พบผู้ป่วยโควิด-19 ในไทยเพิ่มพรวด 6 ราย เป็นเจ้าหน้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ 2 ราย เจ้าของร้านอาหารในตึก All Seasons Place พนักงานบริษัทวิศวกรอีก 2 รายเพิ่งกลับจากเกาหลี-ญี่ปุ่น สัญญาณไม่สู้ดี! "บิ๊กตู่" เรียกประชุมเครียดรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกเลิกฟรีวีซ่า อิตาลี ฮ่องกง และเกาหลีใต้ เลิก VOA 18 ประเทศเสี่ยง คุมเข้มชาวต่างชาติหลังระบาดหนักทั่วโลก "วิณษุ" พูดชัด เตรียมยกระดับสู่ระยะที่ 3
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า วันที่ 11 มี.ค. มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่มขึ้น 6 ราย คือ
1.ชายอายุ 21 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เข้ารับรักษา รพ.รัฐ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. ด้วยอาการไข้ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ ผลตรวจแล็บ 2 แห่งยืนยันตรงกันว่าเป็นไวรัสโคโรนา 2019
2.ชายไทยอายุ 40 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจค้นประจำสนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มป่วยวันที่ 7 มี.ค. ด้วยอาการไข้ มีน้ำมูก ปวดศีรษะ เข้ารับการตรวจรักษา รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ด้วยอาการไข้ ไอ มีเสมหะ ปวดศีรษะ
3.ชายไทยอายุ 25 ปี พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง มีประวัติเริ่มป่วย ด้วยอาการไข้ ปวดกล้ามเนื้อ เมื่อวันที่ 25 ก.พ. แล้วไปรักษาที่ รพ.เอกชน แพทย์เอกซเรย์พบมีปอดอักเสบ เข้าได้กับนิยามปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ จึงตรวจหาเชื้อทางแล็บ พบว่ามีเชื้อไวรัสสาเหตุก่อโรคโควิด-19 จึงส่งมารักษาที่สถาบันบำราศนราดูร
4.หญิงไทยอายุ 27 ปี กลับจากเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. และเริ่มป่วยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. เข้ารับการรักษาที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. วันที่ 28 ก.พ. ด้วยอาการไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ปวดศีรษะ โดยผลแล็บออกวันที่ 8 มี.ค. พบเชื้อสาเหตุการก่อโรค จึงส่งรักษาตัวมาที่ รพ.นพรัตนราชธานี เมื่อวันที่ 10 มี.ค.
5.ชายไทยอายุ 40 ปี กลับมาจากประเทศญี่ปุ่น วันที่ 25 ก.พ. โดยก่อนกลับเกิดอุบัติเหตุล้มมีกระดูกข้อมือแตก เข้ารับการรักษา รพ.ที่ญี่ปุ่น กลับถึงไทยวันที่ 26 ก.พ. และไปรับการรักษาต่อที่ รพ.เอกชนจากกระดูกข้อมือหักวันที่ 27 ก.พ. เนื่องจากมีความเสี่ยงจึงดำเนินการตรวจแล็บ จึงพบเชื้อที่ก่อโรค อยู่ระหว่างการรักษา
และ 6.ชายสิงคโปร์อายุ 36 ปี เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งใน กทม. เริ่มป่วยวันที่ 6 มี.ค. ด้วยอาการไข้ ไอ ปวดเมื่อยตามตัว เข้ารับการตรวจที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ตรวจพบการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะนี้รับการส่งต่อมาสถาบันบำราศนราดูร
