28 มี.ค. 61 - นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์นางสาวฐปณีย์ เอียดศรีไชย ออกอากาศรายการข่าว 3 มิติ เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยนายธนาธร ยืนยันอีกครั้งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้า
ผู้จัดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ย้ำว่าถ้าไม่มีอุดมการณ์ก็ไม่รู้จะทำพรรคไปทำไม พรรคการเมืองที่ไม่ยึดติดกับอุดมการณ์ ต่อให้มีประสบการณ์ก็ไม่รู้ว่าจะทำพรรคไปทำไมเช่นกัน
"พรรคอนาคตใหม่ เริ่มด้วยคนหนุ่มสาวที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน ซึ่งผมคิดว่าเราจะขยายฐานเพื่อที่จะเชิญผู้ที่มีประสบการณ์เข้ามาร่วม โดยไม่ทอดทิ้งอุดมการณ์บางอย่างที่ชัดเจนของเรา"
นางสาวฐปณีย์ ถามว่าความหวังในเส้นทางการเมืองไปถึงตำแหน่งนายกฯ หรือไม่ นายธนาธร บอกว่าวันนี้ยังไม่มีการประชุมพรรค จึงตอบยากมากว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรค หรือตนจะเหมาะที่ตำแหน่งไหนในพรรค แต่ยืนยันว่าพร้อมที่จะทำงานในทุกตำแหน่งของพรรค
"ผมอยากจะพูดแทนพรรคอนาคตใหม่ พรรคต้องการให้มีคนของพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน เพราะเราต้องการบริหารประเทศ ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง ดังนั้นไม่ต้องเขินพรรคของเราต้องการให้หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน"
ซักว่าส่วนตัวถ้าโอกาสนั้นมาถึงจะปฏิเสธหรือไม่ นายธนาธร ตอบว่าไม่ปฏิเสธ หากโอกาสนั้นมาถึง เพราะตนยอมลาออก ยอมอะไรมาถึงขนาดนี้แล้ว
ขณะที่ นายปิยบุตร กนกแสงกุล ผู้ก่อตั้งพรรคอนาตใหม่อีกคน ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul ระบุว่า "ผมกำลังอยู่ในช่วง "เปลี่ยนผ่าน" จากชีวิตนักวิชาการมาสู่นักการเมือง จึงเป็นธรรมดาที่จะมีผู้วิจารณ์ผมเป็นจำนวนมาก และผู้วิจารณ์ก็มาจากทั้งฝ่ายอนุรักษ์นิยมและฝ่ายก้าวหน้า
ข้อวิจารณ์หลายเรื่องน่ารับฟัง และเก็บไปคิดต่อ
ข้อวิจารณ์หลายเรื่อง อาจไม่เป็นธรรมต่อตัวผมเท่าไร แต่การถกเถียงอภิปรายในช่วงเวลานี้ก็อาจไม่เหมาะสมเท่าไรนัก ผมได้แต่หวังว่า เมื่อเวลาผ่านไป ผู้วิจารณ์น่าจะเข้าใจมากขึ้น
ข้อวิจารณ์หลายเรื่อง ไม่สมควรเรียกว่าข้อวิจารณ์ แต่เป็นการสาดโคลน ทำลายล้างกัน เช่น ถ้อยคำกล่าวหาต่างๆจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง
เรื่องเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ผมคาดหมายไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตแล้ว
แต่ก็ยังคงตัดสินใจเปลี่ยนชีวิต ออกจาก "พื้นที่ปลอดภัยสะดวกสบาย" ลงมาสู่ "พื้นที่อันตรายและเสี่ยง" ด้วยความหวังว่า จะช่วยทำพรรคการเมืองที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการออกจากเผด็จการทหารเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยได้
อาชีพนักวิชาการมีเสรีภาพทางความคิด การแสดงออกทางความคิด ทางวิชาการ มากกว่า นักการเมือง แต่เราจะจัดการอย่างไรไม่ให้เสรีภาพของเราหายไปหมดจนไม่เหลือความเป็นตัวเรา
งานในแวดวงวิชาการ คือ การคิดและการนำเสนอ
งานในแวดวงการเมือง คือ การเลือกและการปฏิบััติ
ผมเข้าใจความแตกต่างและข้อจำกัดเหล่านี้
ผมไม่มีปัญหาใดๆกับการวิจารณ์
ยิ่งมีผู้วิจารณ์มาก ก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสนใจ ความคาดหวัง
ยิ่งมีผู้วิจารณ์มาก ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความหวังในการสร้างสนามประชาธิปไตยให้กลับมาอีกครั้ง
ยิ่งมีผู้วิจารณ์มาก ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความกระตือรือร้นทางการเมือง ความเป็นการเมืองจะกลับมา มิใช่อยู่เฉยปล่อยให้เผด็จการอยู่ต่อไป..."
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |