ฝ่ายค้านประเดิมซักฟอกนอกสภา รุมซัดรัฐบาลใช้ไอโอสร้างความแตกแยกเกลียดชัง "ก้าวไกล" สะดุด! "คารม" ไม่ไปต่อ อ้างพรรคใหม่ละเลยภาคอีสาน ชี้ "พิธา" น่ารักแต่การเมืองคนละเรื่องกับหน้าตา
ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม เวลา 10.00 น. ฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นความร่วมมือของพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค เปิดซักฟอกนอกสภา เวทีที่ 1 ‘แฉกระบวนการไอโอ ฉีกหน้ากากขบวนการเพิ่มความขัดแย้ง’ มีพล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย, นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกชั่วคราวพรรคก้าวไกล, นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย, นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, นายโอมาร์ หนุนอนันต์ เยาวชนคนรุ่นใหม่ Producer ปั่นประสาท podcast ร่วมเสวนา
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (ฝ่ายค้านเพื่อประชาชน) กล่าวเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา มีเรื่องที่ใหญ่มาก ถือว่ายิ่งใหญ่กว่าอาชญากรรม คือการสร้างให้ประชาชนเกิดความเกลียดชัง แบ่งฝ่าย ไม่ว่าใครทำสิ่งนี้ ถือว่าทำให้ประเทศแตกแยก สิ่งที่พบมีการนำงบประมาณ 2563 มีงบที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ 2,000 ล้านบาท งบอบรม 8,000 ล้านบาท งบด้านมั่นคงกว่าหมื่นล้านบาท และงบในภาคใต้อีกกว่าหมื่นล้านบาท ไปสร้างให้เกิดความแตกแยกเกลียดชัง ถือว่าเป็นการฆาตกรรมมวลชน
พล.ท.ภราดรกล่าวว่า การปฏิบัติการข่าวสาร Information Operation หรือที่เรียกว่าไอโอ เป็นรูปแบบหนึ่งที่จะสื่อสารไปยังเป้าหมาย เพื่อให้เขาเชื่อตามที่เราจะให้เขาเชื่อ ซึ่งมีทั้งให้เชื่อความจริงที่เป็นความจริง และความจริงให้เชื่อว่าเป็นความเท็จ ซึ่งแนวทางทหารมี 4 อย่างคือ บ่อนทำลาย แกนนำปฏิวัติ มวลชน และแนวทางดั้งเดิม แต่สิ่งที่เกิดปัญหา พอไอโอผู้รับผิดชอบเป็นกองทัพ ไปๆ มาๆ ตาเริ่มพร่ามัว มองคนที่เห็นต่างกลายเป็นอริราชศัตรู ในอดีตอาจทำได้ เพราะทหารเผชิญภัยคอมมิวนิสต์ สามารถใช้ได้ แต่ปัจจุบันไม่ใช่ สิ่งนี้เกิดจากการยึดอำนาจ ทหารนำมาใช้ในทางการเมือง ถ้าเป็นประเทศเจริญแล้วทหารจะไม่ยุ่งการเมือง
นายวิโรจน์กล่าวว่า สิ่งที่กังวลสุดคือการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกมองว่าเป็นการก่อความไม่สงบ ประชาชนถูกมองเป็นศัตรูของชาติ เรื่องเหล่านี้ถูกรีรันมาหลายครั้ง เช่น การฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป ควายแดง ชังชาติ คือการสร้างความชอบธรรม จริง-ไม่จริงไม่สำคัญเท่ากับเชื่อ-ไม่เชื่อ และเชื่อ-ไม่เชื่อไม่สำคัญเท่ากับถูกแบ่งฝ่าย ทุกวันนี้เราเกลียดกันโดยการถูกยุยงปลุกปั่นให้เกลียดกันใช่หรือไม่ ถ้าเมื่อไหร่แบ่งเขาแบ่งเรา ที่น่ากังวล คนที่มาด่าเราอาจไม่ใช่ไอโอ แต่เป็นภัยแทรกซ้อน เป็นผลผลิตจากไอโอ เป็นความเกลียดชังขยายตัว แม้สิ่งที่ได้ถามในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับปฏิบัติการไอโอ มีการใช้หน่วยงานของรัฐ โดยใช้ไฟฟ้ารัฐ ใช้น้ำรัฐหรือไม่ ยังไม่มีคำตอบกลับมา แต่เชื่อว่ากรอบความคิดเขายังไม่เปลี่ยน และกำลังขายแฟรนไชส์จากรัฐไปสู่เอกชน การเอาคนจำนวนมากมาทำงานแบบนี้ คิดว่าจะปกป้องความลับได้หรือ เมื่อเขาทนไม่ไหวก็ต้องเปิดเผยออกมา เชื่อว่าคนยุคใหม่รู้ทัน เมื่อไหร่ก็ตามเขาอึดอัด เดี๋ยวก็โป๊ะแตกอีกรอบ
นายนิคมกล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการยื่นกระทู้สดหรือมี ส.ส.ร่วมกันลงชื่อ ยื่นญัตติด่วนเพื่อสอบถาม นายกฯ ว่าได้รู้เห็นกับปฏิบัติการไอโอหรือไม่ เชื่อว่า ส.ส.ไม่ปล่อยให้ผ่านแน่นอน
นางอังคณากล่าวว่า หน่วยงานความมั่นคงหวาดระแวงประชาชนอย่างมาก กำราบคนเห็นต่างด้วยวิธีคิดโจมตีคนเห็นต่างแบบนี้ ตนเคยวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานความมั่นคง เมื่อเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ยังโดนโจมตีเยอะมาก เลยใช้วิธีการสกปรกมากล่าวหา เรื่องนี้คงไม่จบแค่นี้ ในเวทีโลกเบลมมิงประเทศไทยมาต่อเนื่องหลายปี เราไม่ได้อยู่ในยุคที่จะปิดบัง ปิดตาคนได้ทั้งหมด เราต้องถูกตรวจสอบได้ ทหารก็ต้องถูกตรวจสอบ ไม่ควรใช้วิธีการทำให้คนอื่นด้อยค่า และยิ่งมาทำต่อผู้หญิง ถือเป็นวิธีไร้ศักดิ์ศรีและสกปรก ส่วนที่ถามว่านายกรัฐมนตรีอายหรือไม่ที่ประเทศถูกด่าแบบนี้ จริงๆ ก็อยากให้นายกฯ ไปตอบคำถามนี้ด้วยตัวเอง
