เลิกพายเรือให้โจรนั่ง ปาร์ตี้ลิสต์ปชป.จี้ตัดสินใจ‘ปชป.อาวุโส’แนะถอนตัว


เพิ่มเพื่อน    

  “หน้ากากอนามัย” พ่นพิษทำศรัทธารัฐบาล “ลุงตู่” ดิ่งเหว หลังเพจดังแฉมีคนใกล้ชิดรัฐมนตรีกักตุนหน้ากาก 200 ล้านชิ้น! สุดท้ายโอละพ่อ ศรสุวีร์หรือบอยบอกแค่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คลิปเก่าอยากอวดโอ่เป็นแท็กติกค้าขายของนายหน้า ดาบแรกโดนความผิดกฎหมายคอมพ์ “ธรรมนัส”  เดือดสั่ง “พิตตินันท์” ที่ถูกพาดพิงเร่งแจ้งความฟอกขาวด่วน “ประยุทธ์” หน้าเครียดลั่นต้องสอบสวนก่อน พ้อรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ “ศรีสุวรรณ” ตามขย้ำชงปลดอธิบดีกรมการค้าภายในพ่วง รมว.พาณิชย์  ไลน์ ปชป.เดือด! "เจริญ" บี้ถอนตัวร่วมรัฐบาล "เทพไท" หนุนทบทวนเงื่อนไขร่วมรัฐบาล "พนิต" ย้ำ "ถึงเวลาหยุดพายเรือให้โจรนั่ง"

เมื่อวันจันทร์ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังระบาดอยู่ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์ฉาวขึ้น เมื่อเพจเฟซบุ๊กชื่อดังอย่างแหม่มโพธิ์ดำได้ออกมาแฉว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือบอย อ้างว่ามีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นเพื่อขายต่อให้นายทุนจีนและผู้อื่น และในภาพและคลิปดังกล่าวยังปรากฏภาพของนายศรสุวีร์กับนายพิตตินันท์ รักเอียด ผู้ติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
    ทำให้เมื่อช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 กองปราบปราม พร้อมตำรวจ สภ.หนองปรือ เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่149/30 หมู่ที่ 7 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายศรสุวีร์ โดยพบเพียง น.ส.แป้งซึ่งเป็นแฟนนายศรสุวีร์อยู่บ้านเพียงคนเดียว โดยระบุว่านายศรสุวีร์ไป จ.จันทบุรีตั้งแต่กลางดึก ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งคลิปดังกล่าวนานมากแล้ว ที่บ้านไม่มีหน้ากากสักอันเดียว
    ต่อมาเวลา 14.20 น. ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 (บช.ภ.2) นายศรสุวีร์ได้เดินทางมาถึงพร้อมระบุว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่มีอะไรนอกจากขอโทษพี่น้องประชาชน ไม่มีหน้ากากตุนไว้จริงๆ ส่วนที่ได้เจอกับทีมรัฐมนตรีนั้น เจอครั้งเดียว เจอกันคุยกันพี่น้องๆ รักกัน พี่เขานิสัยดี ไม่ได้คุยอะไร นั่งกันสบายๆ ดื่มไวน์กัน
    เมื่อถามถึงคลังหน้ากากอนามัย นายศรสุวีร์กล่าวว่า ไม่ใช่คลัง ของใครก็ไม่รู้ เข้าไปมีรถเล็กๆ คันเดียว เข้าไปอยากโชว์ออฟว่าเราหาหน้ากากเจอ เพราะหน้ากากมันหาย แต่ละคนหาหน้ากากไม่เจอ  เจอแล้วแต่ไม่มีเงินซื้อ แค่โพสต์โชว์ในเฟซบุ๊ก ขอโทษไม่ได้เจตนา ส่วนที่บอกว่ามี 200 ล้าน ทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
เวลา 16.00 น. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ภ.2 ได้พานายศรสุวีร์มาจาก จ.ชลบุรีเพื่อเข้าให้ข้อมูลกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งนายศรสุวีร์กล่าวว่า ภาพหน้ากากอนามัยที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กก๊อบปี้มาจากคนอื่น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง เพราะทำอาชีพนายหน้า แต่หน้ากากอนามัยไม่มีอยู่จริง ส่วนภาพโรงงานที่ไลฟ์สดลงโซเชียลมีอยู่จริง เขาเปิดอย่างถูกต้อง ทำไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนที่เข้ามาซื้อของ สิ่งที่ทำไปทั้งหมดเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่คลิปที่โพสต์เป็นช่วงที่ยังไม่ขาดแคลน จึงได้ตระเวนไปถ่ายภาพและสร้างภาพลักษณ์ รวมทั้งการโฆษณาเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจ ทั้งในเรื่องของราคาและผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นวิธีการของกลุ่มนายหน้าที่ต้องการขายสินค้าแม้สินค้าจะไม่มีอยู่จริง ซึ่งภายหลังการโฆษณาไม่มีลูกค้าสั่งสินค้ามาแต่อย่างใด ยืนยันว่าไม่มีสินค้าตามที่กล่าวอ้าง 
