11 มี.ค.63 - เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้เรียกประชุมรัฐมนตรีและตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการด่วน เพื่อเพิ่มความเข้มข้นมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว. สาธารณสุข พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว. มหาดไทย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายชาตรี อรรจนานนท์ อธิบดีกรมการกงศุล เป็นต้น
ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า โดยก่อนเริ่มแถลงถึงมาตรการต่าง นายกฯ กล่าวออกตัวทันทีว่า ที่มาวันนี้ก็เป็นนักข่าวการเมืองทั้งสิ้น เอาเป็นว่า วันนี้อย่ามาถามเรื่องการเมืองอะไรกับตน เอาบ้านเมืองให้ได้ก่อน
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ประชุมหลายหน่วยงานด้วยกัน ขอให้สื่อนำเสนอให้เห็นว่าทุกคนมาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นหลัก เพราะนี่คือศูนย์ฯที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้จำเป็นต้องจัดประชุมโดยเร่งด่วนเพื่อรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ข้อมูลการแพร่ระบาดในขณะนี้เราจึงจำเป็นต้องมาทบทวนและรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าการหารือวันนี้ได้กำหนดมาตรการรองรับคนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาจากประเทศที่เสี่ยงและมาตรการดูแลคนไทยให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน อาจต้องดูแลเป็นพิเศษตามสิทธิการเป็นพลเมืองไทย สำหรับการเดินทางเข้ามายังประเทศไทยทั้งทางตรง ทางอ้อม จะต้องมีมาตรการควบคุม คัดกรอง ในส่วนพื้นที่ควบคุมแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ คนต่างประเทศที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง มีมาตรการเตรียมการที่สนามบิน โดยจัดโรงแรมโนโวเทล ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิรองรับ เป็นการจัดไว้โดยเฉพาะ และขึ้นอยู่กับว่าผู้โดยสารที่มาจากประเทศนั้นๆ จะอยู่กี่วัน แต่ต้องยอมรับว่า ถ้าอยู่ต้องกักตัวไว้ 14 วัน
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนมาตรการคัดกรองจากการหารือภาคปฏิบัติ ทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เจ้าหน้าที่ สาธารณสุขที่ประจำสนามบิน ท่าเรือ ท่าอากาศยาน รวมทั้งช่องทางต่างๆ ที่กระทรวงกลาโหมดูแล ปัจจุบันมีการตรวจสอบเข้มข้น สำหรับคนที่จะเข้ามายังประเทศไทย ถ้าผ่านเข้ามาตามกติกา อาจจะมีความยุ่งยากมากขึ้น ในเรื่องของ Visa on Arrival (VOA) และฟรีวีซ่า หรือ ผ.30 โดยจะมีมาตรการจากกระทรวงมหาดไทยออกมา โดยใช้กฎหมายคนเข้าเมือง
นายกฯ กล่าวต่อไปว่าส่วนการควบคุมตัวกลุ่มเสี่ยงตามความเข้มข้นในมาตรการรัฐบาล ในพื้นที่ภูมิลำเนาจะต้องเชื่อมโยงต่อมาจากสนามบิน และขนส่งไปถึงจังหวัดตามภูมิลำเนา โดยกระทรวงคมนาคมจัดยานพาหนะ โดยกำหนดเป็นรถโค้ช จะไม่มีการปล่อยคนลงกลางทางเด็ดขาด จะส่งให้ถึงพื้นที่ต้นทางของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแต่ละจังหวัด จะมีการแต่งตั้งผู้ช่วยเจ้าพนักงานลงไปถึงผู้ว่าฯ สาธารณสุขจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบตามครัวเรือน ทุกคนมีหน้าที่ตามกฎหมาย
สำหรับคนที่มาจากต่างประเทศจะถือเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานเพราะจะรู้ข้อมูลว่า ใครเข้ามาด้วย สามารถติดตามเพื่อนที่มาด้วยกันว่าหนีไปไหน จะให้มีการรายงานเข้ามา ซึ่งกำลังเร่งรัดการใช้แอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความมั่นใจในพื้นที่เพื่อควบคุมคนเหล่านี้ให้ได้
ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 กล่าวว่า สำหรับคนไทยที่เดินทางมาจาก 4 ประเทศเขตโรคติดต่อร้ายแรงต้องผ่านมาตรการคัดกรองเข้าสู่มาตรการเฝ้าระวังในพื้นที่ที่กำหนดตามภูมิลำเนา โดยมีเจ้าหน้าที่ติดตาม กำกับดูแลถึงครัวเรือนและที่พัก ทุกคนต้องรับผิดชอบ และมีความผิดกรณีหลบหนีออกนอกบ้านและที่พัก มีการลงโทษทั้งปรับทั้งจำ กฎหมายมีอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มอบหมายกระทรวงต่างประเทศติดต่อพูดคุยกับเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ส่งข้อมูลไปยังมิตรประเทศตามความจำเป็นว่าเรามีมาตรการอย่างไร เพื่อเตรียมความพร้อม ทั้งนี้ ทุกสถานทูต และสถานกงสุลต้องเตรียมรองรับมาตรการเหล่านี้ เพราะทุกคนที่จะเข้ามายังประเทศไทย ต้องไปขอวีซ่าตามระบบเดิมทั้งหมดที่สถานทูต หลังจากยกเลิก VOA และฟรีวีซ่า
"ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนต้องไว้ใจกระบวนการเหล่านี้ ต้องร่วมมือช่วยกันดูแล ถ้าปล่อยเจ้าหน้าที่ฝ่ายเดียวไม่ให้ความร่วมมือ ก็จะมีปัญหาทั้งหมด ทุกอย่างเราต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายปละให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และกติกาที่มีอยู่ ถ้าไม่ทำแบบนี้ สถานการณ์เราอาจควบคุมไว้ไม่ได้ในระยะต่อไป รัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญ เพราะไม่ต้องการให้โควิด-19 แพร่เข้าสู่ระยะ 3 ในประเทศไทย
วันนี้เรายังอยู่ในระยะที่ 2 แต่สถานการณ์รองบ้านเราในวันนี้ และประเทศอื่นทั่วโลกกำลังมีการแพร่ระบาดมากขึ้น เราจึงจำเป็นต้องสกัดกั้นตั้งแต่วันนี้จนถึงเวลาที่เหมาะสม หลายคนมีความต้องการหลายอย่าง แต่ยืนยันรัฐบาลต้องหามาตรการที่ดีและเหมาะสม ต้องพูดคุยทำความเข้าใจ ยืนยันรัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด เข้มแข็งที่สุด
วันนี้เห็นใจเจ้าหน้าที่ก็ต้องมีการหมุนเวียนให้ได้พักผ่อนกันบ้าง ทุกคนมีภาระหนักทั้งสิ้น แต่เราต้องหาวิธีในการคัดกรองให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด และถ้าเรายังใช้วิธีการเช่นเดิม โดยเฉพาะการเข้าออกประเทศก็อาจมีปัญหาได้ ก็ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วย
ขอร้องสื่อเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง อย่าจับผิดจับถูกคำพูดของผม เพราะผมพูดในระดับนโยบาย ทุกอย่างต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย การออกประกาศ หรือกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ เราตรวจสอบกฎหมายหลายฉบับแล้วสามารถทำได้ ยืนยันเรามีความพร้อมควบคุมสถานการณ์ตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ต้องเตรียมรับมือไว้เผื่อสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนการติดตามตัวผีน้อยที่หลบหนีการคัดกรองนั้นติดตา ได้หมดแล้ว ก็ขอให้มั่นใจ แม้การเข้าออกของคนจะมีจำนวนมาก ยอมรับมาตรการที่ออกมาจะทำให้คนเข้าไทยลดลง แล้วอาจกระทบภาคธุรกิจด้วย รัฐบาลจึงต้องคิดรอบคอบทุกด้าน แต่จะให้คิดว่าเศรษฐกิจแย่แล้วปิดประเทศไปเลยคิดอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วจะรู้ว่ามันยาก
"ระหว่างที่ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ มาตรการเดิมที่มีอยู่ก็จะเข้มข้นมากขึ้น ดังนั้น คนที่เข้าประเทศก็จะลดลงจำนวนมาก เพราะการขอวีซ่าต่างๆ ต้องไปประเทศต้นทางที่มีสถานทูตของไทย เราต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับต่างประเทศด้วยว่าไทยจำเป็นอย่างไร และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือ เรายังต้องคบกันต่อไปกับทุกประเทศ ทำอย่างไรจะมีความเข้าใจ เราก็เป็นประเทศที่ดำรงความเป็นกลาง สร้างความสัมพันธ์ทุกประเทศอยู่แล้ว ขอร้องคนไทยทุกคนร่วมมือ ผมทราบถึงปัญหาทั้งหมด รวมทั้งข้อบกพร่องต่างๆ ก็พร้อมแก้ไข และขอให้แจ้งมาตามช่องทางให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอร้องอย่าไปตำหนิติเตียนหรือด่าว่า โดยใช้คำพูดหยาบคาย โดยเฉพาะในโซเชียล ผมไม่ค่อยแฮปปี้ กรุณาใช้คำพูดสุภาพหน่อย และขอสื่ออย่าตัดตอนคำพูด"นายกฯระบุ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |