การสื่อสารระหว่างรัฐบาลกับประชาชนในยามเกิดวิกฤติโรคระบาด Covid-19 ต้องถือว่า "สอบตกซ้ำซาก"

                ข้อความจากโฆษกรัฐบาลที่อ้างว่าเป็นการ "ตอบ" จดหมายเปิดผนึกของเพจ "แหม่มโพธิ์ดำ" ว่าเป็น "เพจน้ำดี" และรับปากว่าจะจัดการแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาดนั้น

                ต้องถือว่า "น้อยไป ช้าไป"

                เพราะยังไม่มีคำตอบชัดเจนจากนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าคำแก้ต่างจากรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และคนที่ถูกระบุชื่อจากเพจนี้นั้น ตกลงจะมีการจัดการอย่างไรให้ประชาชนคนไทยมีความแน่ใจ ว่าความไม่ชอบมาพากลจะต้องมีการแก้ไขอย่างฉับพลันทันด่วนและจริงจัง

                กราฟิกชิ้นนี้ผมเห็นโฆษกรัฐบาล "อาจารย์แหม่ม" นำขึ้นใน social media พร้อมข้อความว่าอย่างนี้

                “นายกรัฐมนตรี ตอบกลับ 'แหม่มโพธิ์ดำ' หลังจากได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงลุงตู่ว่า ยังคงชื่นชมแหม่มโพธิ์ดำเป็นเพจน้ำดีเหมือนเดิม ที่คอยช่วยเหลือสังคม สิ่งที่แหม่มโพธิ์ดำเปิดเผยออกมารัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตรวจสอบอยู่ หากมีการกระทำที่เป็นสิ่งที่เลวร้ายต่อประชาชนและประเทศ จะต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด

                พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่าไม่ว่าใครหน้าไหน จะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือไม่ จะมีการตรวจสอบและลงโทษขั้นเด็ดขาด ไม่มีการปกป้องใดๆ ทั้งสิ้น หากตรวจพบว่ามีการกระทำการกักตุนหน้ากากอนามัย หรือส่งขายต่างประเทศ รวมทั้งมีการขายเกินราคา โดยกระทรวงพาณิชย์ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ และยังได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.กำกับหน่วยพิเศษเฉพาะกิจ เพื่อติดตาม สืบสวนสอบสวน จับกุม และรายงานตรงต่อนายกฯ เพื่อลงโทษไม่มีละเว้น

                'เราจะดำเนินคดีทุกอย่างที่ตรวจพบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกักตุน ขายเกินราคา หรือแม้แต่กรณีการกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดไปแล้ว'

                ส่วนกรณีที่นายสนธิญา สวัสดี อดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้าร้องเรียนตำรวจ บก.ปอท.ให้ตรวจสอบเพจแหม่มโพธิ์ดำ ที่ออกมาเปิดโปงเสี่ยบอยกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น โดยขอให้เพจแหม่มโพธิ์ดำเข้าพบเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลชัดเจน นายทะเบียนพรรค พปชร.ยืนยันว่า ปัจจุบันนายสนธิญา ไม่ใช่สมาชิกพรรค พปชร.เพราะลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคนานแล้ว การกระทำของนายสนธิญา จึงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพรรค หรือรัฐบาลแต่อย่างใด”

                ที่บอกว่าเรื่องหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นที่เป็นข่าวอื้อฉาว "ได้สั่งการขั้นเด็ดขาดไปแล้ว" นั้นคืออะไร?

                ทำอะไรไปอย่างไรบ้าง?

                ที่อ้างว่าเป็นการ "ตัดต่อ" นั้น ความจริงเป็นเช่นไร?

                ที่อ้างว่าคนที่เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ กับคนที่เรียกตัวเองว่าเป็น "เอเยนต์" ที่ "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" ไม่รู้จักกันมาก่อนนั้นจริงหรือ?

                นายตำรวจที่รับเรื่องที่มีการร้องเรียนพาดพิงหนึ่งในคนที่เป็นข่าวนั้นกลับแสดงความเห็นใจผู้ต้องสงสัยด้วยซ้ำไป

                หากท่านนายกฯ เอาเทปการสัมภาษณ์ของทั้งสามคนที่ถูกโยงในเรื่องนี้มาเปิดฟัง ก็ควรจะมีคำถามเหมือนกับที่ประชาชนทั่วไปคลางแคลงใจว่ามันน่าเชื่อถือได้จริงหรือ

                เพียงแค่ฟังคำถามของพิธีกรและนักข่าว และคำตอบหลบๆ เลี่ยงๆ ของผู้ที่ตกเป็นข่าวก็พอจะสรุปได้แล้วว่าเรื่องนี้มีกลิ่นทะแม่งๆ อย่างยิ่ง

                ท่านนายกฯ ได้เห็นคำแถลงของบริษัทอาลีบาบาหรือยัง...ที่ออกมาปฏิเสธว่าบุคคลในรูปที่ถูกอ้างว่าเป็น "ตัวแทนรัฐบาลจีน" และ "เลขาฯ ของแจ็ก หม่า" นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น

                หากนายกฯ เห็นว่าเพจ "แหม่มโพธิ์ดำ" เป็นเพจน้ำดี มีความจริงใจในการช่วยค้นหาข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาของบ้านเมือง ก็ควรจะต้องทำอะไรให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าคนไทยที่ยอมเสี่ยงเพื่อเอาข้อเท็จจริงมาฟ้องสังคมนั้นควรจะต้องได้รับการตอบสนองด้วยการลงโทษคนทำผิด

                โดยเฉพาะหากคนที่อยู่ในข่ายที่ต้องสงสัยว่ามีความโยงใย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ก็จะต้องถูกกล่าวโทษหรือลงโทษอย่างรวดเร็วและชัดเจน

                ประเด็นนี้มีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนคนไทย เพราะเกิดขึ้นในขณะที่วิกฤติโรคระบาดมีผลกระทบต่อผู้คนทุกวงการ

                หากนายกฯ เพียงแค่ออกมา "แสดงความชื่นชม" และรับปากจะจัดการผู้กระทำผิด แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในการสร้างความกระจ่างให้แก่สาธารณชน

                นี่จะกลายเป็นว่านายกฯ เองจะ "ติดไวรัสการเมือง" ที่ไม่มียารักษาจริงๆ ทีเดียว!