9 มี.ค.63 - ที่เรือนนอน กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ( บชร.2 ) ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยพลตรีสุรศักดิ์ ถนัดศีลธรรม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสุรนารี นางณัฏฐินีภรณ์ จันทรโณทัย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา พันเอกเชษฐา ทานกระโทก เสนาธิการกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 และนายนรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดฯ เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมของสถานที่ที่จะใช้เป็นพื้นที่กักตัวผีน้อยที่เดินทางมาจากประเทศเกาหลีใต้

โดยจังหวัดนครราชสีมาเลือกใช้อาคารที่พักภายในกองพันทหารเสนารักษ์ที่ 22 และอาคารของกองพันทหารเสนารักษ์ที่ 3 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กองทัพภาคที่ 2 เพื่อรองรับในกรณีที่มีกลุ่มแรงงานผีน้อยจำนวนมากเดินทางมาใช้สถานที่พร้อมๆ กัน โดยเบื้องต้นคาดว่าอาจจะมีกลุ่มแรงงานผีน้อยเดินทางมาใช้สถานที่ภายในกองทัพภาคที่ 2 เป็นสถานที่กักตัวดูอาการเชื้อไวรัสโควิด 19 ภายในสัปดาห์นี้

พร้อมกันนี้ทุกภาคส่วนมีการบูรณาการในการประสานไปยังพื้นที่ทั้ง 32 อำเภอให้งดจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมากในสถานที่เดียวกัน รวมถึงกิจกรรมงานเทศกาลสงกรานต์ต่างๆในเดือนเมษายน ทั้งนี้เพื่อเป็นมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายเป็นปกติ

นายวิเชียร เปิดเผยว่า ทั้ง 2 อาคารที่จัดเตรียมเพื่อรองรับผีน้อย สามารถรองรับได้ อาคารละ 80 คน รวม 160 คน ซึ่งจะมีการจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ไว้ดูแลความเรียบร้อยตลอด 24 ชม เพื่ออำนวยความสะดวกและป้องกันการหลบหนีของผีน้อยที่ถูกกักตัว ทั้งนี้ทางจังหวัดได้มีการจัดหาพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อรองรับกับจำนวนผีน้อยในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา รวมทั้งการจัดหาที่นอนเครื่องนุ่งห่มไว้สำรองหากมีจำนวนผีน้อยมีจำนวนมาก อย่างไรก็ตามจังหวัดนครราชสีมามีความพร้อมเรื่องพื้นที่และเจ้าหน้าที่ในการควบคุมดูแลผีน้อยที่เข้ามายังพื้นที่

นอกจากนี้ได้สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 32 อำเภอ ดำเนินการเฝ้าระวังติดตามผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงที่มีการระบาดของเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเดินทางกลับภูมิลำเนาของกลุ่มแรงงานผีน้อย โดยให้ส่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปดำเนินการตรวจวัดไข้ และตรวจร่างกายของกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นประจำทุกวันตลอดทั้ง 14 วัน รวมทั้งกำชับให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยต้องกักตัวอยู่แต่ภายในบ้านตลอดเวลา เพื่อเป็นการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มงวด ดังนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่มั่นใจได้ในระบบการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสโควิด 19