เคาะแล้วมาตรการรับ "ผีน้อย" ใช้อู่ฮั่นโมเดล กักตัวที่เกาหลีก่อน 14 วัน ถึงไทยไม่ให้กลับบ้าน ส่งภูมิลำเนากักตัวในค่ายทหาร-สนามกีฬา 14 วัน รวมเป็น 28 วัน จังหวัดเป็นผู้ดูแล ใครป่วยห้ามขึ้นเครื่อง อยู่รักษาตัวที่เกาหลีใต้ต่อ "บิ๊กตู่" ตั้งวอร์รูมกลางทำเนียบรัฐบาล ใช้ชื่อ“ศูนย์ข้อมูลโควิด-19” สั่งคัดกรองเข้มจากพื้นที่้้เสี่ยงทั่วโลก สนามบิน ท่าเรือ ชายแดน ด่านตรวจ ไม่ให้หลุด
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ลงนามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 72/2563 เรื่องจัดตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโรนา 2019 (covid-19) มีเนื้อหาสรุปว่า ตามที่ปรากฏเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนองค์การอนามัยโลก (WHO) แจ้งเตือนทุกประเทศ และกระทรวงสาธารณสุขประกาศให้โรคดังกล่าวเป็นโรคติดต่ออันตรายตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 เพื่อให้การป้องกันการแพร่ระบาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สมควรจัดตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาฯ เพื่อบูรณาการความช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนทุกมิติ
รวมทั้งสร้างความรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนให้รู้เท่าทัน ไม่ตื่นตระหนกในข่าวสารอันไม่เป็นความจริง อาศัยอำนาจตามมาตรา 11 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เรียกโดยย่อว่า “ศูนย์ข้อมูลโควิด-19” ที่ทำเนียบรัฐบาล หรือสถานที่อื่นตามที่นายกฯ กำหนด
โดยให้มีผู้อำนวยการศูนย์ฯ หนึ่งคนตามที่นายกฯ มอบหมาย ขึ้นตรงต่อนายกฯ โดยให้มีภารกิจอำนวยการ ประสานงาน และกำกับดูแลข้อมูลเกี่ยวกับโรคดังกล่าว และให้มีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้ คือ รวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่อย่างถูกต้อง รับเรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียน และประสานการช่วยเหลือ ติดตามการปฏิบัติงาน พร้อมชี้แจงประชาชนและภาคเอกชน เพื่อประสานความร่วมมือโดยเฉพาะขั้นตอนการเฝ้าระวังและป้องกันการติดเชื้อ การรับบริจาคเงินและสิ่งของเพื่อสนับสนุนภารกิจ โดยให้รายงานความคืบหน้าต่อนายกฯ ทุกวัน และให้ใช้งบประมาณจากงบของสำนักนายกฯ ในการดำเนินการ
วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมจัดเตรียมมาตรการเร่งด่วนเพื่อรองรับแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงต่อการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารืออย่างพร้อมเพรียง โดยในที่ประชุมนอกจากจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาวัดไข้ให้กับทุกคนแล้ว ยังได้มีการแจกเจลล้างมือให้กับผู้เข้าร่วมประชุมด้วย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างเป็นประธานการประชุมวาระเร่งด่วน เรื่องมาตรการรองรับกลุ่มผู้ประสงค์เดินทางกลับจากเกาหลีใต้ หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตอนหนึ่งว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร รัฐบาลก็ต้องดูแล เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน เหมือนที่เคยดูแล 138 คนจากอู่ฮั่นมาแล้ว ดังนั้นจะต้องหาหนทางปฏิบัติให้ดีที่สุด ทั้งนี้ ก่อนการประชุมมีการตรวจวัดอุณภูมิ พร้อมแจกเจลล้างมือคู่กับเอกสารการประชุมให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนด้วย
มีไข้ห้ามกลับไทย
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์แถลงข่าวว่า ให้ความสำคัญสิ่งที่ประชาชนห่วงใยเกี่ยวกับเรื่องผีน้อยซึ่งจะเดินทางกลับ ทุกคนเป็นห่วงเรื่องการกักตัวที่บ้าน วันนี้ที่ประชุมมีมาตรการ ได้สั่งการไปแล้วว่าเราจะดูพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ทุกประเทศทั่วโลก มาตรการคัดกรองทั่วไปที่ดำเนินการอยู่คือที่สนามบิน ท่าเรือ ชายแดน ด่านตรวจต่างๆ ทั้งหมด มีการตรวจสอบไปแล้วจำนวนกว่า 3 ล้านคน ในช่วงที่มีการระบาด มีการคัดกรองเข้าสู่การรักษา กักตัวอีกส่วนหนึ่งเพื่อดูอาการ
นายกฯ กล่าวว่า สิ่งที่ได้ประชุมและหารือวันนี้คือเตรียมการรองรับในเรื่องผีน้อย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานไทยที่ไปทำงานในเกาหลีใต้จำนวนมาก ทั้งถูกและผิดกฎหมาย ถือเป็นคนไทยทั้งสิ้น เราต้องดำเนินมาตรการไม่ให้ส่งผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้นในระบบสาธารณสุขของไทย โดยที่ประชุมได้หารือถึงต้นทางคือกระทรวงคมนาคม การท่าอากาศยาน กระทรวงการต่างประเทศ ต้องตรวจสอบคัดกรองให้มีมาตรฐานมาตั้งแต่ประเทศต้นทาง โดยต้องมีการรับรองว่าไม่ติดโรคอะไรต่างๆ มาในชั้นต้นก่อน และทุกสายการบินต้องปฏิบัติตามนี้ ทุกสายการบินตรวจสอบอยู่แล้วว่าใครมีไข้จะไม่อนุญาตให้ขึ้นเครื่อง แต่หากหลุดขึ้นมาแล้วเป็นไข้บนเครื่องบิน เขาจะต้องแยกที่นั่ง และใช้ห้องน้ำพิเศษแยกออกจากกัน มีการใช้หน้ากากอนามัย ทั้งหมดต้องมีมาตรการดูแลบนเครื่องบินด้วย
"เอาง่ายๆ คือถ้ามีไข้เขาไม่ให้ขึ้นเครื่อง โดยมีมาตรการการคัดกรองจากต้นทาง โดยเฉพาะจากเมืองที่มีปัญหา กระทรวงการต่างประเทศยกระดับการพูดคุยระดับรัฐมนตรีของทุกประเทศ เมื่อลงมาถึงสนามบินแล้ว ก็จะมีด่านตรวจและผ่านมาตรการการรับรองด่านตรวจโรค โดยผ่านกล้อง 3 ระดับ ต่อไปจะมีการคัดกรองจากเมืองที่มีปัญหาที่สุดเข้าช่องทางที่จะต้องตรวจสอบโดยละเอียด และเมื่อผ่านการคัดกรองในจุดเหล่านี้แล้ว จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการคัดแยกผู้มีไข้ ไม่มีไข้ คนที่มีไข้ต้องเข้าสู่พื้นที่กักกันของรัฐ เรียกว่าพื้นที่ควบคุมโรค จะมีการควบคุมในพื้นที่ของรัฐ ขณะนี้ดำเนินการอยู่แล้ว มีผู้อยู่ในพื้นที่ควบคุมประมาณกว่า 30 คน รัฐบาลต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน"
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่คนไทยห่วงกังวลเรื่องผีน้อย วันนี้ได้ตรวจสอบไปยังประเทศต้นทาง สามารถทำได้อยู่แล้ว ก็จะมีการคัดกรองจากด่าน ตม.ของเกาหลีใต้ว่าคนเหล่านี้มาจากเมืองไหน มีความเสี่ยงอย่างไร แล้วจะกลับภูมิลำเนาที่ใด เมื่อเดินทางผ่านเข้ามาเราจะดำเนินการให้รัดกุม โดยเฉพาะผีน้อย พื้นที่ที่มีความเสี่ยงมากที่สุดคือ 2 เมือง แทกูและจังหวัดคย็องซังเหนือ ซึ่งมีการแพร่ระบาดมากที่สุดของเกาหลีใต้
"ดังนั้น คนที่มาจากสองเมืองนี้ เมื่อเข้ามาแล้วจะต้องถูกควบคุม ไม่มีการให้กลับไปควบคุมที่บ้าน ก็น่าจะสบายใจกันขึ้นแล้ว โดยจะมีพื้นที่ในการควบคุมคนเหล่านี้ มีแพทย์เข้าไปดูแล จะทำในมาตรฐานที่เราควบคุมในปัจจุบัน แต่ต้องหาพื้นที่ควบคุมเพิ่มเติม อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะเป็นพื้นที่ใด และต้องมีการรายงานตัว รายงานผลทั้งหมด จะมีการใช้แอปพลิเคชันเข้ามาร่วมด้วย รวมถึงแพทย์ทหาร แพทย์เคลื่อนที่เร็วเข้ามาช่วยดูแลด้วย เพราะเราต้องเตรียมความพร้อมให้มากกว่า เนื่องจากมีคนทยอยเข้ามามากขึ้น"
"ผีน้อย"ทยอยมา
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การเข้ามาคงจะไม่เข้ามาทีเดียว 4,000-5,000 คน เป็นการทยอยเข้ามา โดยผ่านมาตรการควบคุมของเกาหลีใต้ สายการบิน จนมาถึงการคัดกรองของไทย ดังนั้น ทุกคนที่มาจากสองเมืองดังกล่าวจะต้องถูกควบคุม 14 วัน ย้ำอีกครั้งว่าไม่มีควบคุมที่บ้านเพื่อลดการแพร่กระจายไปในพื้นที่ต่าง เราจำเป็นต้องแก้ไขไปทีละขั้นตอน สิ่งสำคัญที่สุด ทำอย่างไรคนไทยจะปลอดภัยมากที่สุด และมีความเชื่อมั่น
นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของผู้ที่เดินทางกลับจากเมืองอื่นๆ ของเกาหลีใต้ ก็จะมีขั้นตอนคัดกรอง ถ้าเป็นไข้ก็จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเพื่อตรวจเช็กอาการและกักตัวไว้ ส่วนผู้ที่ไม่มีไข้จะส่งไปยังพื้นที่ควบคุมตามภูมิลำเนาเป็นเวลา 14 วัน โดยกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด จัดหาสถานที่รองรับในลักษณะพื้นที่จำกัด เช่น สนามกีฬา เป็นต้น
เมื่อถามว่า แนวโน้มพื้นที่กักกันจะเป็นโรงพยาบาลหรือพื้นที่ทหาร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กำลังเตรียมการอยู่ ท้ายที่สุดนึกอะไรไม่ออกก็บอกทหาร ไม่ต้องกลัว
"ขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองให้ปลอดภัย ซึ่งมีหลายปัญหามาอยู่กับเรา ฉะนั้นไม่อยากให้เอาอะไรหลายๆ อย่างมาพันกันไปมา แยกเรื่องกันหน่อยแล้วกัน เรื่องใดเป็นเรื่องใดก็ว่าไป เรื่องของประชาชนก็ต้องช่วยรัฐบาล การแก้ไขปัญหาโควิด-19 มีแนวนโยบายจะปรับงบประมาณบางส่วน เพื่อให้มีเงินมาดูแลในเรื่องเหล่านี้ ไม่อย่างนั้นงบประมาณเราจำกัด แผนงานโครงการบางอันที่ยังไม่มีความพร้อมต้องระงับไปก่อน เพื่อมีเม็ดเงินมาดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการดูแลเรื่องเศรษฐกิจให้ถึงระดับล่างให้ได้เป็นกลุ่มไป" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงปัญหาหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอความต้องการประชาชนว่า กำลังให้ชุดติดตามช่องทางการขายหน้ากากดูว่ามาอย่างไร ซึ่งเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ได้เคลียร์ไปแล้วจากโรงงานไปสู่ผู้แทนการขาย ร้านค้า ร้านจำหน่าย เดี๋ยวจะไปตรวจร้านค้าย้อนกลับขึ้นไปข้างบนว่า สั่งซื้อที่ไหนอย่างไรทำไมไม่ได้ของ หรือว่าของมันน้อย เพราะปริมาณที่เขาสรุปมาในขณะนี้มีประมาณวันละล้านกว่าชิ้น หากจำหน่ายตามช่องทาง และร้านค้าที่ว่าจริงก็จะโอเค ส่วนหนึ่งได้แบ่งให้กระทรวงสาธารณสุขไปใช้ทางด้านบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล และบางส่วนนำไปจำหน่ายในร้านค้าขององค์การเภสัชฯ รวมประมาณกว่า 3 แสนชิ้น ที่เหลือ 7-8 แสนชิ้นไปอย่างไร เพราะตอนนี้เราคุมได้จากโรงงานผลิตได้เท่าไหร่ เดี๋ยวจะไปตรวจบัญชีว่าส่งไปที่ไหนบ้าง เพื่อที่จะหาให้เจอว่าหายไปไหน กักตุนหรือไม่ ลักลอบขายต่างประเทศหรือไม่
กักตัวรวม 28 วัน
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มผีน้อยเนื่องจากเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จึงจะต้องขออนุญาตทาง ตม.เกาหลีใต้ก่อนถึงจะได้รับอนุญาตให้เดินทางออกมาได้ ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 10 วัน ดังนั้นจึงได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศเจรจากับทางรัฐบาลเกาหลีใต้ ว่าขอให้ยืดกระบวนการนี้เป็น 14 วัน และให้มีการกักกันตัวเอง 14 วัน ถึงให้ขึ้นเครื่องกลับมาได้ ซึ่งก่อนที่จะขึ้นเครื่องก็ต้องวัดไข้ก่อน หากมีไข้ก็ไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน และจะต้องเข้ารับการรักษาก่อน
ส่วนคนที่ไม่มีปัญหาเมื่อเดินทางกลับมาถึงก็จะถูกวัดไข้เช่นกัน หากมีไข้ก็เข้าโรงพยาบาลตามระบบ แต่หากไม่มีไข้ก็จะต้องถูกกักกันเพื่อเฝ้าระวังโรค 14 วัน ซึ่งจะกักในพื้นที่ที่รัฐจัดให้ รวมทั้งหมดที่จะต้องถูกกักเป็น 28 วัน อย่างไรก็ตาม การเดินทางกลับมาไม่ได้กลับมาพร้อมกันจำนวนมาก แพทย์ บุคลากร เตียง คิดว่ามีเพียงพอ
นายอนุทินกล่าวว่า สถานที่กักกันมีหลายที่ มีทั้งของทหาร กองทัพ และ สธ.ก็มีเล็งไว้หลายที่ เรื่องของสาธารณูปโภคมารองรับไม่ใช่ปัญหา นอกจากส่วนของผีน้อยแล้วทุกคนที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ และไม่ว่าจะมาจากเมืองใดก็ตาม เมื่อมาถึงประเทศไทยก็ต้องกักกันเพื่อเฝ้าระวัง 14 วันด้วย แม้จะมีมาตรการดังกล่าวแล้ว ไม่กล้าพูดว่าจะเจอผู้ป่วยเป็นศูนย์ หรือหากมีก็ต้องน้อยสุด และถูกตรวจจับได้ตอนนี้เริ่มทยอยแล้ว เมื่อตรวจเชื้อไม่เจอก็นำไปอยู่ในพื้นที่ที่เราจัดหาให้ ไม่ได้ให้กลับบ้าน ส่วนคนที่กลับเข้ามาก่อนหน้านี้นั้นได้มีการติดตามอยู่แล้ว
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้นำเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาขั้นตอนการเตรียมการรองรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐเกาหลี โดยผู้โดยสารที่เดินทางมาจากเกาหลี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จะจัดหลุมจอดแยก ณ ท่าอากาศยานที่เที่ยวบินมาจากสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อให้ผู้โดยสารขาเข้าผ่านการคัดกรองจากเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ณ ด่านควบคุมโรค บริเวณที่จัดไว้สำหรับเป็นพื้นที่คัดกรอง ซึ่ง ทอท.ได้จัดเครื่องเทอร์โมสแกนเพื่อคัดกรองผู้โดยสาร 3 จุด คือ บริเวณหน้า Gate, หน้าด่าน ตม. และด่านศุลกากร
ทั้งนี้ กรณีพบผู้โดยสารมีอาการป่วย มีไข้ สธ.จะดำเนินการต่อผู้ป่วยตามขั้นตอนวิธีปฏิบัติที่ สธ.กำหนด ในส่วนกรณีผู้โดยสารไม่มีอาการป่วย ไม่มีไข้ กระทรวงคมนาคม โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จะจัดรถส่งผู้โดยสารกลับภูมิลำเนา เมื่อถึงภูมิลำเนาจะมอบหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชน ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย (มท.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เฝ้าระวัง อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมาจาก 2 เมือง ประกอบด้วย แทกูและคย็องซังเหนือนั้น จะต้องถูกกักกันให้พักอยู่ในสถานที่ที่รัฐบาลกำหนดเป็นเวลา 14 วัน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) เนื่องจากกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศไม่สามารถผลิตสำหรับประชาชนทั้งประเทศได้
