ไวรัสลามหุ้นร่วง100จุด ราคานํ้ามันตลาดโลกวูบ


เพิ่มเพื่อน    

  พิษไวรัสโควิด-19 ลามหนัก ตลท.ยันมีมาตรการรองรับหลังหุ้นตก 100 จุด เหตุราคาน้ำมันตลาดโลกวูบปมซาอุฯ-รัสเซีย ด้าน ธปท.ส่งซิกจับตาราคาน้ำมันใกล้ชิด พร้อมนำไปประกอบการพิจารณาใน กนง. 25 มี.ค.นี้ ด้าน ตลท.ระบุพลังงาน-ปิโตรเคมีมาร์เก็ตแคปใหญ่ เผยกำลังออกกฎดึงเงินลงทุนใหม่

    นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า  ตลท.ยืนยันว่ามาตรการปัจจุบันที่มีอยู่เพียงพอรองรับสถานการณ์ความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์ไทย  ที่แม้ว่าจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและลดลงไปกว่า 100 จุด หรือกว่า 7% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก
    ผลกระทบต่อตลาดหุ้นสืบเนื่องมาจากการประชุมกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรไม่สามารถตกลงกันได้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวร่วงลงมาจาก 50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล มาอยู่ที่ราว 30 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล จึงกดดันราคาหุ้นใน 3 กลุ่มหลักที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป)  เป็นสัดส่วนมากกว่า 45-50% ในตลาดหุ้นไทย คือกลุ่มพลังงาน ปรับตัวลดลงมากกว่า 15% กลุ่มทรัพยากรธรรมชาติ (Resources) และกลุ่มธนาคาร ส่วนกลุ่มที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยราคาปรับตัวลดลงราว 2-3%
    "ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่เราเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้นจำนวนมาก และมีผลกระทบกับตลาดมาโดยตลอด  ซึ่งเรื่องของราคาน้ำมันเราก็ทราบมาตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา เราได้มีการเตรียมการไว้แล้ว เช้าวันนี้เราก็ได้ติดตามดูในทุกกลุ่มและตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งเราขอยืนยันว่าไม่ใช่ทุกกลุ่มที่จะถูกผลกระทบ  บางกลุ่มผลกระทบน้อย บางกลุ่มโดนผลกระทบมาก" นายภากรกล่าว
    นายภากรกล่าวว่า ตลท.หารือกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อที่จะออกมาตรการระยะสั้นและ ระยะยาว โดยระยะสั้นจะเป็นมาตรการให้ความช่วยเหลือ SME ซึ่งได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19  การผลักดันให้กองทุนเพื่อการออม (SSF) เข้ามาลงทุน ส่วนมาตรการระยะยาวจะเป็นการปรับโครงสร้างด้านตลาดทุน โดยจะออกมาตรการให้ความช่วยเหลือบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (บจ.)  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่จะออกมาเร็วๆ นี้        
    นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสื่อสารและความสัมพันธ์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า กรณีราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลงแรง 30% หลังซาอุดีอาระเบียเตรียมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบกว่า 10 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมไปถึงการลดราคาน้ำมันดิบลง หลังจากที่การเจรจาของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ล้มเหลวนั้น ธปท.จะติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกและภาวะในตลาดการเงินโลกอย่างใกล้ชิด ประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 มีนาคมนี้
    รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 9 มีนาคม  2563 ปรับลดลงแรงตั้งแต่เปิดการซื้อขาย โดยลดลงต่ำสุด 115.26 จุด หรือ 8.44% อยู่ที่ 1,249.31 จุด  มีแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีนำตลาด จากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับลดลงแรงจากกรณีซาอุดีอาระเบียประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) เป็นการส่งสัญญาณเริ่มต้นของการทำสงครามราคาน้ำมัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รวมถึงความกังวลไวรัสโคโรนายังแพร่ระบาดต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 1,255.94 จุด ลดลง 108.63  จุด หรือ 7.96% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 103,623.75 ล้านบาท
    ขณะที่ราคาทองคำในประเทศจากสมาคมค้าทองคำปรับเปลี่ยนระหว่างวัน 22 ครั้ง ราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 24,800.00 บาท ขายออกบาทละ 24,900.00 บาท  ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 24,346.96 บาท ขายออกบาทละ 25,400.00 บาท
    นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า  ดัชนีหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงมากกว่า 6% มาจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ปรับลดลงกว่า 15% จากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงจากระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล  โดยกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) 20-30% ของมาร์เก็ตแคปรวม ส่วนกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงานปรับตัวลดลงเพียง 2-3% ซึ่งกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีมาร์เก็ตแคปสัดส่วน 15% ของมาร์เก็ตแคปรวม
    อย่างไรก็ตาม ตลท.ได้รายงานผลกระทบต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  โดยกระทรวงการคลังจะจัดทั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการระยะสั้น ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา ส่วนมาตรการระยะยาวจะเป็นการปรับโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยจะออกมาตรการสนับสนุนบริษัทจดทะเบียน (บจ.), บริษัทหลักทรัพย์ (บล.), บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เพื่อหาแนวทางดึงเงินลงทุนใหม่ อีกทั้งเพิ่มช่องทางและเปิดโอกาสให้สามารถนำเงินไปลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ให้มากขึ้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปและใช้มาตรการได้ในเร็วๆ นี้.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"