ตำรวจ ปคบ.ร่วมกับ อย.บุกจับป้ายห้อยคอป้องกันไวรัสโควิด-19 พบของกลางกว่า 100 ชิ้น ขายทางออนไลน์ชิ้นละ 400 บาท อ้างปล่อยสารยับยั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ไม่ต้องใช้หน้ากากอนามัย อีกราย สาวหลอกขายหน้ากากอนามัยทั้งที่ไม่มีของอยู่จริง
มีรายงานว่า พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) สั่งการ พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ ผกก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นำหมายค้นของศาลจังหวัดธัญบุรีและศาลอาญาเข้าตรวจอาคารพาณิชย์ หมู่บ้านพฤกษาวิลล์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และบ้านพัก ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ หลังสืบทราบว่าบ้านทั้งสองหลังมีการกักตุนสินค้าที่อวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้
พ.ต.อ.ชนันนัทธ์เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่ามีการขายแผ่นป้ายหรืออุปกรณ์ห้อยคอในรูปแบบต่างๆ ในสื่อออนไลน์ ราคา 300-500 บาทต่อชิ้น โดยมีการอวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถปล่อยสารบางอย่างออกมาช่วยกรองอากาศ สามารถป้องกันและยับยั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ และสามารถใช้แทนหน้ากากอนามัยได้ จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน จนทราบว่าอาคารบ้านพักทั้งสองหลังเป็นแหล่งกักตุนสินค้า จึงนำหมายค้นเข้าตรวจสอบ
จากการตรวจค้นทั้งอาคารบ้านพักทั้งสองหลัง สามารถตรวจยึดผลิตภัณฑ์ Virus Shut Out ที่อวดอ้างสรรพคุณว่าเมื่อห้อยคอสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้จำนวนกว่า 100 แผ่น จึงได้ตรวจยึดเพื่อตรวจสอบ ในเบื้องต้นได้สอบถามนายโน้ต และนายเอ็ม ให้การว่าเป็นผู้ดูแลสินค้า รับแผ่นดังกล่าวมาจำหน่ายในราคาชิ้นละ 400 บาท ซึ่งขั้นตอนจากนี้ได้ส่งแผ่นดังกล่าวไปตรวจ หากพบว่ามีสารคลอรีนไดออกไซด์ตามที่กล่าวอ้าง จะถูกดำเนินคดีในข้อหาครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่หากไม่พบสารคลอรีนไดออกไซด์ ก็จะดำเนินการแจ้งข้อหาฉ้อโกงต่อไป
พ.ต.อ.ชนันนัทธ์กล่าวว่า อุปกรณ์ห้อยคอในรูปแบบต่างๆ ในสื่อออนไลน์ เช่น ปากกา พัดลม ที่อวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถปล่อยสารบางอย่างออกมาช่วยกรองอากาศ สามารถป้องกันและยับยั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศ สามารถใช้แทนหน้ากากอนามัยได้นั้น ขอแจ้งว่า ผลิตภัณฑ์ที่สามารถฆ่าเชื้อในอากาศจัดเป็นวัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน หรือทางสาธารณสุข ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งต้องขอขึ้นทะเบียนและขออนุญาตนำเข้ากับ อย. และผ่านการประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยก่อนจึงจะสามารถขายได้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้ขึ้นทะเบียนกับ อย. จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะจะทำให้ขาดความระมัดระวัง ละเลยการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง เช่น คิดว่าคล้องแผ่นป้ายนี้แล้วไม่ต้องใส่หน้ากากอนามัย ไม่ต้องล้างมือ ไม่ต้องกินร้อน ช้อนกลาง
"ขอย้ำว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่สามารถป้องกันไวรัสได้ และขอเตือนไปยังผู้ลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่อวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสดังกล่าวให้หยุดขายสินค้นดังกล่าวทันที ผู้ที่ฝ่าฝืนนำเข้าโดยไม่ขึ้นทะเบียนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากไม่ขออนุญาตนำเข้าจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากพบเห็นการโฆษณาขายสินค้าดังกล่าวสามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ.1135 หรือทางเพจ รู้ทันภัยเครื่องสำอาง อาหารและยา” พ.ต.อ.ชนันนัทธ์กล่าว
ด้านกองปราบปราม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป. นำกำลังจับกุม น.ส.ชนัญชิดา หรือนุ่น นาคประสูตร อายุ 25 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.84/2563 ลงวันที่ 5 มี.ค.2563 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ” จับกุมได้ที่บริเวณหมู่ 8 ต.บัวปากท่า อ.บางเลน จ.นครปฐม
ก่อนหน้านี้ กองปราบปรามได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีผู้หลอกขายหน้ากากอนามัยป้องกันไวรัสโควิด-19 ผ่านทางเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อ “Khun nune หน้ากากอนามัยราคาส่ง” ทำให้มีผู้หลงเชื่อสั่งซื้อนับสิบราย บางรายก็จะสั่งซื้อหน้ากากอนามัยเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปบริจาคให้กับเพื่อนที่อยู่ประเทศจีน หรือบริจาคให้กับหน่วยงานต่างๆ ที่กำลังขาดแคลน หรือเอาไว้ใช้ส่วนตัว ต่อมาเมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปให้แล้ว ผู้ต้องหาก็จะทำทีว่าจะส่งสินค้าให้ทันที หรือส่งไปกับบริษัทส่งสินค้าเอกชน แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก เกิดความเสียหายรวมกันแล้วหลายแสนบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า ผู้ต้องหาเคยมีประวัติก่อคดีหลอกลวงขายสินค้ามาแล้วหลายประเภท ทั้งโทรศัพท์มือถือ, เสื้อผ้า, รองเท้า ซึ่งเมื่อปี พ.ศ.2558 ผู้ต้องหาเคยถูกจับคดีหลอกซื้อขายสินค้าออนไลน์ ภายหลังได้ประกันตัวก็ยังไปก่อเหตุขึ้นอีก ขณะนี้กำลังหลบหนีคดีอยู่ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับ กระทั่งตามจับกุมตัวได้พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็มที่ใช้หลอกลวงผู้เสียหาย
จากการสอบสวน น.ส.ชนัญชิดาให้การรับสารภาพว่าได้หลอกลวงผู้เสียหายจริง ส่วนเงินที่ได้ก็จะนำไปซื้อทอง, แหวน และไปใช้เที่ยวเตร่ จึงแจ้งข้อหาตามหมายจับก่อนนำตัวส่ง สภ.ปากเกร็ด ดำเนินคดีต่อไป.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |