คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงของการทำงานการกุศล ช่วยเหลือสังคมมายาวนาน ตั้งแต่สมัยคุณแม่อย่าง คุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์ กระทั่งสู่รุ่นลูกอย่าง คุณชา-รัญชา บริบาลบุรีภัณฑ์ สาวสังคมในวัย 60 ปี ซึ่งรับช่วงต่อจากมารดาในการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกทั้งเป็นนายกสโมสรโรตารี และนายกสโมสรซอนต้าสากล กรุงเทพฯ และที่ปรึกษามูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งทำมานานกว่า 20 ปี งานเพื่อสังคมรัดแน่นตลอดทั้ง 7 วันอย่างนี้ ไหนจะกระแสไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดอยู่ทั่วโลก และส่งผลกระทบไปในบริเวณกว้าง แต่ทว่าสาวสังคมรุ่นใหญ่นั้นก็ไม่ลืมดูแลสุขภาพ เพราะสุขอนามัยที่ดี ย่อมเป็นพลังในการทำงานสิ่งดีๆ ให้สังคมต่อไป
คุณรัญชา นายกสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์ เล่าให้ฟังว่าช่วงนี้งานเพื่อสังคมนั้นค่อนข้างรัดตัวเยอะ และทำอยู่หลายที่ ประกอบกับตอนนี้บ้านเรากำลังประสบปัญหากับเชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด แต่เนื่องจากบ้านเราค่อนข้างอากาศร้อน อีกทั้งเชื้อไวรัสร้ายดังกล่าวนั้น หากอยู่ในอุณหภูมิ 30 องศาขึ้นไปก็จะไม่มีปัญหา แต่ทั้งนี้เจ้าตัวก็ไม่ลืมดูแลตัวเอง โดยการสวมหน้ากากอนามัยเวลาไปไหนมาไหน เพราะการที่ตระหนกตกใจมากเกินไป อาจกระทบต่อการใช้ชีวิต แต่ก็จะไม่ประมาทเช่นเดียวกัน อีกทั้งหมั่นหาเวลาว่างออกกำลังกายด้วยการตีแบดมินตันและว่ายน้ำ
“ตอนนี้ก็อายุ 60 ปี ย่างเข้า 61 ปีแล้ว การดูแลสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ยิ่งช่วงนี้ก็จะหลีกเลี่ยงการไปต่างประเทศตามคำเตือน และเวลาที่ออกไปไหนมาไหน ก็พยายามสวมหน้ากากอนามัย กินร้อนช้อนกลางและหมั่นล้างมือ เพราะการที่ตระหนกมากเกินไปก็ไม่เป็นผลดีกับชีวิต แต่ทั้งนี้ต้องอยู่กับไวรัสร้ายแบบรับมือได้อย่างถูกต้องเหมาะสม รวมถึงก็จะพยายามหาเวลาว่างไปออกกำลังกายให้มากขึ้น เช่น การตีแบดมินตันและการว่ายน้ำ เป็นต้น ส่วนการเลือกกินอาหารนั้น ก็จะเลี่ยงอาหารจังก์ฟู้ดให้น้อยที่สุด หรือหากอยากกินแฮมเบอร์เกอร์สักชิ้นนั้น ก็ต้องเว้นไป 4-5 เดือน ไม่ใช่กินทุกวันเพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ ประกอบกับในร่างกายของเราทุกคนก็จะมีเซลล์มะเร็งอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเราเครียดแน่นอนว่าโรคร้ายดังกล่าวก็จะถามหาเราได้ง่ายกว่าคนที่สุขภาพกายและจิตดี หรือแม้แต่การบริโภคอาหารค้างคืนบ่อยๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ก็จะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งได้ ดังนั้นเมื่อเรารู้แล้วก็ต้องเลี่ยงค่ะ หรือแม้แต่การบริโภคช็อกโกแลต ที่หลายคนมองว่าช่วยคลายเครียด แต่เมื่อไรที่เรากินหมดกล่อง ก็จะทำให้เราเป็นโรคอ้วนได้ในที่สุด ดังนั้นทุกอย่างต้องอยู่บนความพอเพียง และพี่ก็เชื่อเสมอว่า ถ้าเรากินอาหารดี คุณภาพชีวิตของเราก็จะดีเช่นกัน ดังคำกล่าวที่ว่า “you are what you eat” ค่ะ จึงให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารมาก”
ส่วนการดูแลสุขภาพจิตใจให้เบิกบาน เพื่อสู้กับไวรัสร้ายรวมถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำงานนั้น นายกสโมสรโรตารี บอกว่า “เราต้องรู้จักการปล่อยวาง เพราะการทำงานในทุกวันนั้นย่อมมีปัญหาใหม่ๆ เข้ามาซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ที่สำคัญปัญหาเกิดได้ทุกวัน ดังนั้นหากเราได้คิดแก้ปัญหา ก็จะทำให้เราได้ฝึกสมองทุกวันเช่นเดียวกัน ที่สำคัญต้องไม่คิดว่าปัญหานั้นเป็นภาระ และทำให้เรารู้สึกไม่สนุกในการทำงาน หรือตายละ เราไม่น่าเกิดมาเลย ซึ่งถ้าเราคิดแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีความสุข คือการที่เราหมั่นทำบุญ เพื่อเสริมมงคลให้ชีวิตดีขึ้นไป
นอกจากนี้ เวลาที่เรามีความสุขในการไปเที่ยวหรือไปพบปะกับใครแล้วรู้สึกดี เราก็จะเลือกไปกับบุคคลนั้น ตรงกันข้ามถ้าหากว่าเราไปแล้วรู้สึกว่าไม่สนุกหรือมีคนไม่ชอบเรา เราก็จะเลือกไม่ไป ดังนั้นการที่ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ด้วยการอยู่ท่ามกลางคนที่เรารักและรักเรา ก็จะทำให้ใช้ชีวิตด้วยความสุขและไม่วิตกกังวลใดๆ นอกจากนี้หากมีคนที่คิดไม่ดีกับเรา ก็อโหสิกรรมให้กับเขาค่ะ โดยสรุปแล้วการใช้ชีวิตของพี่คือการยึดตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยที่ไม่ตระหนี่จนเกินไป หมายความถ้ามีเงิน 100 บาท ก็ใช้ประมาณ 50 บาท ที่เหลือก็เก็บไว้ เพราะถ้าเรามีเงิน 100 บาทแล้วใช้ 1 บาท ก็ถือว่าประหยัดมากเกินไป”
ไล่มาถึงการทำงานในวัยหลัก 6 คุณรัญชา บอกว่า แม้จะอยู่ในวัยที่อยากพักและมีแพลนเดินทางไปท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ แต่เนื่องจากงานที่ทำ อย่างการเป็นนายกสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษในพระบรมราชูปถัมภ์นั้น ยังไม่มีคนเข้ามาสานต่อ ดังนั้นจึงยังดำรงตำแหน่งต่อ และที่สำคัญคือการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการพัฒนาองค์กรให้เป็นที่รู้จัก กระทั่งล่าสุดได้รับรางวัล 2-3 รางวัลในการทำงานดีเด่น จากทางสมาคมนักเรียนเก่าอังกฤษ ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นความภูมิใจการทำงาน ซึ่งได้รับมอบหมายเพื่อให้ดีที่สุด สิ่งเหล่านี้ก็ถือเป็นการพิสูจน์ความสามารถในการทำงานเมื่อเข้าสู่วัยหลัก 6 ได้
“ต้องบอกว่าการทำงานเพื่อสังคมในทุกวันนี้ ถือว่าค่อนข้างหนักและทำงานตลอด 7 วันเลย แต่ก็ไม่ลืมหาเวลาพักผ่อนง่ายๆ อย่างการเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ รวมถึงการฟังเทศน์พระอาจารย์ชื่อดังอย่าง หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น รวมถึงฟังธรรมะของท่านพุทธทาสภิกขุ และนั่งวิปัสสนาด้วยตัวเองในตอนกลางคืน แม้บางวันจะงานยุ่ง ทำให้ปฏิบัติได้ในระยะเวลาที่ค่อนข้างน้อย ที่สำคัญการเป็นนายกสมาคมต่างๆ นั้น ถือได้ว่าเป็นหัวโขน เพราะวันที่เราไม่ได้เป็นนายกฯ เราก็จะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น แต่ทั้งนี้ในขณะที่เรากำลังดำรงตำแหน่งอยู่นั้น ก็ต้องทำงานให้ดีที่สุด เพื่อพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้นไป ส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมาว่าเราได้ ดังนั้นเมื่อรับผิดชอบอะไรก็ตามต้องทำให้ดีที่สุดค่ะ แม้ว่าทุกการทำงานย่อมจะมีปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง แต่เราก็ต้องข้ามผ่านปัญหาไปให้ได้ ที่สำคัญทุกคนนั้นย่อมมีจุดอ่อน เมื่อรู้แล้วเราก็ต้องปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้แก้ไขปัญหาที่เข้ามาด้วยปัญญา ที่สำคัญเราทำงานช่วยเหลือสังคมมานานหลายสิบปี และก็เคยช่วยเหลือคนหลายรูปแบบ กระทั่งคนที่มีปัญหาโรคซึมเศร้า เพื่อให้เขาได้รับการรักษาและกลับมาเป็นคนปกติ
ตรงนี้พี่จึงไม่เคยคิดว่าจะต้องมีคนมาตอบแทนเรา หรือต้องเอาของขวัญมาให้เรา ตรงนั้นพี่ไม่เคยคิดเลยค่ะ เพราะสิ่งที่ได้ให้และได้ช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด ผ่านรูปแบบของงานที่เราได้ทำนั้น มันทำให้เรามีความสุข ยกตัวอย่างว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราได้ลงไปให้การช่วยเหลือคนยากไร้ โดยลงพื้นที่ไปมอบเงินเพื่อให้ทุนช่วยเหลือกับครอบครัวที่ยากไร้ จนเราให้เงินหมดกระเป๋าเลย ซึ่งเคสนั้นเราต้องการช่วยจริงๆ เพราะสงสารเขา เนื่องจากมีทีมสำรวจว่าเขาขัดสนจริง ซึ่งสิ่งที่เราทำก็ไม่ได้หวังสิ่งใด เพราะสังคมทุกวันคนจนนั้นมีมากกว่าคนรวย ถ้าสิ่งใดที่เราช่วยได้เราก็ช่วย แต่ถ้าช่วยไม่ได้นั้น เราก็ต้องถอยออกมาค่ะ”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |