3 มี.ค.63- นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการป้องกันกรณีแรงงานไทยในเกาหลีใต้ที่ลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมายเดินทางกลับมาเข้าประเทศไทยจำนวนมาก ว่า ขณะนี้กำลังหามาตรการ เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ยอมรับว่าส่วนตัวเพิ่งรู้จักคำว่าผีน้อย รู้สึกช็อกเหมือนกันว่าทำไมมีเรื่องแบบนี้ด้วย เพราะแผนการเราไม่ได้เตรียมไว้เจอสถานการณ์แรงงานไทยในเกาหลีใต้ที่ลักลอบทำงานอย่างผิดกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องดูแลทุกคนให้เต็มที่ โดยเย็นวันเดียวกัน (3 มี.ค.) จนถึงวันที่ 4 มี.ค. ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กำลังหามาตรการรองรับผีน้อยเหล่านี้อย่างไร ต้องทำให้ได้ ต้องควบคุมให้ได้ จะใช้ระบบบังคับกักตัว หรือให้ไปกักตัวภายใต้การควบคุมดูแลที่ใกล้ชิด ถือเป็นโจทย์ใหม่ที่ไม่ใช่ง่ายๆ แต่ต้องทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะใช้มาตรการเดียวกับที่กักตัวคนที่เดินทางมาจากญี่ปุ่นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องเข้มข้นกว่า อย่างที่อู่ฮั่น เรานำเครื่องบินไปรับ ทุกอย่างอยู่ภายใต้ระบบปิด แต่ครั้งนี้ระบบเปิดที่มากี่คนไม่รู้ ขอเวลานิดนึง แต่ต้องทำให้ได้ ไม่มีอะไรทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน อย่างไรต้องใช้วิธีการที่เข้มข้นที่สุด
เมื่อถามว่า แต่ขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่จะกักตัวคนที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มาตรการตอนนี้คือ ใช้วิธีคัดกรอง โดยขณะนี้เกาหลีใต้เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง ทุกไฟต์ที่เดินทางเข้ามาเหมือนกับที่เราทำกับจีนในช่วงต้นของการแพร่ระบาด ซึ่งทำได้อย่างดี ตรวจเข้มผู้โดยสารทุกคนที่มากับไฟต์บิน โดยตนเพิ่งลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2548 ให้ 9 ประเทศ เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง ซึ่งทุกคนที่มาจากประเทศเหล่านี้จะถูกกักตัว 14 วันที่บ้านทั้งหมด ยกเว้นผู้ที่มีอาการป่วยจะต้องถูกคัดแยกตัวมารับการรักษา
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความกังวลกันว่า มีการกักตัวที่บ้านหรือที่รัฐจัดให้ นายอนุทิน กล่าวว่า มีการกักตัวแน่นอน ไม่ว่าผีน้อยหรือผีใหญ่
นายอนุทิน กล่าวว่า ความเข้มข้นของมาตรการในตอนนี้คือ เข้มข้นขั้นสูงสุด เราไม่รู้ว่าคนในโลกนี้ที่เดินทางมาประเทศไทยมีเชื้อไวรัสโควิด – 19 หรือไม่ แต่ตอนนี้ยาพร้อม อุปกรณ์เวชภัณฑ์พร้อม แพทย์พร้อม ห้องพยาบาลพร้อม การคัดกรองเป็นไปอย่างเข้มข้น ตรงไหนที่ต้องรุกเราจะรุก ตรงไหนต้องรับเราจะรับ อย่างโจทย์ผีน้อยเขาไม่ได้มาทีเดียว 5,000 คน โดยจะต้องมีการประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทยในเกาหลีใต้ ประสานไปยังสายการบินต่างๆ ที่เข้ามาในไทยว่า ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ หากไม่ช่วยคัดกรองกัน เอาคนที่มีเชื้อและปัญหาเข้ามาในราชอาณาจักรจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง ต้องส่งกลับ ค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการกักตัวจะต้องเป็นของเจ้าตัวเอง มีมาตรการและบทบัญญัติในกฎหมายอยู่
“ถ้าผีน้อยไม่ใช่คนไทยปานนี้ประกาศไม่ให้มาแล้ว เพราะเป็นคนไทยเขาจึงมีสิทธิ์ที่จะกลับบ้านเกิดเมืองนอนเขา นี่จึงเป็นโจทย์ที่จะต้องทำการบ้านกัน”นายอนุทิน กล่าว
ต่อข้อถามว่า หากมีการให้เขาออกค่าใช้จ่าย จะทำให้เขาไม่พูดความจริงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เขาโกหกไม่ได้ พอเราประกาศไปแล้วเขาจะต้องถูกกักตัว หลุดไปไม่ได้เด็ดขาด เมื่อถามอีกว่า หากประกาศไปแล้ว ไม่ใช่แค่ผีน้อยอย่างเดียว แต่คนทั่วไปที่เดินทางมาต้องถูกกักตัวด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า โดนด้วย ฉะนั้นอย่ามา
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้เขาอยู่ในจุดเดียวก่อน แล้วค่อยรับมาทีเดียว นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปได้หมด ขอเวลาไปวางแผนก่อน เพราะนี่เป็นโจทย์ใหม่ โดยในวันที่ 4 มี.ค. เวลา 09.00 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมเพื่อหาเรื่องผีน้อย เพราะจำนวนมันเยอะ เป็นการบ้านที่ยาก
ถามว่า จะประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 3 หรือยัง นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้จะยังไม่มีการประกาศระยะที่ 3 เพราะคำจำกัดความของระยะที่ 3 คือ ต้องมีการแพร่ระบาดในประเทศในวงกว้าง แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงตรงนั้น คนไข้ติดเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่เราให้การรักษาซึ่งยังอยู่ในโรงพยาบาลตอนนี้เหลือแค่ 10 คน ที่เหลือกลับบ้านได้หมดแล้ว ตอนนี้จากตัวเลขที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังอยู่ในสภาวการณ์ที่ควบคุมได้อยู่
เมื่อถามว่า ขณะนี้คนเกาหลีใต้ไม่สามารถเดินทางมาได้แล้วใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กีดกันไม่ให้มา ถ้ามาเที่ยว 3 วัน แล้วถูกกักตัว 14 วัน เป็นใครจะมา
รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดต่อไวรัสโควิด – 19 ที่รัฐบาลตั้งขึ้น จะแยกต่างหากจากศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุข โดยกระทรวงสาธารณสุขจะมาเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ของรัฐบาล ทั้งนี้ ในส่วนของศูนย์ของกระทรวงฯ จะยังคงดูแลในเรื่องทางการแพทย์ การรักษาพยาบาล การบริการและยังมีการแถลงทุกวัน
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการที่มี ส.ส.นำหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้มาตรฐานมาแจกจ่ายประชาชน ได้รับทราบข้อมูลนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เดี๋ยวทางกระทรวงสาธารณสุขต้องไปให้ข้อมูลเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยว่าประโยชน์สูงสุดของการใช้หน้ากากอนามัยคือคนกลุ่มไหน เพราะหากไม่ใช่คนที่ไปประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือไม่ได้สัมผัสกับคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ เพื่อจะได้ไม่เกิดความกลัวหรือความตื่นตระหนกกัน เพราะปกติคนที่ใช้หน้ากากอนามัยคือ กลุ่มแพทย์หรือคนที่ต้องสัมผัสกับผู้ป่วย
ถามว่า หน้ากากอนามัยที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับโควต้ามาเพื่อแจกจ่ายตามโรงพยาบาลต่างๆ เพียงพอหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า น่าจะเพียงพอ เพราะกระทรวงฯเองมีเก็บไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้ภายในกระทรวง แต่ไม่มีพอที่จะไปแจกตามอีเวนต์ต่างๆ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |