแพร่ระบาดในหมู่คนไทยด้วยกันเอง มากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

                                                    (6)

                ด้วยเหตุนี้...กระบวนท่าไม้ตาย หรือ เคล็ดวิชา ประเภท ชิม-ช็อป-ใช้ ทั้งหลาย มันเลยกลายเป็นกระบวนท่าที่ปราศจากฤทธิ์ ปราศจากเดช แทบไม่เหลือประสิทธิภาพ ประสิทธิผลใดๆ อย่างที่เคยงัดออกมาใช้คราวแล้ว คราวเล่า อีกต่อไปได้เลย แล้วคราวนี้...จะเอาไงดี!!! จะ อัด จะ ฉีด กันแบบไหน อย่างไร? ในเมื่อการอยู่เหย้าเนาว์ทุกข์ หรือการอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน มันกลายเป็นความจำเป็น หรือกลายเป็นความดี ความงาม ชนิดหนึ่งกันไปซะแล้ว โดยที่ยังไม่อาจรับรู้ได้เลยว่า ช่วงระยะแห่งความดี ความงาม ในลักษณะดังกล่าว มันจะทอดยาวออกไปอีกนานขนาดไหน???

                                                      (7)

                หรือสรุปง่ายๆ ว่า...ไม่เพียงแต่เชื้อ Covid-19 มันจะกลายเป็นตัวเปลี่ยน มาตรฐานความดี หรือ มาตรฐานความสุข ตามบทโศลกของ นิทานเวตาล แบบชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลังตีน มันยังอาจเป็นตัวเปลี่ยน มาตรฐานทางเศรษฐกิจ จากมาตรฐานเดิมๆ ตามแบบฉบับ ทุนนิยมเสรี ที่ต้องคอย อัด คอย ฉีด กันไปเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ ให้กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ ที่อาจไม่ต้องอาศัย GDP หรือผลิตผลมวลรวมประชาชาติเป็นตัววัด แต่อาจต้องหันไปอาศัย GNH หรือผลิตผลความสุขมวลรวมประชาชาติ เป็นตัวกำหนดกันแทนที่ หรือไม่ อย่างไร??? ก็ยังมิอาจสรุปได้ชัดเจน แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ไม่ว่าจะใช้มาตรฐานใดๆ ก็ตาม สิ่งที่เรียกๆ กันว่า ความพอเพียง ในความหมายที่ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ได้ทรงประทานไว้ให้บรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลายมานานแล้วและโดยตลอด ก็ยังคงถือเป็น คาถาศักดิ์สิทธิ์ อยู่เช่นเดิมนั่นเอง...

                            ------------------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"