นพ.โสภณกล่าวว่า สรุปประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 59 ราย รักษาหายเพิ่ม 1 ราย รวมเป็น 34 ราย เสียชีวิต 1 ราย ยังรักษาตัวอยู่ใน รพ. 24 ราย โดยยังมีอาการหนัก 1 ราย รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 4,848 ราย กลับบ้านแล้ว 2,945 ราย เหลืออยู่ใน รพ. 1,903 ราย
ส่วนแรงงานไทยนอกระบบจากเกาหลีใต้ที่ฐานทัพเรือสัตหีบทั้งหมด 241 คน เป็นชาย 104 คน หญิง 137 คน (มาจากเมืองแทกูและคย็องซังเหนือ 8 คน) มีกลุ่มดูแลพิเศษ 29 คน เป็นหญิงตั้งครรภ์ 6 คน เด็กเล็ก 5 คน มีโรคประจำตัว 18 คน ผลการคัดกรองไม่พบผู้อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง ทุกคนไม่มีไข้
ยืนยันยังอยู่ระยะ 2
ส่วนกรณีพนักงานบริษัทชาวสิงคโปร์ที่มีข่าวว่าติดเชื้อภายหลังเดินกลับจากประเทศไทย เข้ามาพักในประเทศไทยเพียง 1 วันและมีประวัติเดินทางไปหลายประเทศก่อนมาไทย กรมควบคุมโรคได้สอบสวนโรคและเก็บตัวอย่างผู้สัมผัสในบริษัทเดียวกัน 84 คน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคจะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจัดเสวนาถอดบทเรียนผู้ป่วยยืนยันและผู้สัมผัส
นพ.โสภณระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยยังอยู่ในระยะที่ 2 คือมีการแพร่เชื้ออย่างจำกัด การติดต่อจากต่างประเทศมายังคนไทยในประเทศไทยอย่างจำกัด แต่ระยะ 3 คือติดจากต่างประเทศมายังคนไทยและติดต่อไปอีกหลายระลอก ดังนั้นยังไม่เข้าสู่ระยะ 3
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ป่วยรายที่ 6 คือ รายที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร Ohana PokE ในตึก All Seasons Place ที่มีการออกมาโพสต์ว่าตนเองป่วยและสั่งปิดร้านเพื่อทำความสะอาดแล้ว
เว็บไซต์กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้มีการออกคำแนะนำเพิ่มเติมพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่องและควรหลีกเลี่ยงการเดินทาง ซึ่งเดิมมี 5 ประเทศ คือ ไต้หวัน สิงคโปร์ เยอรมนี ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น พบว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. เวลา 22.00 น. ได้มีการเพิ่มประเทศใหม่คือสเปน
ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เรียกประชุมรัฐมนตรีและตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน เพื่อเพิ่มความเข้มข้นมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า วันนี้จำเป็นต้องจัดประชุมโดยเร่งด่วนเพื่อรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ข้อมูลการแพร่ระบาดในขณะนี้เราจึงจำเป็นต้องมาทบทวนและรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การหารือวันนี้ได้กำหนดมาตรการรองรับคนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาจากประเทศที่เสี่ยงและมาตรการการดูแลคนไทยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน และอาจต้องดูแลเป็นพิเศษตามสิทธิการเป็นพลเมืองไทย
นายกฯ กล่าวว่า มาตรการคัดกรองจากการหารือภาคปฏิบัติ ทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ประจำสนามบิน ท่าเรือ ท่าอากาศยาน รวมทั้งช่องทางต่างๆ ที่กระทรวงกลาโหมดูแล ปัจจุบันมีการตรวจสอบเข้มข้น สำหรับคนที่จะเข้ามายังประเทศไทย ถ้าผ่านเข้ามาตามกติกา อาจจะมีความยุ่งยากมากขึ้น ในเรื่องของ Visa on Arrival (VOA) และฟรีวีซ่า หรือ ผ.30 โดยจะมีมาตรการจากกระทรวงมหาดไทยออกมา โดยใช้กฎหมายคนเข้าเมือง
ยกเลิกฟรีวีซ่า
"มอบหมายกระทรวงการต่างประเทศติดต่อพูดคุยกับเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ส่งข้อมูลไปยังมิตรประเทศตามความจำเป็นว่าเรามีมาตรการอย่างไร เพื่อเตรียมความพร้อม ทั้งนี้ ทุกสถานทูตและสถานกงสุลต้องเตรียมรองรับมาตรการเหล่านี้ เพราะทุกคนที่จะเข้ามายังประเทศไทยต้องไปขอวีซ่าตามระบบเดิมทั้งหมดที่สถานทูต หลังจากยกเลิก VOA และฟรีวีซ่า"
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนการควบคุมตัวกลุ่มเสี่ยงตามความเข้มข้นในมาตรการรัฐบาล ในพื้นที่ภูมิลำเนาจะต้องเชื่อมโยงต่อมาจากสนามบิน และขนส่งไปถึงจังหวัดตามภูมิลำเนา โดยกระทรวงคมนาคมจัดยานพาหนะ โดยกำหนดเป็นรถโค้ช จะไม่มีการปล่อยคนลงกลางทางเด็ดขาด จะส่งให้ถึงพื้นที่ต้นทางของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีการแต่งตั้งผู้ช่วยเจ้าพนักงานลงไปถึงผู้ว่าฯ สาธารณสุขจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบตามครัวเรือน ทุกคนมีหน้าที่ตามกฎหมาย
นายกฯ กล่าวอีกว่า สำหรับคนไทยที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศเขตโรคติดต่อร้ายแรงต้องผ่านมาตรการคัดกรองเข้าสู่มาตรการเฝ้าระวังในพื้นที่ที่กำหนดตามภูมิลำเนา โดยมีเจ้าหน้าที่ติดตาม กำกับดูแลถึงครัวเรือนและที่พัก ทุกคนต้องรับผิดชอบ และมีความผิดหลบหนีออกนอกบ้านและที่พัก มีการลงโทษทั้งปรับทั้งจำ กฎหมายมีอยู่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกอย่างเราต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมาย และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่และกติกาที่มีอยู่ ถ้าไม่ทำแบบนี้สถานการณ์เราอาจควบคุมไว้ไม่ได้ในระยะต่อไป รัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญ เพราะไม่ต้องการให้โควิด-19 แพร่เข้าสู่ระยะ 3 ในประเทศไทย วันนี้เรายังอยู่ในระยะที่ 2 แต่สถานการณ์รองบ้านเราในวันนี้และประเทศอื่นทั่วโลกกำลังมีการแพร่ระบาดมากขึ้น เราจึงจำเป็นต้องสกัดกั้นตั้งแต่วันนี้จนถึงเวลาที่เหมาะสม
"หวังว่าจะได้รับความร่วมมือ เรายังต้องคบกันต่อไปกับทุกประเทศ ทำอย่างไรจะมีความเข้าใจ เราก็เป็นประเทศที่ดำรงความเป็นกลาง สร้างความสัมพันธ์ทุกประเทศอยู่แล้ว ขอร้องคนไทยทุกคนร่วมมือ ผมทราบถึงปัญหาทั้งหมด รวมทั้งข้อบกพร่องต่างๆ ก็พร้อมแก้ไข และขอให้แจ้งมาตามช่องทางให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอร้องอย่าไปตำหนิติเตียนหรือด่าว่า โดยใช้คำพูดหยาบคาย โดยเฉพาะในโซเชียลฯ ตนไม่ค่อยแฮปปี้ กรุณาใช้คำพูดสุภาพหน่อย และขอสื่ออย่าตัดตอนคำพูด" นายกฯ กล่าว