รายงานข่าวจาก ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่เปิดเผยว่า นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้ออกจากไลน์กลุ่มของ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารการทำงานของกลุ่ม ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ไป ซึ่ง ส.ส.ที่เหลืออยู่ตั้งข้อสังเกตว่านายคารมจะไม่ไปร่วมงานกับพรรคก้าวไกล ซึ่งเดิม ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ 55 คน นัดรวมตัวจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกในวันที่ 14 มี.ค.นี้ ที่ศูนย์ประสานงานฝั่งธนบุรีอดีตพรรคอนาคตใหม่ โดยกลุ่ม ส.ส.อยู่ระหว่างการโน้มน้าวนายคารมให้ร่วมงานกันต่อไป
ด้านนายคารมให้สัมภาษณ์ว่า ออกจากกลุ่มไลน์เพราะอยากคิดอะไรโล่งๆ และทบทวนสิ่งที่ผ่านมา โดยหลังการประชุมอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เห็นทิศทางโครงสร้างการทำงานของพรรคใหม่ว่ามีเรื่องของภาคอีสานน้อยมาก เมื่อมาถึงจุดหนึ่งก็ต้องทบทวนทิศทางที่จะเดินไปช่างละเลยกับคนอีสาน ที่ผ่านมาเคยอดทนมาหลายครั้งแล้ว ตนไม่พูดไม่ได้เพราะเป็นคนอีสาน แต่พรรคที่เราจะไปไม่ให้ความสำคัญ ยังไม่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้เท่าที่ควร ส่วนเรื่องการปฏิรูปทหารหรือแก้รัฐธรรมนูญ การกระจายอำนาจ ตนไปอยู่พรรคไหนก็ชูประเด็นเรื่องนี้และสามารถพูดได้อยู่แล้ว และหากครั้งนี้ตัดสินใจไปที่ไหนจะมาว่าตนเป็นงูเห่าไม่ได้ เพราะเวลานี้ไม่ได้สังกัดพรรคไหน และยังมีเวลาคิด ว่าการเมืองในวันข้างหน้าตอบโจทย์เราหรือไม่ และยังไม่ทราบว่าใน 55 ส.ส. มีคนคิดแบบตนอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม วันนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะไปไหน เพราะยังเหลือเวลาอีก 1 เดือนกว่าในการสังกัดพรรคใหม่ ยังตอบไม่ได้ว่าวันที่ 14 มี.ค.นี้จะไปปรากฏตัวในการสมัครเข้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ ซึ่งหากตัดสินใจอย่างไรเชื่อว่าจะมีคนวิจารณ์เรามาก แต่ยืนยันว่าสามารถตอบคำถามและมีคำอธิบายให้ประชาชนได้หมด ยังบอกไม่ได้ว่าจะไปพรรคไหน หรืออาจจะไปร่วมกับพรรคฝ่ายค้านด้วยกันก็ได้ ตนอยู่มาทั้ง นปช.และพรรคเพื่อไทย และไม่เคยทำอะไรขัดต่อความรู้สึกของตัวเอง
“ว่าที่หัวหน้าพรรคใหม่ก็เป็นคนน่ารักและมีความรู้ความสามารถ แต่การทำงานทางการเมืองเป็นคนละเรื่องกันกับหน้าตา เหมือนสามีภรรยา สามีไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่กับภรรยาที่เป็นคนสวย แต่จะอยู่กับคนที่เข้าใจเขาและมีความเห็นอกเห็นใจกันเพื่อสร้างครอบครัวให้แข็งแรงมั่นคง” นายคารมระบุ
ขณะที่ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. อดีตพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า อยากเตือนสตินายคารมด้วยความหวังดีว่า สถานะของคุณคารมนั้นเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เข้ามาในสภาก็เพราะพรรค ไม่ใช่ด้วยตัวของนายคารมเอง อำนาจการตัดสินใจว่าควรอยู่ต่อหรือไป ควรเป็นของประชาชนและพรรค การละทิ้งพรรคไปเช่นนี้เท่ากับละทิ้งเสียงของประชาชน ถ้านึกจะย้ายก็ย้ายกันง่ายๆ แล้วจะเรียกตัวเองว่าผู้แทนฯ ได้อย่างไร ฝากไว้ให้คิด
ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสาธุ อนุโมทามิ ประธานกลุ่มสามัคคีสร้างชาติ และหัวหน้าพรรคพลังไทยดี พร้อมด้วยตัวแทนพรรคการเมืองอีก 7 พรรค เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้เสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครอง ตีความหลังศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากขณะนี้สภาไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวน 11 คน แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้คำนวณหรือเลื่อนลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ขณะที่ตามกฎหมายการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะครบ 1 ปี นับจากการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |