11 มี.ค.63 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ แถลงถึงการจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยเกินราคาว่า ขณะนี้มีการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มลาซาด้า 3 คดี โดยคดีที่ที่ 1 เป็นคดีที่ จ.นครปฐม มีผู้ร้องเรียนมาในสายด่วน 1569 เจ้าหน้าที่ติดตามจนดำเนินคดีกับร้านขายยาดีดีฟาร์มาที่มีการค้าขายออนไลน์ใน แพลตฟอร์มลาซาด้า พบของกลางหน้ากากอนามัย 28 กล่อง ที่มีโค้ดลาซาด้าเตรียมส่งให้ผู้ซื้อ ตั้งข้อหาเบื้องต้นคือขายของเกินราคาควบคุมและค้ากำไรเกินสมควร ตามที่กำหนดให้ขายหน้ากากอนามัยชิ้นละ 2.50 บาท แต่กรณีดังกล่าวขายกล่องละ 1,100 บาท บรรจุ 50 ชิ้น ตกเฉลี่ยชิ้นละ 22 บาท มีโทษจำคุกไม่เกิน5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่พาณิชย์ จ.นครปฐมได้แจ้งความกรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของลาซาด้า ในฐานะตัวการร่วมแล้ว ซึ่งตามหลักกฎหมายจะมีโทษเท่ากัน คดีที่ 2 มีการล่อซื้อบนลาซาด้า พบการขายหน้ากากอนามัยราคากล่องละ 1,099 บาท เฉลี่ยชิ้นละ 22 บาท มีการบันทึกปากคำเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่งที่มาส่งปลายทาง มีหลักฐานการสั่งซื้อของลาซาด้าครบถ้วน ผู้จำหน่ายคือร้าน 928 ช็อป ที่ขณะนี้มีการปิดร้านไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่พาณิชย์เตรียมแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค(บก.ปคบ.) คดีที่ 3 มีการดำเนินคดีกับร้านแอพลายแอนซ์ แอนเซฟตี้เอ็นเค ที่มีการขายหน้ากากอนามัยในราคากล่องละ 1,299 บาท ตกชิ้นละ 26 บาท โดย ทั้งสามรายจะถูกดำเนินคดี ขายของเกินราคา และค้ากำไรเกินควรเช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ขายตามราคาที่กำหนดแต่คิดค่าส่งแพงมากก็ขอเตือนว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน ใครที่คิดจะทำขอให้เลิก ไม่อย่างนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่ากรณีนายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ที่สายตรวจกรมการค้าภายในตรวจสอบพบว่ามีการกักตุนหน้ากาก 1,500 ชิ้น นั้นได้ออกหมายเรียกมาดำเนินคดี ข้อหาไม่แจ้งปริมาณการเก็บสินค้าคงเหลือ ซึ่งกรมการค้าภายในมีอำนาจจะเปรียบเทียบปรับได้เลย เป็นการขยายผลมาจากกรณีของ นายศรสุวีร์ ภู่วีวัศวัชรี นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบพบว่าตึกที่ใช้กักตุนเป็นที่ทำการของบริษัทไทยเฮลท์โปรดักส์ และสถานะของบริษัทมีนายพันธ์ยศ เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทไทยเฮลท์อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งสถานะบริษัทได้ยกเลิกไปแล้วและเสร็จสิ้นการชำระบัญชีไปแล้ว ขณะนี้ถือว่าไม่มีบริษัทอีกต่อไป กระทรวงพาณิชย์กำลังดำเนินการตรวจสอบว่ามีการใช้ชื่อบริษัทนี้ในนามนิติบุคคลไปทำธุรกิจใดๆที่เกี่ยวข้องกับการขายหน้ากากอนามัยหรือไม่ ถ้ามีก็จะมีความผิดตามกฎหมาย.