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า สำหรับการดำเนินการกับผู้ที่เดินทางจาก 4 ประเทศที่มีการแพร่ระบาด ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ อิหร่าน และอิตาลี หากจะเดินทางมาจะต้องไปขอวีซ่าที่สถานทูตก่อน รวมถึงจะมีการยกเลิก VISA on Arrival (VOA) หรือการขอตรวจลงตราวีซ่าเพื่อเข้าประเทศที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 18 ประเทศ ต่อไปใครที่ใช้ VOA ต้องไปขอวีซ่าที่สถานทูตก่อน ซึ่งต้องมีใบรับรองแพทย์เพื่อประกันว่าไม่ใช่ผู้ป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่มีอาการเหล่านี้เข้ามาในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการยกเลิกฟรีวีซ่าใน 3 ประเทศ คือ อิตาลี ฮ่องกง และเกาหลีใต้ เป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ แต่ถ้าเข้ามาได้ด้วยวิธีใดก็ตาม เรายังมีมาตรการกักกันตัวที่โรงแรมโนโวเทล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 14 วัน ถ้าไม่ยอมให้กักตัวทางเราจะให้เดินทางกลับไปเลย ไม่ยอมให้เข้าเมือง
ตามคนไทยเกือบ 2 พันคน
รมว.มหาดไทยกล่าวว่า สำหรับคนไทยจากประเทศเสี่ยงที่เดินทางมาประเทศไทยระหว่างวันที่ 2-7 มี.ค. มีทั้งสิ้น 1,882 คน ตอนนี้กำลังติดตามว่าอยู่ที่ใดบ้าง และจะนำไปกักกันตัวที่ภูมิลำเนา ส่วนผู้ที่เดินทางมาหลังวันที่ 7 มี.ค.มี 98 คน ซึ่งจะให้ไปกักกันตัวที่ภูมิลำเนาเช่นเดียวกัน แต่จะต้องผ่านกระบวนการของ สธ.ก่อน คือ เข้าที่พักเพื่อสังเกตอาการ ส่วนผู้ที่อยู่ในสถานกักกันตัวของรัฐก่อนหน้านี้ ก็จะให้ย้ายไปกักกันตัวต่อที่ภูมิลำเนา มาตรการนี้ถือว่าดีกว่าการให้อยู่รวมกัน และตอนนี้ทางท้องถิ่นได้มีการเตรียมการ
เมื่อถามว่า สำหรับมาตรการกักกันตัวที่ภูมิลำเนา จะให้คนในพื้นที่ยอมรับบุคคลเหล่านี้ได้อย่างไร รมว.มหาดไทยตอบว่า อยากให้สื่อช่วยอธิบายว่าคนไทยย่อมมีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะอยู่ในแผ่นดินไทย แม้จะเจ็บป่วยอย่างไรภูมิลำเนาควรต้องรับ เราต้องช่วยกันอธิบาย เพราะไม่ได้ให้คนจากจังหวัดหนึ่งไปอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง แต่ขอให้คนในบ้านเกิดได้กลับไปอยู่ เพราะไม่มีแผ่นดินไหนในโลกที่จะยอมรับ แผ่นดินไทยโดยเฉพาะภูมิลำเนาของเขาจะต้องรับและจะไม่กระทบอะไร เพราะทุกคนอยู่ภายใต้การควบคุม หากไม่สบายจะไปอยู่โรงพยาบาล
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสะดวกมากยิ่งขึ้น และมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมผู้ที่ต้องไปเฝ้าสังเกตอาการที่บ้าน จากนี้จะมีการแต่งตั้งผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สาธารณสุขจังหวัด หรือใครก็ตามที่ รมว.สาธารณสุขเห็นว่ามีความเหมาะสม ซึ่งอยู่ในมาตรา 5 ของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ว่าด้วยการให้อำนาจ รมว.สาธารณสุขแต่งตั้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน จะมีการออกคำสั่งตั้งศูนย์ดังกล่าวขึ้น โดยจะครอบศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ทำเนียบฯ และศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค ของกระทรวงสาธารณสุข ที่ยังไม่สามารถทำให้เป็นเอกภาพได้ และบางเรื่องจำเป็นต้องสั่งการโดยเร็ว ซึ่ง 2 ศูนย์เองทำไม่ได้ จึงต้องเอาศูนย์ใหญ่มาครอบ และมันมีเรื่องแรงงานไทยกลับจากเกาหลีใต้เข้ามา ซึ่งอยู่นอกเหนือ 2 ศูนย์ที่จะรับมือได้ สำหรับศูนย์ใหญ่นี้ไม่มีงบประมาณ เพราะ 2 ศูนย์เล็กทำงานของเขาอยู่ ศูนย์ใหญ่จะดูภาพรวมของนโยบาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งศูนย์ใหญ่ขึ้นมาเพื่อเตรียมการรับมือกรณีการแพร่ระบาดเข้าสู่ระยะที่ 3 ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ เพราะเป็นการยกระดับ ซึ่งแรงงานไทยที่กลับจากเกาหลีใต้คือ เหตุผลที่ต้องทำให้ต้องยกระดับทุกอย่างขึ้นมา เพื่อไม่ให้คนตื่นตระหนก
เมื่อถามย้ำว่า เหตุผลที่กระทรวงสาธารณสุขเตรียมยกระดับสู่การแพร่ระบาดระยะที่ 3 เป็นเพราะกรณีผีน้อยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า กรณีนี้และอย่างอื่นด้วย เพราะมันมีปัญหาคนไทยที่ติดเชื้อหลังเดินทางกลับจากอิตาลี และนอกนั้นแม้ไม่ได้เดินทางมาจากอิตาลี แต่เกี่ยวข้องกับคนที่เพิ่งเดินทางกลับมา เราจึงต้องเริ่มระมัดระวัง ตอนนี้กำลังดูว่ามีการติดต่อกันตั้งแต่อยู่ที่อิตาลี หรือมาติดต่อที่เมืองไทย
ถามว่า สถานการณ์ขณะนี้มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ระยะที่ 3 เร็วๆ นี้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เห็นกระทรวงสาธารณสุขทำท่าขยับเมื่อวันที่ 10 มี.ค.มิใช่หรือ แต่หากมีการประกาศเข้าสู่ระยะที่ 3 ก็มีความพร้อม
เมื่อถามว่า สถานการณ์มีแนวโน้มว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อจะสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดแบบต่างประเทศใช่หรือไม่ รองนายกฯ ตอบว่า ใช่ เพราะคนเข้ามามาก แต่เรายังรักษามาตรฐานของเราได้ดี จากเดิมไทยมีตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในลำดับ 2 ของโลก แต่ตอนนี้อยู่ในลำดับที่ 32 ต้องบอกว่าเป็นความสามารถและมาตรฐานที่เราทำได้อย่างดี และไม่ใช่ตัวเลขมั่วๆ ชุ่ยๆ หรือปกปิดอะไร
ตามผีน้อยกลับครบแล้ว
นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแรงงานกลุ่มไทยที่เดินทางกลับมาจากเกาหลีใต้ ก่อนจะหลุดการคัดกรองจำนวน 80 คนว่า ผู้ที่ต้องกักตัวเพื่อควบคุมโรคทั้งหมด 80 คน เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา มีมารายงานตัวทั้งสิ้น 74 คน ก่อนอีก 6 คนจะมารายงานตัวจนครบ 80 คนแล้วในวันนี้
ขณะที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอีเอส และสำนักงาน กสทช. พร้อมด้วยกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง (ตม.), กรมควบคุมโรค, ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 5 ค่าย, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.), บมจ.การท่าอากาศยานไทย ประชุมหารือร่วมกันถึงแนวทางการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมาตรการที่ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันที่จะดำเนินการในวันพรุ่งนี้ ได้แก่
ในวันที่ 12 มี.ค. นักท่องเที่ยวต่างประเทศทุกคนทุกไฟลต์ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ประชาชนคนไทยที่เดินทางกลับจากการเดินทางท่องเที่ยวประเทศกลุ่มเสี่ยง และประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศกลุ่มเสี่ยง ที่เดินทางกลับประเทศไทย เมื่อลงจากเครื่องบิน ถึงจุดตรวจของกรมควบคุมโรค จะต้องทำการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน AoT Airport จาก Google Store หรือ Apple Store
แอปพลิเคชันดังกล่าวจะทำงาน เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วน และยอมรับเงื่อนไขให้ใช้ข้อมูลดังกล่าวกรณีจำเป็นเมื่อเกิดสถานการณ์เกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูล จากนั้นนำแอปดังกล่าวแสดงที่ ตม. เพื่อผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเข้าประเทศไทยได้
นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า แอปพลิเคชันดังกล่าวจะทำงานหลังจากกรอกข้อมูลครบถ้วน และยินยอมรับเงื่อนไขข้างต้นแล้ว ข้อมูลทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้เป็นเวลา 14 วัน ถ้ามีเหตุการณ์เกี่ยวกับโควิด-19 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูล ทางกรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายหยาง ซิน อุปทูตจีนประจำประเทศไทย ได้เข้าพบนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เพื่อหารือการให้ความช่วยเหลือการป้องกันไวรัสโควิด-19
นายจุรินทร์กล่าวว่า ได้เชิญอุปทูตจีนเพื่อสอบถามหลังได้รับทราบว่าจีนมีนโยบายต้องการให้ความช่วยเหลือมิตรประเทศ เพราะสถานการณ์โควิด-19 ของจีนเป็นไปในทางที่ดีขึ้น วันนี้ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่องจริงที่จีนต้องการให้การช่วยเหลือ ซึ่งไทยก็เป็นมิตรประเทศหนึ่งที่ดีของจีนตลอดมา ที่ผ่านมาจีนได้ประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขของไทยมาตลอด ทั้งเรื่ององค์ความรู้ในการแก้ไขปัญหาทางการแพทย์ที่จะทำสงครามกับโควิด-19
รมว.พาณิชย์กล่าวว่า ตนเรียนท่านอุปทูตว่า สิ่งที่เราอยากได้จากจีนคือความช่วยเหลือต่างๆ เช่น การซื้อหน้ากากอนามัยที่ใช้ทางการแพทย์ หน้ากาก N95 ชุด PPE ที่ใช้ในห้องติดเชื้อ และชุด Kit Lab ที่จะใช้ในการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีอยู่ 8-9 แล็บทั่วประเทศ จึงไม่สามารถนำมาตรวจในสถานที่ต่างๆ ได้ หากเราได้ชุดตรวจเชื้อมาเราจะสามารถตรวจเชื้อได้เลยไม่ต้องส่งไปที่ห้องแล็บ นอกจากนี้ยังขอให้จีนผ่อนคลายเรื่องการส่งวัตถุดิบมายังประเทศไทย ที่เรามีความจำเป็นที่ต้องใช้ ตนขอบคุณท่านอุปทูตเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้แสดงเจตจำนงต้องการช่วยประเทศไทย ในยามที่เราเผชิญปัญหาเรื่องนี้อยู่ จากนี้เราก็จะรอคำตอบจากทางการจีนต่อไป
ด้านนายหยาง ซิน เผยว่า จริงๆ แล้วหลังเกิดไวรัสโควิด-19 ระบาด ทางการจีนก็ประสานงานกับไทยอย่างใกล้ชิด โดยจีนก็ได้รับการสนับสนุนจากไทยมากมาย ทั้งกำลังใจและวัตถุต่างๆ ที่ช่วยเราทำสงครามกับไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันก็มีข่าวดีว่า จำนวนผู้ติดเชื้อของจีนลดน้อยลงมาก และสถานการณ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันจีนก็มีประสบการณ์ในการทำสงครามกับเชื้อไวรัสตัวใหม่นี้ จึงอยากจะช่วยเหลือมิตรประเทศ ซึ่งเราก็รู้สึกซาบซึ้งใจในไมตรีจิตของไทย ทั้งรัฐบาลและพี่น้องคนไทยมีต่อจีนในยามที่เราประสบกับปัญหาและความยากลำบาก วันนี้ที่ตนมาก็เพื่อรับทราบสถานการณ์ของไทยว่าเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นเราจะรีบรายงานกลับไปที่ปักกิ่ง และให้ความช่วยเหลือเท่าที่เราทำได้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |