9 มี.ค. 2563 นายอุตตม สาวนายน รมว.การคลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ธ.ก.ส. เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย อาทิ สงครามการค้า ภัยแล้ง น้ำท่วม ราคาผลผลิตตกต่ำ และการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ประกอบด้วย การขยายระยะเวลาชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย ปลอดชำระต้นเงินใน 3 ปีแรก พร้อมเติมสินเชื่อใหม่โดยคิดอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจ ระยะเวลาดำเนินมาตรการ 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 - 31 ธ.ค. 2564 ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ทั้งนี้ ขอบเขตลูกหนี้ที่ให้ความช่วยเหลือตามมาตรการนี้ ยังมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจหรือสามารถชำระหนี้ได้ในอนาคต อาทิ ลูกหนี้ปกติ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2563 ให้สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในลักษณะเชิงป้องกัน (Pre-emptive) ในวงเงินที่ไม่เกินหนี้เดิม ตั้งแต่เริ่มมีสัญญาณของการมีปัญหาในการชำระหนี้ โดยลูกหนี้ยังไม่เป็นหนี้ที่ด้อยคุณภาพ
โดยในส่วนของต้นเงินกู้และดอกเบี้ยเดิมก่อนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้ขยายระยะเวลาชำระหนี้ กรณีเกษตรกรและบุคคลชำระภายในไม่เกิน 15 ปี สามารถปลอดชำระต้นเงินได้ไม่เกิน 3ปีแรก กรณีผู้ประกอบการและสถาบัน ขยายระยะเวลาชำระหนี้ภายในไม่เกิน 20 ปี และปลอดชำระต้นเงิน ได้ไม่เกิน 3 ปีแรก และ/หรือลดดอกเบี้ยเดิมให้แก่ลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งเมื่อลดแล้วเหลือดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า MRR หรือ MLR ตามประเภทของลูกหนี้ ในส่วนของดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่จากต้นเงินที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิม ให้คิดจากลูกหนี้แต่ละประเภท โดยเกษตรกรและบุคคล คิดในอัตราไม่ต่ำกว่า MRR และผู้ประกอบการและสถาบัน คิดในอัตราไม่ต่ำกว่า MLR
ส่วนลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2562 ให้การช่วยเหลือในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้สินเดิมในวงเงินที่ไม่เกินหนี้เดิม กล่าวคือ กรณีเกษตรกรและบุคคล ต้นเงินกู้เดิมก่อนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้สามารถขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามความสามารถในการชำระของลูกหนี้แต่ละราย โดยกำหนดชำระให้แล้วเสร็จภายในไม่เกิน 15 ปี สามารถปลอดชำระต้นเงินได้ไม่เกิน 3 ปีแรก ส่วนดอกเบี้ยของต้นเงินกู้เดิมก่อนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้ชำระตามความสามารถในการชำระของลูกหนี้แต่ละรายให้แล้วเสร็จภายในไม่เกิน 15 ปี และ/หรือลดดอกเบี้ยเดิมให้แก่ลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งเมื่อลดแล้วเหลือดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า MRR
สำหรับดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่จากต้นเงินที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิม ให้คิดจากลูกหนี้แต่ละราย ในอัตราไม่ ต่ำกว่า MRR - 1 กรณีผู้ประกอบการและสถาบัน ต้นเงินกู้เดิมก่อนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้ขยายระยะเวลาชำระหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายให้แล้วเสร็จภายในไม่เกิน 20 ปี สามารถปลอดชำระต้นเงินได้ไม่เกิน 3 ปีแรก ส่วนดอกเบี้ยของต้นเงินกู้เดิมก่อนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ให้ชำระตามความสามารถในการชำระของลูกหนี้แต่ละรายให้แล้วเสร็จภายในไม่เกิน 20 ปี และ/หรือลดดอกเบี้ยเดิมให้แก่ลูกหนี้แต่ละราย ซึ่งเมื่อลดแล้วเหลือดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า MLR สำหรับดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่จากต้นเงินที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้เดิม ให้คิดในอัตราไม่ต่ำกว่า MLR - 0.50
นอกจากนี้ ยังเตรียมสินเชื่อใหม่ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) หรือเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพแก่ลูกหนี้เพิ่มเติมจากการช่วยเหลือลูกหนี้ ซึ่งกรณีที่ลูกหนี้ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องในระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ กรณีเกษตรกรและบุคคล คิดดอกเบี้ยตามศักยภาพ กำหนดวงเงินกู้ 1 แสนบาทแรก อัตราดอกเบี้ยตามชั้นลูกค้าหรือตามการประเมินปัจจัยเสี่ยง - 0.25 เป็นระยะเวลา 1 ปี และ ส่วนที่เกิน 1 แสนบาท คิดดอกเบี้ยตามชั้นลูกค้า กรณีผู้ประกอบการและสถาบัน คิดดอกเบี้ยในอัตราไม่ต่ำกว่า MLR – 1
"มาตราการช่วยเหลือลูกหนี้ดังกล่าว สามารถให้ความช่วยเหลือครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่ม ทั้งในส่วนของลูกหนี้ปกติที่มีสัญญาณของการมีปัญหาในการชำระหนี้ และลูกหนี้ที่มีหนี้สินเป็นภาระหนัก ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้า ธ.ก.ส. ได้ผ่อนคลายความกังวลในภาระหนี้สินเดิม และเงินทุนหมุนเวียนใหม่ในการประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง" นายอุตตม กล่าว
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |