ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net หลังองค์การอนามัยโลกประกาศให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 เป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก (Pandemic) อย่างเป็นทางการ  เนื่องจากขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 1.2 แสนราย  ส่วนผู้เสียชีวิตพุ่งไปกว่า 4 พันคน ขณะที่ของไทยเองก็เพิ่งพบผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มรวดเดียวถึง 11 ราย ทำให้ประหวั่นเข้าใกล้ระยะ 3 เต็มที

                ๐ ถึงแม้ประเทศกำลังฝ่าวิกฤติโควิด-19 ในส่วนของการเมืองก็ยังไม่ชะลอ ฝ่ายค้านยังเดินหน้าขยี้ "บิ๊กตู่" นอกสภา ประเดิมเปิดซักฟอกนอกสภาเวทีแรก ประมาณอารมณ์ค้างจากอภิปรายไม่ไว้วางใจ รุมชำแหละประเด็นไอโอภาค 2 ตั้งข้อหาฆาตกรรมมวลชน เนื้อหาก็ไม่มีอะไรใหม่ให้น่าตื่นเต้น จะว่าไปศึกนอกยังไม่ปวดหัวเท่าศึกใน ทั้งในพรรคตัวเอง ขนาดพี่ใหญ่ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐยังเอาไม่อยู่ ปล่อยลูกพรรคทำงามหน้า แถมฟัดกันเละ รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลก็เขย่าให้ปวดหัวหนักเข้าไปอีก "พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" เลยต้องออกโรงขอหย่าศึกการเมือง (ชั่วคราว) "อยากให้พักการเมืองไว้ก่อน เพราะตอนนี้ทุกคนต้องเร่งแก้ปัญหาทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เราต้องรวมพลังเพื่อให้ผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ก่อน รวมถึงเรื่องเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโควิด-19 หากมัวแต่มานั่งทะเลาะกัน เชื่อว่าครั้งหน้าไม่ว่าใครก็ตามที่กลับไปเลือกตั้งจะเหนื่อยทุกคน อยากให้เข้าใจว่าหากประชาชนอยู่ไม่ได้ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้"

                ๐ ไม่ทันไร "ก้าวไกล" ก็ปริซะแล้ว จาก "อนาคตใหม่" ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการเมืองไทย ภายใต้การนำของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ลงเลือกตั้งครั้งแรกก็กวาดถึง 80 เก้าอี้ในสภาผู้แทนราษฎร รั้งพรรคอันดับ 3 แซงพรรคพระแม่ธรณีฯ ที่อยู่มายาวนานกว่า 70 ปี แต่วิวัฒนาการของ อนค.กลับตีบตัน เริ่มจากตัวหัวหน้าพรรคที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลง จากกรณีถือหุ้นสื่อวี-ลัค มีเดีย ต่อมาก็เกิดปรากฏการณ์งูเห่าโหวต พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ สวนทางมติพรรค จนพรรคขับออกทั้ง 4 คน ก่อนจะโดนศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี จำนวน 16 คน ในจำนวนนี้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 11 คน แต่ "ทอน" ไม่ย่อท้อส่งไม้ต่อให้ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" นำพรรคใหม่ต่อ ปรากฏว่า 65 คนที่เหลือกลับแตกรัง 9 คนย้ายไปซบอกเสี่ยหนู อีก 1 คนเข้าข้องปลาไหลของลูกท็อป ก็น่าจะสะเด็ดน้ำที่ตัวเลข 55 ตามที่ "ทิม" ประกาศไว้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่แล้ว "ทนายเสื้อแดง" คารม พลพรกลาง ไม่ไปต่อ ขอพอแค่นี้ แย้มๆ ว่าน่าจะเลือกเข้าสังกัดพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคใดพรรคหนึ่ง ที่แน่ๆ ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย เพราะหมดสิทธิ์มี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ส่วนพรรคที่เหลือมีลุ้นทั้งนั้น โดยเฉพาะพรรคประชาชาติ

                ๐ "ว่าที่หัวหน้าพรรคใหม่ก็เป็นคนน่ารักและมีความรู้ความสามารถ แต่การทำงานทางการเมืองเป็นคนละเรื่องกันกับหน้าตา เหมือนสามีภรรยา สามีไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่กับภรรยาที่เป็นคนสวย แต่จะอยู่กับคนที่เข้าใจเขาและมีความเห็นอกเห็นใจกันเพื่อสร้างครอบครัวให้แข็งแรงมั่นคง" แยกทางเดินไม่พอ ยังทิ้งทุ่นเต็มๆ ใส่ "พิธา" ส่งนัยไม่เชื่อมั่นในตัวว่าที่ผู้นำพรรคก้าวไกล จะว่าไปที่ผ่านมาพิธาก็ไม่ได้ฉายแววภาวะผู้นำสักเท่าไหร่ แถมยังมีเสียงยี้เรื่องความรุนแรงในครอบครัว ก่อนหน้านี้อดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคส้มหวานออกมาตั้งคำถามนี้เอง รวมถึงการเหยียดเพศ ซึ่งน่าจะมาจากบทสัมภาษณ์ในรายการ "THAIRATH TALK" ว่า "คุณทิมขอไม่ให้คบเพื่อนที่เป็นเกย์ หรือทอม หรือคนที่ลักษณะภายนอกไม่ใช่ผู้หญิง ไปคุยด้วยหรือไปอะไรด้วยก็ไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่า มันไม่เหมาะ" ต่าย-ชุติมา เล่าให้ฟังถึงหนึ่งในข้อบังคับที่สามีเธอตั้งกฎไว้ เลยอดแปลกใจไม่ได้ เพราะช่างสวนทางกับแนวทางของอดีตพรรคอนาคตใหม่ที่ชูความหลากหลายทางเพศ และ ส.ส.หลายคนก็เป็น ส.ส.ข้ามเพศ หรือกลุ่ม LGBT

ลี้คิมฮวง