ด้านนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า สืบเนื่องจากที่สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานเงินเพื่อจัดหาหน้ากากอนามัยให้กับพระสงฆ์และสามเณรได้ใช้ป้องกันไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 ล้านบาทนั้น คาดว่าจะสามารถนำไปจัดซื้อหน้ากากอนามัยได้ 8 แสนชิ้น เนื่องจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ โดยปัจจุบันมีพระทั่วประเทศ ประมาณ 300,000 รูป เบื้องต้นตนได้ประสานทาง กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดซื้อหน้ากากอนามัยนำไปแจกจ่ายให้กับวัดต่างๆ โดยเฉพาะวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะมีความเสี่ยง เนื่องจากต้องรับกิจนิมนต์บิณฑบาตตามย่านชุมชนต่างๆ เช่น วัดใน กทม. ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก แต่ขณะนี้ทางกรมการค้าภายในยังไม่สามารถจัดหาได้ เนื่องจากจะต้องใช้เป็นจำนวนมาก จึงต้องประสานรอความพร้อมก่อน ขณะนี้มีแนวคิดว่าเราอาจจะซื้อวัตถุดิบเพื่อให้พระและสามเณรที่มีฝีมือจัดทำกันเอง
"สมศักดิ์อีเอ็ม"
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้นำกำไลอีเอ็ม หรืออุปกรณ์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์มาใช้กับกลุ่มผีน้อย หรือแรงงานผิดกฎหมายที่เดินทางกลับจากประเทศเกาหลีใต้ว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวคงต้องเสนอให้กระทรวงสาธารณสุขไปหารือกับสำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานเดียวที่มีกำไลอีเอ็ม เนื่องจากกำไลอีเอ็มของกระทรวงยุติธรรมถูกยกเลิกสัญญาหลังตรวจสอบพบอุปกรณ์บกพร่อง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเตรียมความพร้อมในการประกวดราคา คาดว่าจะประกาศผ่านเว็บไซต์เชิญชวนผู้ประกอบการให้เข้าร่วมประกวดราคาได้กลางเดือน มี.ค.นี้
ขณะที่ พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมใช้โรงพยาบาลทหารในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 รองรับแรงงานไทยกลับจากเกาหลีใต้ หลังส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดภาคอีสานว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานงานมาจากส่วนกลาง แต่เรามีความพร้อม เพราะมีโรงพยาบาลทหารทั้ง 10 มณฑลทหารบก (มทบ.) แต่หากมีเป็นจำนวนมาก อาจจะเปิดค่ายทหารรองรับ
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษก กห. เปิดเผยว่า กห.โดยทุกเหล่าทัพ ได้เตรียมการสนับสนุน สธ. ในมาตรการรองรับแรงงานไทยที่กำลังจะเดินทางกลับจากเกาหลีใต้ โดยได้นำพื้นที่พักทหาร จัดเตรียมเป็นพื้นที่ควบคุมโรคในพื้นที่ต่างๆ ของภูมิภาค สนับสนุนในการควบคุมและติดตามเฝ้าระวัง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงจากเมืองที่มีการแพร่ระบาด
ขณะเดียวกัน ได้เตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลทหารและบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ สนับสนุนการดูแลผู้ติดเชื้อขั้นต้น พร้อมทั้งจัดชุดแพทย์ทหารสนับสนุนการคัดกรองในพื้นที่ด่านชายแดน โดยจะคงความเข้มการทำงานร่วมกับ สธ.และส่วนราชการอื่นๆ ในแต่ละพื้นที่อย่างใกล้ชิด
มีรายงานข่าว กองทัพบกได้สั่งการไปมณฑลทหารบก 37 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะมณฑลทหารบกที่มีโรงพยาบาลค่ายอยู่ภายใน ให้เตรียมพร้อมจัดสถานที่ บุคลากร ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดแนวทางการปฏิบัติ สถานที่ควบคุม ต้องไม่อยู่บริเวณโรงนอนของกำลังพล และให้สาธารณสุขจังหวัด รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดของแต่ละจังหวัดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ โดยใช้โมเดลแบบอาคารพักรับรองสัตหีบ อ่าวดงตาล ฐานทัพเรือสัตหีบ ของกองทัพเรือ ที่เคยใช้เฝ้าระวังคนไทยกลับจากอู่ฮั่นประเทศจีน และหากพบผู้ป่วยให้นำส่งไปยังโรงพยาบาลของละจังหวัด
