ยาแรงฟื้นศก.สู้โควิด-19


เพิ่มเพื่อน    

                                                                

                คงไม่ต้องบอกแล้วว่า เจ้าไวรัส 'โควิด-19' นอกจากสั่นสะเทือนเรื่องสุขภาวะของโลกแล้ว มันยังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงของเศรษฐกิจโลก ชนิดที่เรียกว่า เป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 5 เลยทีเดียว

                เพราะการระบาดของมันส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงัก คนหยุดเดินทาง ท่องเที่ยวมีปัญหา  ส่งออกสะดุด ค้าขายไม่ออก ผลิตสินค้าไม่ได้ ซึ่งจะยอมรับว่าการระบาดของมันไปไกลกว่าที่มีการประเมินกันมาก นี่ขนาดจีน ประเทศต้นกำเนิดใช้ไม้แข็งในการจัดการ ก็ยังไม่สามารถควบคุมได้อยู่หมัด จนตอนนี้ก็เรียกได้ว่าระบาดไปทั่วโลกแล้วในทุกภูมิภาค

                ซึ่งเจ้า 'โควิด-19' นั้นได้ทำให้หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ ทั้งท่องเที่ยว ค้าปลีก โรงแรม ภาคการผลิต ซึ่งล่าสุดหลังจากสถานการณ์ระบาดอย่างรุนแรงในสหรัฐอเมริกา ทางเฟด (หรือธนาคารกลางของสหรัฐ) ก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินถึง 0.50% ซึ่งเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนอกรอบการประชุมของเฟดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.2551 ขณะที่เกิดวิกฤติการเงินในขณะนั้น

                โดยดอกเบี้ยใหม่จะอยู่ที่ 1.00-1.25% จากเดิม 1.50-1.75% ซึ่งการปรับลดเมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่ผ่านมา นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ให้เหตุผลว่า โคโรนาไวรัสกำลังส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

                นับเป็นยาแรงขนานแรกที่สหรัฐอเมริกานำออกมาใช้ เพราะในขณะนี้ด้วยมาตรการการควบคุมการระบาดนั้น เน้นการคุมการเดินทาง เฝ้าระวังประเทศกลุ่มเสี่ยง ส่งผลให้ปริมาณของคนเดินทางทั่วโลกลดลงไปมาก ส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ซึ่งหากไม่มีการลดดอกเบี้ยออกมา เกรงว่าด้วยระดับดอกเบี้ยในปัจจุบันจะไม่สามารถคุมให้เศรษฐกิจกลับมาเป็นบวกได้

                ขณะที่เมื่อมองกลับมาที่ประเทศไทย ต้องยอมรับว่า ไวรัส 'โควิด-19' ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมาก สะท้อนจากดัชนีหุ้นตกไปเกือบ 300 จุด นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา และยังไม่รวมกับธุรกิจท่องเที่ยว ค้าปลีก ที่ได้รับผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่ ดังจะเห็นจากการปรับลดเงินเดือนของบางบริษัท หรือการให้พนักงานลาแบบไม่รับเงินเดือน ซึ่งก็ถือว่า เป็นแรงกระเพื่อมจากการระบาดของไวรัส

                โดยคาดว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ น่าจะเห็นมติปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน โดยดอกเบี้ยใหม่ของไทย น่าจะอยู่ที่  0.75% เพื่อเป็นการประคับประคองธุรกิจให้ยังคงเติบโตได้ ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกมีความอึมครึมอย่างมาก

                แต่แน่นอนว่า การจะลดดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวน่าจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนักในปัจจุบัน เพราะเอาจริงๆ ตอนนี้ดอกเบี้ยในประเทศไทยก็ต่ำมากแล้ว แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนว่านโยบายการเงินนั้นไม่ค่อยมีแรงที่จะช่วยภาวะเศรษฐกิจได้ซักเท่าไหร่นัก

                คงจะต้องจับตาที่ภาครัฐ ซึ่งเป็นแกนหลักในการบริหารเศรษฐกิจดีกว่า ว่าจะดำเนินการอย่างไร ล่าสุดทาง นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งข่าวประชาชนว่า รัฐบาลและกระทรวงการคลังกำลังเร่งศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 อย่างรอบด้าน เพื่อจะออกชุดมาตรการในการลดผลกระทบ และช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการเป็นรายกลุ่ม และกำลังศึกษามาตรการอย่างรอบคอบ ซึ่งเมื่อมีการศึกษาเสร็จ กระทรวงการคลังจะเร่งนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาอย่างเร่งด่วนทันที

                นายอุตตมย้ำว่า ผลกระทบแต่ละภาคส่วนมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกมาตรการที่เหมาะสมในแต่ละกลุ่ม แสดงว่าแนวทางที่รัฐช่วยเหลือจะต้องไม่ใช่การช่วยแบบองค์รวม แต่จะเป็นการช่วยเหลือเฉพาะแต่ละกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบเลย

                คงต้องติดตามดูว่า แนวทางจะออกมาเป็นเช่นไร และจะเป็นยาไทยตำรับแรงที่จะช่วยประคองและพลิกฟื้นธุรกิจกลับมาได้หรือไม่ ต้องติดตามกัน ซึ่งคาดว่ากระทรวงการคลังคงไม่ทำแผนที่ช้าเกินไป.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"