7 มี.ค.63 - เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข แถลงภาพรวมสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ประจำวันที่ 7 มี.ค.) โดยประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 2 ราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ถูกเฝ้าระวังจำนวน 6 ราย กรณีเดินทางกลับจากการดูงานประเทศอิตาลี ทำให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 50 ราย ซึ่งไทยอยู่ในลำดับที่ 25 ของโลก รักษาหายดีแล้ว 31 ราย กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล 18 ราย ขณะที่ภาพรวมการติดเชื้อทั่วโลกแตะแสนรายแล้ว โดยในประเทศได้ดำเนินมาตรการคัดกรองอย่างเข้มงวด นอกจากนี้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้เรียกประชุมบูรณาการมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยมีการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก เพื่อรองรับกรณัแรงงานผิดกฎหมายเดินทางกลับจากประเทศเกาหลีใต้และบางส่วนใช้บริการรถสาธารณะ ซึ่งต้องขอร้องว่ามาตรการสาธารณสุขจะกระทบต่อความสะดวกสบายของประชาชน เช่น การลดกิจกรรมทางสังคม การเดินทาง การกักตัว 14 วัน และการใช้หน้ากากอนามัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกระจายในวงกว้าง
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ เป็นชายไทยอายุ 40 ปี พนักงานบริษัทรักษาตัวในโรงพยาบาลราชวิถี และรายที่ 2 เป็นชายชาวไทยอายุ 40 ปี รักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี โดยผู้ป่วยรายใหม่อยู่ในกลุ่มคนไทยเฝ้าระวังจำนวน 6 คน จึงไม่มีผู้สัมผัสใกล้ชิด ส่วนหญิงไทยอายุ 30 ปี ที่เป็นแรงงานนอกระบบจากเกาหลีใต้ ตรวจพบอาการไข้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ผลการตรวจซ้ำทางห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่งตรวจไม่พบเชื้อ สำหรับผู้ป่วยหนัก 1 รายที่รักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว แต่อาการยังอยู่ในภาวะวิกฤต
ด้านนพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนตื่นตัวโทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยติดต่อสอบถามมายังฮอตไลน์หมายเลข 1422 จากระดับ 100 ครั้งต่อวัน เพิ่มขึ้นมาเกือบ 2,000 ครั้งต่อวัน จนเกิดปัญหาโทรเข้าไม่ได้ สธ.จึงเปิดช่องทางเพิ่มเติมในโซเซียลมีเดีย เฟซบุ๊ก ไลน์ ทวิตเตอร์ ในเพจ "ไทยรู้สู้โควิด" และแชทบอท " Kor-Ror ok" สำหรับตอบคำถามทั่วไปแบบอัตโนมัติ สำหรับ
สถานการณ์การติดเชื้อทั่วโลกจำนวน 100,779 รายงาน เจ็บป่วยหนักจำนวน 6286 ราย เสียชีวิต 3,412 ราย ขณะที่ประเทศไทยตัวเลขผู้ป่วยที่รักษาหายและจำนวนผู้เสียชีวิต ในลำดับที่ดีกว่าประเทศอื่นทั่วโลก ซึ่งขณะนี้กราฟการติดเชื้อกระจายไปเกือบทั่วทุกภูมิภาคของโลก แต่ไทยยังอยู่ในลำดับที่ดีขึ้น ในส่วนของการออกประกาศให้ 4. ประเทศเป็นเขตติดโรค แสดงถึงความเข้มข้นของทางการไทย โดยใช้หลักพิจารณาจากประเทศที่มีผู้ป่วยตั้งแต่ 1,000 รายขึ้นไป อย่างไรก็ตาม พบว่ามีประเทศเฝ้าระวังจำนวนมากอยู่ในยุโรป จึงขอให้ประชาชนที่เดินทางกลับจากประเทศเฝ้าระวัง สมัครใจดูแลตนเองเพื่อให้เกิดความสำเร็จในการควบคุมโรค
"อยากให้สื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าวในแง่มุมดีๆ ในมุมมองเชิงสร้างสรรค์ เช่น ซีพีบริจาคอาหาร 3 มื้อ แบบส่งถึงบ้านฟรีให้กับผู้สมัครใจกักตัวเองในบ้านพัก หรือการรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการกักตัวเองในบ้านพัก เพื่อทำให้กลุ่มแรงงานที่กลับจากต่างประเทศเห็นภาพตัวอย่างที่เป็นเชิงบวก รวมถึงการขอความร่วมมือเข้าไปกักตัวในสถานที่ราชการ กรณีมีการต่อต้านอยากให้มองสัตหีบเป็นตัวอย่าง ที่ภาครัฐสามารถดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมได้ และขอให้ตระหนักว่าทุกคนเป็นคนไทยเช่นกัน"โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงส่วนกรณีที่โลกโซเชียล มีการดันแฮชแท็ก #saveหมอโอ๊ต เพื่อปกป้อง นพ.ศรุต ประวิตรกุลวัฒน์ หลังออกมากล่าวถึงการทำงานของรัฐบาลเรื่องการป้องกันการระบาดโควิด-19 ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน และมาตรการควบคุม "ผีน้อย" กลับไทย จนถูกกดดันจนต้องลบคลิป และถูกกดดันให้ลาออกจากที่ทำงานและข่มขู่ถึงขั้นยึดใบประกอบวิชาชีพ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าเรื่องนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด และไม่รู้จักหมอโอ๊ต ว่าเป็นแพทย์ที่ใด หรือเป็นใคร จึงไม่สามารถตอบได้แล้วสั่งปิดการแถลงข่าวทันที
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |