โควิด-๑๙ 'ไม่ใช่เค้กการเมือง'


เพิ่มเพื่อน    

      หนึ่งเดือนผ่านไปกับ "สงครามโควิด-๑๙" ที่โจมตีประเทศ

                ต้น ดี........

                แต่กลาง "ชักเปะปะ"

                ถึงตอนนี้ ไทยจะอาศัยเครดิตอันดับ ๑ เอเชีย อันดับ ๖ โลก ด้านความพร้อมรับมือโรคระบาดหากินต่ออีก คงยาก!

                สาเหตุ นั้น.....

                ไม่ใช่เพราะสาธารณสุข, กรมควบคุมโรค, แพทย์-พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ ยืนระยะไม่อยู่

                หากแต่

                รัฐบาลและบุคลากรทาง ครม. ๒-๓ กระทรวง การขยันของท่าน อย่าว่าแต่ฝ่ายปฏิบัติเลย

                ขนาดพัดลมยังส่ายหน้า!

                ถ้าเป็นศึกสงครามจริงๆ นายกฯ ในฐานะ "แม่ทัพใหญ่" จัดทัพแบบนี้ แผนเรไป-รวนมาอย่างนี้ และใช้คนอย่างนี้เป็นแม่ทัพบัญชาการรบ

                ลูกทัพ คือแพทย์-พยาบาล, บุคลากรทางการแพทย์ เหนื่อยกายไม่ว่า

                แต่ "หน่ายหัวใจ" นี่ซีครับ ท่านนายกฯ ต้องระวัง

                แพทย์-พยาบาลเขาไม่พูดโดยตรงหรอก

                แต่คำอุทานเบาๆ "อะไรวะ" จากฝ่ายปฏิบัติในภาคสนาม

                มันดังขึ้นเรื่อยๆ ต่อคำสั่งจากหอคอย!             

                จะเอาท่องเที่ยว หรือเอาประเทศให้รอดจากโรคระบาด ก็เลือกให้เด็ดขาดซะอย่าง

                การจะเอาทั้ง ๒ อย่างในเวลาเดียวกัน จะเจ๊งหมดทั้ง ๒ อย่าง

                ยามหน้าสิ่ว-หน้าขวาน กับชาวบ้านน่ะ..ต้องฟังเขา แต่จะเอาที่ฟังมาทำหวังให้ถูกใจชาวบ้านทุกคน มันไม่ได้

                ต้องตัดสินใจเลือกเอาอย่างหนึ่ง แล้วมุ่งเดินไปทางนั้นให้เฉียบขาด

                จะจับปลา ๒ มือ บีบๆ คลายๆ มาตรการที่ออก..ออกแบบคลุมเครือ ให้คนปฏิบัติตีความเอง มันก็จะเป็นอย่างที่เป็นขณะนี้

                แพทย์-พยาบาลเหนื่อยหน่าย ดี..ก็การเมืองรับดอกไม้ไป

                แต่ถ้าพลาด...เกี๊ยะ ฝ่ายสาธารณสุข แพทย์-พยาบาลโดยเฉพาะกรมควบคุมโรครับไป!

                กะอีแค่หน้ากากอนามัย ยังไม่มีปัญญาบริหาร แล้วจะมาบริหารการค้าทั้งประเทศ พูดแล้วก็เหนื่อย

                ยิ่งเมื่อดูสถานการณ์แล้ว โควิด-๑๙ ไม่ถอยทัพภายใน ๓-๔ เดือนนี้แน่

                ตรงกันข้าม ในบ้านเรา ผมไม่ได้พูดให้วิตก แต่พูดผ่านตัวอย่างจริงขณะนี้

                ไม่ขอใช้คำว่าระบาดในประเทศ แต่จะมีในลักษณะ "ผู้ป่วยต้องเฝ้าดูอาการ" อาจเพิ่มเป็นหมื่นๆ แน่!

                ตัวอย่างง่ายๆ พวกผีน้อยจากเกาหลีใต้ กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคมี

                แต่ทำอะไรกันจริงจังบ้าง........

                ปรับ ๒ หมื่นนะ หนีควบคุมโรค, ไม่กักตัวเอง ๑๔ วัน คุก ๒ ปีนะ!

                ก็พูดกันไป อย่างวานซืน ขนาดรัฐมนตรีคุมแท้ๆ ยังให้ผีน้อยหนีกักตัวไปได้ถึง ๖๐-๘๐ คน!

                แล้วรัฐมนตรีช่วยคนนั้น ยังลิเกการเมือง เห็นอก-เห็นใจอ้างคนออกไปทำมาหากิน ซึ่งมันคนละเรื่อง-คนละประเด็น

                เห็นแล้วเหนื่อยใจกับคุณภาพบุคลากรทางการเมืองจากเลือกตั้งแต่ละคน!

                ขอเตือนให้สำนึก........

                ศึกโควิดไม่ต่างศึกสงครามตีเมือง "คำสั่ง-มาตรการ" ต้องไม่ตีความ ต้องไม่ยืดหยุ่น ต้องไม่เงื่อนไข

                ฝ่าฝืน ย่อหย่อน เป็นผลเสียต่อสถานการณ์ ต้อง "ตัดหัว" หรือ "หวายกระชากหลัง" ให้เห็นเป็นสำนึก

                กองทัพในยามศึก คำสั่งต้องเป็นคำสั่ง ระเบียบต้องเป็นระเบียบ วินัยต้องเป็นวินัย

                เอาการเมืองเป็นเงื่อนไขการทัพอย่างนี้ไม่ได้

                ถ้าเป็นศึกสงครามจริงๆ ๓-๔ หัวนักการเมืองแล้วมั้ง ที่ต้องตัดเสียบประจาน!

                "ผีน้อย" กลับมาระดับร้อย-ระดับพัน "ภาครัฐ" ยังหาความจริงจัง "กักตัว ๑๔ วัน" ไม่ได้

                จะบอกให้ เฉพาะที่เกาหลีใต้ รอคิวกลับเข้ามาอีก "เป็นแสนคน"

                คิดกันหรือยัง วางแผนรองรับกันหรือยัง?

                และจะบอกต่อว่า ขณะนี้ ระบาดในจีน ดูเหมือนจีน "เอาอยู่" แล้ว

                แต่ปรากฏว่า ในยุโรป เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อังกฤษ รวมถึงในสหรัฐฯ และตะวันออกกลาง

                ทำเหมือน "เอาอยู่"

                จริงๆ แล้ว กำลังระบาดอยู่ หนักซะด้วย!

                ตะวันตก หนาวและเย็นตลอดเวลา นี่คือจุดอันตราย เพราะโควิดชอบ มีชีวิตอยู่ได้ยาวนาน

                สิ่งที่ไทยเราต้องคิดตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ก็คือ......

                เราคิดไม่ถึงเรื่อง "ผีน้อย" ในเกาหลีมาแล้ว จึงไม่มีมาตรการรับมือล่วงหน้า

                ก็จง "คิดให้ถึง" เสียแต่เดี๋ยวนี้ ว่าทั้งคนไทยที่อาศัยอยู่ในยุโรป-สหรัฐฯ

                และทั้งคนยุโรป-สหรัฐฯ ประเภทเศรษฐี มีเงินทองทั้งหลาย

                สมมุติเป็นตัวเรา ขอถามว่า......

                จะขอเสี่ยงกับโควิดอยู่ที่นั่น หรือคิดหาช่องทางหนีตาย ไปอยู่ในที่ปลอดภัยชั่วคราวก่อน?

                ผมเชื่อ ร้อยละ ๙๐ ขอรอดปลอดภัยก่อน!

                นั่นก็คือ ไทยเราเตรียมรับมือเถอะ นอกจากผีน้อยแล้ว จะมีผีใหญ่จากยุโรป-สหรัฐฯ "ลี้ภัยโควิด"  มุ่งสู่ไทย

                ตั้งค่าเฉลี่ยไว้เถอะ ไม่ต่ำกว่าแสนคนแน่!

                เพราะไทยประกาศให้ ๔ ประเทศเท่านั้น ที่เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย เกาหลีใต้ จีน อิตาลี อิหร่าน

                ก็เตรียมเหอะ........

                เมื่อโควิด "ดาวกระจาย" ไปทั่วยุโรป ผีใหญ่-ผีฝรั่ง จะพาเหรดมาไทย ชนิดสนามบินไม่แห้ง

                พูดแล้วก็สงสาร "กรมควบคุมโรค" ที่หนักอยู่แล้ว จะต้องหนักต่อเนื่องไปอีกยาวนาน

                ขณะนี้ ในขณะที่ประเทศไทยแทบร้างนักท่องเที่ยวจีน

                แต่ไปดูที่สนามบินเถอะ ทั้งสุวรรณภูมิ ดอนเมือง กระบี่ ภูเก็ต

                นักท่องเที่ยวยุโรป ค่อนข้างหนาตา!

                คนยุโรป ไม่ป่วย ไม่สวมหน้ากากอนามัย โควิดติดเชื้อระยะแรก ไม่มีอาการไข้

                เครื่องเทอร์โมสแกนตรวจวัดอุณหภูมิที่สนามบิน จี้หน้าผาก ก็จะขาน ๓๕ ไม่ถึง ๓๗.๕ ก็จะผ่านเข้าเมืองเที่ยวทั่วไทยได้สบาย

                และอย่าลืม ญี่ปุ่น-ฮ่องกง เป็นจุดทรานสิตของคนเดินทางมาจากยุโรป-สหรัฐฯ

                ทั้งสองแห่งนี้ อยู่นอกบัญชีเขตโรคติดต่อก็จริง แต่เป็นประเทศโควิดระบาดแรง โดยเฉพาะญี่ปุ่น

                ดังนั้น จึงเป็นข้อควรระวัง และคิดหามาตรการป้องกันที่รัดกุมแต่ต้น

                ก่อนจะมีนักท่องเที่ยวหรือคนไทยจากยุโรปนำเชื้อที่ติดโดยไม่รู้ตัวเข้ามา

                ที่บอกว่า ใครจะมาเที่ยว ๗ วัน ต้องจองโรงแรมกักตัวด้วย ๑๔ วันรวมเป็น ๒๑ วันนั้น

                ก็เข้าใจเจตนา แต่นั่นแหละ จะเข้าตำรา "เสียน้อย-เสียยาก, เสียมาก-เสียง่าย"

                ในยามนี้ ก็เข้าใจ "คนทำงาน" ต้องการกำลังใจ ไม่ควรตำหนิอันเป็นการรานน้ำใจกัน

                ก็ไม่ได้ตำหนิ แต่อยากบอกว่า ยามเข้าสงคราม ต้องใช้แม่ทัพชำนาญศึก

                ขณะนี้ เหมือนเข้าสงคราม รัฐบาลควรให้ "สาธารณสุข" เป็นกองบัญชาการส่วนหน้า

                ให้แพทย์เขาเป็น "แม่ทัพใหญ่" มีอำนาจวางแผน, สั่งการ, ปฏิบัติการ นำทัพแพทย์-พยาบาล, บุคลากรทางการแพทย์ เข้าประจัญบานกับทัพโควิด-๑๙ เถอะ

                ฝ่ายการเมือง คือพวกรัฐมนตรีคนเก่ง ๓-๔ กระทรวง ให้เป็น "กองทัพหนุน" อยู่ข้างหลัง

                คอยฟังทัพใหญ่ คือฟังฝ่ายแพทย์-ฝ่ายพยาบาลซึ่งอยู่ในภาคสนามเขาบอก ต้องการอะไร อยากให้ประกาศอะไร ค่อยเป็นไปตามนั้น

                การเมืองอย่าไปเกะกะออกหน้า ทำเก่งขวางมือ-ขวางเท้าฝ่ายปฏิบัติการเขา

                และควรเข้าใจ ประเด็นผีน้อย-ผีใหญ่ จะทำให้การระบาด "มีความเป็นไปได้" ทั้งประเทศ

                นั่นคือ รัฐบาลอย่าใช้ทหาร-กองทัพเป็น "เจเนอรัลเบ๊" จนเคยตัว

                กรณีอย่างนี้ อสม.ก็ดี กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านก็ดี อบต.ก็ดี รัฐบาลควรระดมเข้ามาเป็น "ปฏิบัติการส่วนร่วม"

                คนกลับเข้ามาเป็นหมื่น-เป็นแสน ก็พูดได้ "เอาไปกักตามค่ายทหาร" แต่ทางปฏิบัติ มากขนาดนั้น เอาคนที่ไหนไปดูแล?
                และแน่หรือ จะไม่มีเล็ดลอดหนีการกักดูอาการอย่างผีน้อยเมื่อวาน?

                นั่นคือ ต้องให้เจ้าหน้าที่แต่ละพื้นที่ "ทั่วประเทศ" มามีส่วนร่วม มารับรู้ปัญหา มารับรู้, ฝึกวิธีป้องกัน-ระวัง

                และให้ อสม.-กำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน-อบต.เป็นผู้กำกับ, ควบคุม, รายงานผล กรณีส่งคนในพื้นที่นั้นๆ ไปกักดูอาการ ๑๔ วัน ในเขตนั้น

                เงินค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าจ้างบุคลากรพื้นที่ ค่าบริหารจัดการต่างๆ จะได้กระจายออกไป "สร้างสภาพคล่อง" ตามหมู่บ้าน ชุมชน ชนบทด้วย

                สรุปกันตรงๆ ชัดๆ..........

                ชั่วโมงนี้ ต้องให้สาธารณสุข "แพทย์-พยาบาล" เขาเป็นพระเอก

                รัฐบาลคอยส่งกำลังบำรุง จัดหาและสั่งการตามแผนงานของแพทย์ อันเป็นกองกำลังส่วนหน้า

                เรื่องโควิด-๑๙ ไม่ใช่เค้ก

                ฉะนั้น การเมือง จะมาขม้ำ อะไรกัน...หือ? 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"