“ยืนยันว่าไม่รู้จักกับ ร.อ.ธรรมนัส ส่วนนายพิตตินันท์เคยเจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งเป็นคนขอเข้าไปถ่ายรูป แต่ไม่ได้เจรจาซื้อขายหน้ากากอนามัย รวมถึงไม่เคยเจรจาซื้อขายกับจีน” นายศรสุวีร์กล่าว
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า เป็นสิทธิของนายศรสุวีร์ที่สามารถชี้แจงได้ แต่ตำรวจยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายศรสุวีร์ เนื่องจากกระบวนการสอบสวนยังไม่เกิดขึ้น เพราะเมื่อช่วงเช้าได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นทั้งหมด 6 จุด รวมถึงโรงงานที่ปรากฏในคลิป ซึ่งยังดำเนินการตรวจค้นอยู่ จึงยังไม่สามารถตอบได้ในขณะนี้ว่าตรวจค้นเจออะไรบ้าง 
ฟันผิด พ.ร.บ.คอมพ์
“ไม่ใช่เพียงนายศรสุวีร์คนเดียว หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็ถูกดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนพฤติการณ์ของนายศรสุวีร์จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หรือประกาศสินค้าควบคุมของกรมการค้าภายใน หรือผิดกฎหมายอื่นใดหรือไม่นั้น หากพบว่ามีความผิดก็จะถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว โดยเตรียมพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.)  กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เเละเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในมาสอบสวนนายศรสุวีร์” พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าว
    รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดคุยกับนายศรสุวีร์ เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป    
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัสได้ชี้แจงกรณีดังกล่าวทั้งในรูปเอกสารและการแถลงข่าว โดยยืนยันไม่รู้จักนายศรสุวีร์และไม่เคยไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของนายศรสุวีร์ ส่วนนายพิตตินันท์เป็นคณะทำงาน โดยยังไม่ได้สอบถามนายพิตตินันท์โดยตรง แต่ได้เรียนไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมแล้ว  
“ได้แจ้งทีมงานแล้วว่าให้นายพิตตินันท์ร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ และเพื่อเอาผิดกับนายศรสุวีร์ รวมทั้งได้ประสานงานกับ สน.หนองปรือให้ตรวจสอบโดยเร็ว หากมีการกักตุนหน้ากากจริงผมจะนำไปทลายตรงนี้เอง นอกจากนี้ยังได้ตั้งคณะตรวจสอบพฤติกรรมของนายพิตตินันท์ หากผิดจริงจะไม่เอาไว้แน่นอน ใครก็ตามที่เป็นคณะทำงานผม หากไปเกี่ยวข้องกับการกักตุนหน้ากากอนามัย จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จะไม่เลี้ยงเลยคนพวกนี้" ร.อ.ธรรมนัสกล่าวและว่า ประเด็นนี้สังคมให้ความสนใจ  ดังนั้นการนำเสนอข่าวต่างๆ อยากให้นำเสนอข้อเท็จจริงก่อน เพราะไม่อยากไปดำเนินคดี แต่จริงๆ  แล้วที่สื่อเอาลงไปแต่เช้าได้ให้ฝ่ายกฎหมายร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว
ต่อมา ร.อ.ธรรมนัสกล่าวอีกครั้งว่า เข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง ถ้าวันหนึ่งประชาชนไม่เอาเราแล้ว  เราไม่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองแล้ว ไม่ต้องปรับคณะรัฐมนตรี ยินดีจะไปทันที เพราะไม่ได้มีอาชีพเป็นนักการเมือง
ขณะเดียวกัน นายพิตตินันท์ รักเอียด อายุ 49 ปี อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 6 จ.สุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และเป็นคณะทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งเดิมได้นัดแถลงข่าวข้อเท็จจริงเวลาประมาณ 12.00 น. ที่ อ.ท่าชนะ แต่ได้แจ้งยกเลิกการแถลงข่าวไป โดยให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่มีการแถลงข่าวใดๆ และให้ถือว่าการแถลงข่าว ร.อ.ธรรมนัสเป็นที่สิ้นสุดแล้ว เพราะหากแถลงไปเกรงว่าข้อมูลจะไม่ตรงกันและเกิดความสับสน 
“เมื่อช่วงเช้าได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ท่าชนะ ด้วยเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดและสร้างความเสียหายให้ ร.อ.ธรรมนัส และขณะนี้อยู่ระหว่างปรึกษากับทนายความส่วนตัวเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำภาพของผมไปโพสต์ลงโซเชียล จึงยังไม่สะดวกที่แถลงข่าวใดๆ ทั้งสิ้น แต่ยอมรับว่าได้ร่วมถ่ายภาพกับนายศรสุวีร์หรือบอยจริง แต่เป็นการไปพบปะธรรมดาผ่านรุ่นน้องที่ชื่อกอล์ฟ ที่มีอาชีพชิปปิง ซึ่งก็ทราบว่ามีการเจรจาซื้อขายหน้ากากอนามัยกันระหว่างนายศรสุวีร์กับรุ่นน้อง แต่ยืนยันว่าผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นด้วย” นายพิตตินันท์กล่าว
'ประยุทธ์' หน้าเครียด
    ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2563 โดยก่อนการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามดังกล่าว แต่มีสีหน้าเคร่งเครียด ต่อมาในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเรื่องนี้ว่า วันนี้ได้มอบหมายให้ตรวจสอบเรื่องหน้ากากอนามัยอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งตัวเลขโดยประมาณผลิตได้เดือนละ 38 ล้านชิ้น ที่ผลิตได้จาก 11 โรงงาน เฉลี่ยวันละ 1.8 ล้านชิ้น โดยมีสัดส่วน 8-9 แสนชิ้นที่ลงไปสู่บุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก และการกระจายลงไปยังโรงพยาบาลต่างๆ มีสัดส่วนที่ชัดเจน แต่ปัญหาคือการบริหารจัดการ แต่เท่าที่ดูตัวเลขตอนนี้ส่งไปครบถ้วน เพียงแต่จะเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่พอแล้วจะทำอย่างไร ในส่วนที่เหลือหลังแจกจ่ายไปให้บุคลากรทางการแพทย์แล้ว ก็แจกจ่ายไปตามการค้าขายตามปกติ ซึ่งจะมีระบบส่งจากพ่อค้าคนกลางไปสู่ร้านค้า แต่วันนี้หลายร้านค้าไม่มีของ ก็ต้องไปดูว่าหายไปไหน
“เช้านี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่ไปตรวจสอบใน 5 จุด ซึ่งอาจมีการกักตุน รวมทั้งในจุดที่มีการแพร่ในโซเชียล ขณะนี้รอผลตรวจสอบอยู่ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่านายกฯ จะพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัสหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าไม่คุย ถ้าตรวจสอบแล้วเกี่ยวข้องกับใครก็ลงโทษไป อย่าเอามาพันกัน อันนี้เป็นคำกล่าวอ้างต้องไปพิสูจน์กันมา ถ้าเกี่ยวข้องกันจริงก็สืบถึงตรงนั้นอยู่ดี ให้เวลาเขาทำงานตรวจสอบตามกลไกของกฎหมาย ต้องให้ความเป็นธรรมทุกภาคส่วน มันไม่ใช่พูดอะไรกันมาก็บอกว่าผิดๆ ตั้งแต่ต้น ไม่ยุ่งกับกระบวนการยุติธรรม ใครผิดก็ว่าไปตามผิด อย่าเพิ่งไปว่าผิดหรือถูกตอนนี้ เดี๋ยวก็เคยตัวกันหมด บางทีคำกล่าวอ้างคำบอกเล่า เหล่านี้ก็ต้องพิสูจน์ นั่นคือความเป็นธรรมบังคับใช้กฎหมาย
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ในวันที่ 10 มี.ค.จะเสนอเรื่องให้รัฐบาลตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยขึ้นเองนั้น เพราะถือเป็นความคิดที่ดี 
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเข้าไปตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการกักตุนที่ไหนอย่างไร แต่ถ้ามีเบาะแสที่ชัดเจนสามารถแจ้งมายังกรมการค้าภายในได้ ยืนยันว่าจะดำเนินการตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
    นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ส่งทีมงานเข้าไปตรวจสอบกรณีดังกล่าวตั้งแต่เช้าแล้ว โดยอยากให้สังคมพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ เพราะเท่าที่ตรวจสอบบุคคลที่ตกเป็นข่าวไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ และยืนยันได้ว่าสินค้าที่ส่งออกจากโรงงานตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.63  เป็นต้นมาไม่มีหลุดรอด มีรายชื่อหมดส่งไปไหน หลังจากที่ได้เข้าไปบริหารจัดการหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้วันละ 1.2 ล้านชิ้น แต่ก่อนหน้านี้ พณ.จะรู้ในส่วนที่ปันส่วนออกมาประมาณ 5 แสนชิ้นต่อวันเท่านั้น
    “คลิประบุว่ามีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะโรงงานในไทย 11 โรงงาน มีกำลังการผลิตรวมกันวันละ 1.2 ล้านชิ้น หรือเดือนละ 36 ล้านชิ้น สต๊อกสินค้ามากขนาดนั้นต้องใช้เวลาเป็นปี” นายวิชัยระบุ 
สิระแหย่ล้างแก๊งงาบ
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษก พปชร.กล่าวว่า อุดมการณ์ของพรรคไม่สนับสนุนการกระทำของกลุ่มบุคคลที่ฉวยโอกาสตักตวงผลประโยชน์จากประชาชนในวิกฤติความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากพบว่านายพิตตินันท์ผิดจริงจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรค พปชร.เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์เข้าไปตรวจสอบ จะปล่อยให้เรื่องนี้จบเพียงแค่ ร.อ.ธรรมนัสแถลง และให้คณะทำงานของตัวเองไปแจ้งความดำเนินคดีเท่านั้นไม่ได้  เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน กระทบใจประชาชนทั้งประเทศ ต้องกระชากหน้ากาก สาวให้ถึงตัวบงการว่าขบวนการทุจริตครั้งนี้มีใครเกี่ยวข้องบ้าง เพราะการกักตุนหน้ากากอนามัยจำนวนมาก ลำพังแค่เป็นนักธุรกิจมีเงิน มีสายสัมพันธ์อยู่กับคณะทำงานรัฐมนตรี ไม่น่าจะทำงานใหญ่ได้ถึงขนาดนี้ได้
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เบื้องต้นได้หารือกับ  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.นอกรอบแล้ว หากมีผู้ร้อง กมธ.พร้อมดำเนินการ แต่หากไม่มีผู้ร้อง กมธ.ก็หยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ โดยจะหารือกันอีกครั้งในการประชุม กมธ.วันที่ 11 มี.ค.นี้ 
น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา รองเลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ถือเป็นเหตุการณ์ที่ทำร้ายจิตใจคนไทยด้วยกันเป็นอย่างมาก เพราะในขณะที่ทุกคนกำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับภัยไวรัสโควิด-19 แต่กลับมีการแสวงหาผลประโยชน์บนสถานการณ์ความเป็นความตายของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวอย่างเปิดเผย โปร่งใส ไม่ลูบหน้าปะจมูก เพราะต้องไม่ลืมว่านี่คือฟางเส้นสุดท้ายที่ประชาชนจะไม่ยอมทนให้รัฐบาลที่ไร้ความสามารถอยู่บริหารงานอีกต่อไป 
      นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัด พณ.แถลงผลการจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ว่าได้จัดส่งสายตรวจออกตรวจสอบทุกวันนับตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.63 เป็นต้นมา โดยปัจจุบันได้จับกุมดำเนินคดีไปแล้ว 102 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 74 ราย  ต่างจังหวัด 28 ราย ในความผิด 2 ข้อหา คือมาตรา 28 ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน  10,000 บาท และความผิดตามมาตรา 29 และ 30 คือการค้ากำไรเกินควรและกักตุนสินค้า มีโทษหนักจำคุก 7 ปี ปรับสูงสุด 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการจับกุมผู้ค้าออนไลน์ได้ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปัจจุบันได้จับกุมไปทั้งหมด 14 ราย
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวรวิทย์ สุขบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวถึงกรณีนายพิตตินันท์ว่า ต้องตรวจสอบก่อนว่าเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ และต้องดูว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกระทำผิดต่อหน้าที่หรือไม่ ซึ่งต้องดูข้อเท็จจริงก่อน
ส.ส.ปชป.ลั่นเลิกพายเรือให้โจรนั่ง
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อเสนอแนะนายกฯ และ ครม.ให้ปลดอธิบดีกรมการค้าภายในและ รมว.พาณิชย์  ฐานไร้ประสิทธิภาพในการจำหน่ายจ่ายแจกหน้ากากอนามัยให้สถานพยาบาล ร้านค้า และประชาชนทั่วไป 
    มีรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่า ภายหลังกรณีมีข่าวคนใกล้ชิดรัฐมนตรีในรัฐบาลเกี่ยวโยงถึงการกักตุนหน้ากากอนามัยส่งขายต่างประเทศสูงกว่าราคาควบคุมที่รัฐบาลกำหนด  นายเจริญ คันธวงศ์ อดีต ส.ส.กทม.และสมาชิกอาวุโส ได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นในกลุ่มไลน์  "อดีต ส.ส.ปชป. ปี 62" ซึ่งมีสมาชิกรวม 169 คน ทั้ง ส.ส.ปัจจุบันและอดีต ส.ส.ของพรรคว่า "เรื่องคนใกล้ชิด รมช.กษ.คนหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องขายหน้ากากอนามัย เป็นการส่งสัญญาณแล้วว่ามีคนไม่เหมาะสมเข้ามาร่วม ครม. เป็นนักการเมืองเลวอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยด่านักการเมืองตอนยึดอำนาจใหม่ๆ  ปชป.ต้องเตือนอย่างแรงว่าหาก รมต.เช่นนี้ยังอยู่ใน ครม. ปชป.ขอลาออกเพราะรัฐบาลจะอยู่ไม่ได้อยู่แล้ว ดังเช่นปลายรัฐบาลชาติชาย มีแววว่าคนใน ครม.มีส่วนร่วมสร้างทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ ผมก็เป็น รมช.เกษตรอยู่ด้วย ท่านชวน หลีกภัย เตือนชาติชายแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปชป.ลาออกจากการร่วมรัฐบาล บิ๊กจ๊อดยึดอำนาจต้นปี 2534"
    ขณะที่นายอันวา สาและ ส.ส.ปัตตานีและรองเลขาธิการพรรค ได้โพสต์ข่าวของคอลัมนิสต์เกี่ยวกับแบนเนอร์ข่าว นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องผู้ตรวจการฯให้เสนอนายกฯ ปลด รมว.พาณิชย์และอธิบดีกรมการค้าภายใน ตามด้วยรูป ร.อ.ธรรมนัสขณะพูดตอนแถลงข่าวที่สภาตอนเช้าว่า "หากมีพฤติกรรมกักตุนหน้ากากอนามัยจริง ถือเป็นพฤติกรรมที่ชั่วร้ายที่สุด  รับไม่ได้" และข้อความที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป.โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "เมื่อนับถือโจรเป็นกัลยาณมิตร หากโจรจะขโมยหน้ากากอนามัยไปขาย ก็ธรรมดานี่ครับ ไม่เห็นแปลก  สันดานโจรไง!!!"    
    จากนั้นนายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ว่า "ครั้งนี้ควรพิจารณาการร่วมรัฐบาล" เช่นเดียวกับนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช โพสต์ว่า "ความเห็นของ อ.เจริญ ต้องถามเพื่อน ส.ส.ของเราทุกคนว่า เป็นพฤฒิกรรมที่เข้าเงื่อนไข 3 ข้อของพรรคในการเข้าร่วมรัฐบาลแล้วหรือยัง ผมขอทบทวนความจำนะครับ 1.รับนโยบายประกันรายได้ 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 3.มีการทุจริตคอร์รัปชัน"
    ต่อมานายอันวาระบุว่า "ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับคำถามของพี่เทพไทว่า เข้า 3 เงื่อนไขหรือไม่?  ด้วยเหตุนี้แหละครับที่ผมและเพื่อนสมาชิกเข้าชื่อขอเปิดประชุมใหญ่เพื่อให้สมาชิกมาแสดงความเห็นในปัญหาที่ได้เตรียมเอาไว้มากมายหลายประเด็นทั้ง 3 เงื่อนไขเลย ซึ่งผมและเพื่อนสมาชิกเห็นว่าหากไม่แก้ไข พรรคคงจะไปไม่รอด แต่หากที่ประชุมเห็นว่าคงไม่เป็นไร ต้องการร่วมรัฐบาลต่อไป ที่ประชุมก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ผมมีเจตนาเช่นนี้ครับ ที่ประชุมเอาไง ผมเอาด้วย" 
    นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์ว่า "ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วครับที่เราคงจะต้องตัดสินใจไม่พายเรือให้โจรนั่งแล้วครับ!" ขณะที่นายสามารถ มะลูลีน อดีต ส.ส.กทม.ระบุต่อว่า "วันนั้นถ้าเราไม่ไว้ใจธรรมนัสสักคน เราจะดูดีมากในสายตาประชาชน ยกมือไปแต่หัวใจร้องไห้ พรรค ปชป.ถ้าไม่มีเรื่อง อุดมการณ์ เราจะแข่งกับคนอื่นยากครับ จุดแข็งเราคืออุดมการณ์ ความศรัทธา ที่มีมากกว่าพรรคอื่น".

         


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"