แต่ทั้งนี้ต้องรอความชัดเจนจาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ระหว่างหารือกับ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน
อย่าแตกตื่นผีน้อย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงว่า ขออย่าให้คนไทยแตกตื่นจนกระทั่งไปตีตราผีน้อย เพราะล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน กระทรวงสาธารณสุขได้มีการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการดำเนินการเตรียมการสำหรับการทยอยเดินทางกลับของคนกลุ่มนี้ ซึ่งไม่จำเป็นให้คนกลุ่มนี้กลับมาพร้อมกันทั้งหมด และเมื่อเดินทางกลับมาประเทศไทยแล้ว ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) สนามบิน และสายการบิน จะร่วมมือกับ สธ.ในการคัดกรองอย่างเข้มข้น เช่นเดียวกับการดำเนินการกับคนที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูง อย่างกรณีประเทศจีน หากพบผู้มีที่มีอาการไข้ จะแยกไปกักตัวในโรงพยาบาลทันที และเข้าสู่การขั้นตอนวินิจฉัย ดูแลรักษา พิสูจน์โรคโควิด-19 เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของโรค
ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการไข้ในกรณีที่เดินทางกลับมา 2 เมืองในเกาหลีใต้ คือ แทกูกับคย็องซัง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดนั้น จะถูกกักตัวในพื้นที่จัดพิเศษ หรือพื้นที่ควบคุมโรคตามที่รัฐบาลกำหนด ส่วนกรณีเดินทางมาจากเมืองอื่น จะประสานนำส่งกลับไปยังพื้นที่ภูมิลำเนา โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้บริหารจัดการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของค่าใช้จ่ายของคนเหล่านี้ใครจะเป็นผู้ออก นพ.สุวรรณชัยกล่าวว่า ค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องรอง แม้หลักการตามกฎหมายได้มีการกำหนดเรื่องค่าใช้จ่ายจะอยู่กับเจ้าของยานพาหนะและตัวบุคคลก็ตาม เพราะวัตถุประสงค์คือ เพื่อการปกป้องสังคมจากการระบาดของโรค โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวมาตลอดว่าค่าใช้จ่ายไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ประเด็นหลักคือจะทำอย่างไรให้ประชาชนปลอดภัย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่ ยังรักษาใน รพ. 11 ราย กลับบ้านแล้ว 31 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 43 ราย ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคสะสมทั้งหมด 3,680 ราย กลับบ้านได้แล้ว 2,435 ราย ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,545 ราย ส่วนผู้ป่วยอาการหนักยังใช้เครื่องช่วยหายใจเฝ้าระวังใกล้ชิด สถานการณ์ผู้ป่วยของไทยอยู่อันดับที่ 17 ของโลก
สำหรับกรณีแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้หรือผีน้อยที่เดินทางกลับมา พบว่า เดิมพบคนมีไข้นำส่ง รพ. 2 ราย และเมื่อคืนวันที่ 3 มี.ค. มีอีก 17 คน รวมมีทั้งหมด 19 คนที่มีไข้ ถือเป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค โดยผลการตรวจสารคัดหลั่งทางห้องปฏิบัติการ พบว่าไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้ง 19 คน ส่วนคนที่เหลือที่เดินทางกลับมาก็ให้ดำเนินการกักกันตัวเองที่บ้าน (Home Quarantine) 14 วัน หากมีไข้ไม่สบายให้รีบมาพบแพทย์ แจ้งประวัติการเดินทาง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |